อนุมัติงบฯกว่าแสนล้านกระตุ้นศก. ย้ำดูแลปัญหาเกษตรรายได้น้อย
วันพุธ ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2557, 18.27 น.
Tag :
1 ต.ค. 57 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่า มาตรการภาพรวมส่วนใหญ่เป็นเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่ และที่ค้างอยู่ ซึ่งเราดึงออกมาเพื่อปฏิบัติงานเร่งด่วน โดยแยกประเภทคือ 1.เรื่องการซ่อมแซมทุกกระทรวง ทบวงกรม เราเน้นการสร้าง เพราะต้องสำรวจอีกครั้งว่าจะคุ้มค่า มีความจำเป็นหรือไม่ ทุกอย่างจะเร่งซ่อม และนำไปสู่การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ จ้างงาน เพื่อให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น มีเม็ดเงินหมุนเวียนขึ้น 2.เรื่องการดูแลเกษตรกรที่มีรายได้น้อย เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ที่จะมีต่อไปในอนาคต เช่น กลุ่มชาวนา รวมถึงอีกหลายกลุ่มที่มีความเดือดร้อนจะทยอยแก้ทีละกลุ่ม เพราะเป็นปัญหาที่ต่อเนื่องมายาวนานแล้ว ไม่สามารถแก้ได้ในเวลาอันจำกัดทั้งระบบ แต่เราพยายามจะทำให้เป็นระบบให้ได้ เพราะฉะนั้นจะต้องมีมาตรการเร่งด่วนมาแก้ไข ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้จะลงไปสู่ประชาชน ทำให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้อนุมัติในหลักการไปหมดแล้ว ในวงเงิน แสนกว่าล้านบาท
เมื่อถามว่า แผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้จะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คาดหวังอย่างนั้น และเป็นวิธีการแก้ปัญหาตามหลักการอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่อยู่ที่วิธีการตัดสินใจ ซึ่งครม.และทุกกระทรวง ทบวง กรม เห็นชอบร่วมกัน โดยการขับเคลื่อนแบ่งออกเป็น2อย่างคือ 1. งบประมาณปี 58 หรืองบปี 57 ที่ค้างอยู่ยังไม่ดำเนินการและ 2.ที่เราให้กระทรวงการคลังไปตามเก็บมาเพิ่มอีก เพราะฉะนั้นจะเห็นว่าเราพยายามทำทุกวิถีทางแล้ว ทั้งงบประมาณใช้จ่ายภาครัฐ มาตรการทางภาษี ทั้งหมดเป็นการแก้ปัญหาตามหลักการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่เขาทำกัน แต่ของเราคนที่มีผลกระทบ รายได้น้อยมีจำนวนมากเราต้องแก้ไปตามลำดับ ดูแลทุกคน
เมื่อถามว่า ตอนนี้ตัวเลขส่งออกติดลบ จะแก้ปัญหาอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องไปดูว่าติดลบเพราะอะไร คงไม่ใช่เป็นความบกพร่องของเราแต่ฝ่ายเดียว การส่งออกติดลบไม่ใช่ส่งของไม่ได้ แต่เป็นเพราะเขาไม่ซื้อ เพราะกำลังการซื้อน้อยลง เศรษฐกิจโลกกำลังจะลง นั่นคือสิ่งที่เราต้องเตรียมการในวันข้างหน้า ที่เราเข้ามาวันนี้เราได้เตรียมการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไว้ แต่จะเกิดผลได้ทันทีคงยาก ต้องใช้เวลา เราจะแก้วันนี้ให้ได้ก่อน จะต้องขยายตลาดเพิ่มอย่างไร และดูมาตรการต่างๆ
