สั่งจับตาแดงก่อหวอด
คสช.ไม่ไว้ใจ
ดักคอตุ๊ดตู่อย่าแหกกฎ
4เหล่าทัพเข้าพบ‘ป๋า’
‘บิ๊กป้อม’พาแนะนำตัว
ทูลเกล้าฯรายชื่อสปช.
‘นิคม’ดิ้นล้มถอดถอน
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)อย่างเป็นทางการครั้งที่3 โดยใช้ตึกสันติไมตรีหลังใน ทำเนียบนรัฐบาลเป็นที่ประชุม ขณะที่นายกฯและรัฐมนตรีทั้งหมดใส่ชุดเสื้อผ้าไหมไทยโทนสีต่างๆ เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
เป็นที่น่าสังเกตว่าพล.อ.ประยุทธ์เดินทางมาถึงทำเนียบ เวลา 08.10 น.ด้วยรถเบนซ์ สีดำ กันกระสุน เลขทะเบียน ญค 1881 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถยนต์ส่วนตัวพล.อ.ประยุทธ์เอง โดยเปลี่ยนมาใช้รถคันดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.หลังเกษียณอายุราชการจากตำแหน่งผบ.ทบ. ขณะที่รถเบนซ์ สีดำทะเบียน ศท 1251 กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งผบ.ทบ.ได้ส่งคืนกองทัพบก
ส่งชื่อสปช.ขึ้นทูลเกล้าฯแล้ว
ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยหลังประชุม ครม.ว่า ตนได้ส่งรายชื่อให้กับเลขาธิการ ครม.นำรายชื่อสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ขึ้นทูลเกล้าฯไปตามขั้นตอนแล้ว ส่วนรายชื่อที่ออกมาขณะนี้มีไม่ตรงอยู่บ้าง ขอให้รอโปรดเกล้าฯลงมาก่อน คนที่ไม่มีชื่อก็ไม่ต้องเสียใจ เพราะเตรียมมีตำแหน่งอื่นในการรองรับอยู่ ซึ่งได้ตั้งทีมงานขึ้นมาช่วยงาน สปช.
คสช.จับตาแดงชุมนุมโบนันซ่า
ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคสช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มคนเสื้อแดงนัดรวมตัวกันในวันที่ 5 ต.ค. ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา โดยอ้างเพื่อทำบุญนมัสการหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก และจัดงานวันเกิดนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำเสื้อแดงว่า เบื้องต้นกำลังตรวจสอบว่ากลุ่มคนดังกล่าวได้ไปพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดในการจัดงานกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หรือยัง
ทั้งนี้หากการจัดกิจกรรมที่เป็นงานบุญไม่มีอะไรแอบแฝงในทางการเมืองหรือขัดกฎอัยการศึก ก็ไม่น่าจะมีปัญหา โดยที่ผ่านมา นายจตุพร ได้ให้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการงดเคลื่อนไหวทางการเมือง
มทภ.1ลั่นพร้อมรักษาความสงบ
ที่กองทัพภาคที่1 พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้ช่วย ผบ.ทบ.ทำพิธีรับ- ส่งมอบหน้าที่และการบังคับบัญชาของแม่ทัพภาคที่ 1 ให้พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ เป็นแม่ทัพภาคที่1 โดยพล.ท.กัมปนาท ให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมจะรักษาความความสงบตามนโยบายของหัวหน้าคสช. ซึ่งท่านได้กำชับเสมอว่าต้องรักษาความสมดุลให้ได้ระหว่างการบริหารราชการแผ่นดิน การสร้างความปรองดองสมานฉันท์และการปฏิรูป ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต้องทำให้เกิดเป็นรูปธรรใ
ไม่ยอมให้ใครจาบจ้วงสถาบัน
“การยกเลิกกฏอัยการศึกก็ต้องขึ้นอยู่กับความสมดุลทั้งเรื่องความมั่นคง เรื่องการปรองดอง และการปฏิรูปประเทศด้วยเพื่อให้ประเทศเดินไปได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ เรายอมไม่ได้เพราะเป็นสถาบันสูงสุด ทางกองทัพภาคที่ 1 ที่รับผิดชอบหลักจะต้องดำเนินการ เพราะฉะนั้นใครที่มาก้าวล่วง เรายอมไม่ได้”แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าว
การันตีซ้ำไม่มี”ปฏิวัติซ้อน”
เมื่อถามว่า ผบ.ทบ. ท่านใหม่ออกมาพูดชัดว่าไม่มีการปฏิวัติ ในฐานะกองทัพภาคที่1ที่ดูแลพื้นที่ภาคกลางและปริมลฑล มองว่าอย่างไร พล.อ.กัมปนาท กล่าวว่า ตนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา และทหารอาชีพ เชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชา เพราะฉะนั้นผบ.ทบ. พูดอย่างไรก็ตามนั้น ยืนยันว่าไม่มีการปฏิวัติอย่างแน่นนอน และยึดมั่นในสายการบังคับบัญชาของตนทั้งนายกฯและผบ.ทบ.