เมื่อถามว่าถ้าเศรษฐกิจในปีนี้ไม่โตตามที่คาดไว้ จะถือว่าเป็นความผิดเพราะการบริหารของรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอบยาก เรามาแก้ปัญหาขณะนี้ และเราแก้ปัญหาแบบที่ใครเขาไม่เคยที่จะกล้าแก้มาก่อน เรามาแก้ปัญหาเป็นระบบ ไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำ เราแก้ให้เป็นระบบมากขึ้น
“ถ้าจะเป็นความผิดของเราก็แล้วแต่สังคม ถ้าอยากจะเป็นแบบเดิมก็เอา ผมคิดว่าอย่าเอามาเป็นสิ่งที่ว่าไม่เรียบร้อย ไม่ดีแล้วเอามาโทษ มาหาว่าเราไม่ดี ใช่ผมรับผิดชอบ เพราะผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล แต่ประเด็นสำคัญปัญหาเหล่านี้สะสมมานานแค่ไหน ลองไปทบทวนดูว่าเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง และในอดีตแก้ปัญหามาอย่างไร วันนี้มาแก้ปัญหาอีกวิธีการหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เกิดความยั่งยืนแต่ต้องใช้เวลา ฉะนั้นคำว่าใช้เวลาต้องพิจารณาดู เวลาที่ว่าควรจะยังไง ถ้าเราทำได้เร็วก็จบ ถ้าทำไม่ได้เร็วก็ว่ากันต่อไปผมไม่รู้” พล.อประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า มาตรการเศรษฐกิจที่อนุมัติไป คาดว่าจะทำให้ค่าจีดีพีสูงขึ้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราคาดการณ์ไม่ได้ขนาดนั้น เพราะเม็ดเงินจะลงยังไม่ลงไปเลย เราทำเร็วที่สุดแล้วและเต็มที่แล้ว แต่ต้องเข้าใจว่าผ่านขั้นตอนเยอะ ทั้งนี้การใช้จ่ายงบประมาณได้มาเป็นก้อน แต่มาเป็นเอกสาร และเวลานี้อยู่ที่กระทรวงการคลัง ซึ่งจะต้องเบิกเม็ดเงินมาตั้งโครงการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ
“ส่วนเรื่องการทุจริต ผมได้สั่งให้ตั้งคณะกรรมมอบให้รองนายกฯรับผิดชอบเป็นเขต เป็นจังหวัด โดยจะมีคณะกรรมการไปตรวจสอบและสุ่มตรวจ โครงการที่ลงทุนว่ามีทุจริตตรงไหน จะลงโทษทันทีนี่ถือเป็นมาตรการเร่งด่วน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องรอดูการแก้ปัญหาต้องเวลา ใช้การประเมินต้องรอดุว่าจีดีพีจะขึ้นหรือไม่ เพราะการที่จีดีพีจะขึ้นมีปัจจัยหลายอย่าง ทั้งส่งออก หรือพูดได้ว่าสัดส่วนรายได้ต้องสูงขึ้น ขอถามว่าจีดีพีจะสูงขึ้นได้ยังไงเมื่อเศรษฐกิจการส่งออกทำไม่ได้ หรือทำได้น้อย เพราะฉะนั้นจีดีพีตกแน่นอน เราจะทำอย่างไรให้การส่งออกดีขึ้น นั่นคือต้องไปพัฒนาระบบเทคโนโลยี สิ่งของ การประกอบการ หาตลาด การใช้จ่ายในประเทศ รายได้ของคนในประเทศ ทั้งหมดคือตัวหารเฉลี่ยทั้งหมด ฉะนั้นต้องเกิดในหลายมิติด้วยกัน ไม่ใช่สั่งวันนี้พรุ่งนี้เกิด พรุ่งนี้จะดีไม่ได้ แต่เป็นการประเมินว่าน่าจะดีขึ้น เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้ทำกัน
เมื่อถามว่า โจทย์ที่ยากที่สุดคือเรื่องเศรษฐกิจติดลบในรอบ 30 กว่าเดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ นายกฯเข้ามาบริหารประเทศพอดี ในที่ประชุมครม.กระทรวงที่เกี่ยวข้องได้รายงานสถานการณ์อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทราบ เขาทำอยู่ และรายงานมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การประท้วงที่ฮ่องกงนั้น จะไม่ส่งผลกระทบกับเรา เพราะคนละประเทศ