“ประวิตร”รับเล็งเลิกอัยการศึก
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์แก้ปัญหาความมั่นคงแบบบูรณาการว่าเป็นการประสานงานด้านความมั่นคงเพื่อดูภาพรวมของประเทศ ส่วนการยกเลิกกอัยการศึกนั้น ทางคสช.กำลังดูอยู่อะไรที่พอจะดำเนินการได้บ้าง ก็จะดำเนินการ
นำผบ.เหล่าทัพใหม่พบ”ป๋าเปรม”
เวลา 16.00 น. ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ นำผบ.เหล่าทัพคนใหม่ ประกอบด้วย พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.สส. พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ.และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. เข้าพบและแนะนำตัวกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ใช้เวลาเข้าพบ 30 นาที
เหล่าทัพให้คำมั่นสร้างปรองดอง
พล.อ.ประวิตร กล่าวให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพบว่า ในฐานะที่ตนเข้ามาดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหมต้องนำผู้บัญชาการเหล่าทัพท่านใหม่ มากราบประธานองคมนตรีแลรัฐบุรุษ และแนะนำตัว ซึ่งทาง พล.อ.เปรม ก็ให้กำลังใจในการทำงาน และทาง ผบ.เหล่าทัพทุกคน ก็ได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำงานให้ดีที่สุด รวมถึงการสร้างความปรองดองของคนในประเทศ ทั้งนี้ ท่านไม่ได้แสดงความเป็นห่วงกองทัพแต่อย่างใด
“ป๋า”ขอให้ตอบแทนคุณแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เปรม ยังเน้นย้ำในเรื่องการทำงานว่าเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ร่วมถึงฝากดูแลชาติบ้านเมือง เพราะกองทัพมีงานเพิ่มขึ้นในส่วนของการดูแลประเทศชาติ จะต้องทำให้ประชาชนได้เห็นว่า เราทำได้และทำได้ดีด้วย อย่างไรก็ตาม พล.อ.เปรม ได้มอบพระสยามเทวาธิราชจำลองพร้อมเน็คไทเป็นของที่ระลึก
“พีระศักดิ์”ชงม.5ชี้ขาดถอดถอน
ส่วนความคืบหน้าปมอำนาจการพิจารณาถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)นั้น นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม สนช. กล่าวว่า ตอนนี้ความเห็นยังไม่ชัดเจน ซึ่งสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 5 รัฐธรรมนูญชั่วคราววินิจฉัยกรณีที่เกิดปัญหาในวงงานของสนช.ได้
พรเพชรโยนให้สนช.ตัดสินใจ
ขณะที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับเรื่องการถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาสว.มาจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่เมื่อป.ป.ช.ส่งเรื่องกลับมาก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
สำหรับปัญหากฎหมายที่ยังมีความสับสนว่าถอดถอนได้หรือไม่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี2550 ยกเลิกไปแล้ว เห็นว่าเรื่องนี้ก็เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง แต่ต้องให้คำร้องที่ป.ป.ช.ส่งมาก่อนว่ามีการแก้ไขอะไรหรือไม่จึงจะพิจารณาได้ ส่วนมาตรา 5 นั้นไม่น่าจะนำมาชี้ขาดได้ เพราะมาตราดังกล่าวใช้ตีความว่าสนช.ทำหน้าที่แทนสว.ได้หรือไม่เท่านั้น ดังนั้นเป็นไปได้ว่าอาจจะนำเรื่องนี้
สู่ที่ประชุมให้สมาชิก สนช. ชี้ขาดว่าถอดถอนได้หรือไม่
วิปสนช.ยันมีอำนาจถอดถอน
นายสมชาย แสวงการ ในฐานะวิป สนช. กล่าวว่า หลังจากประธาน สนช.บรรจุเรื่องการถอดถอนนักการเมืองแล้ว อาจส่งให้วิปพิจารณาว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่หรือไม่ ก่อนส่งให้ที่ประชุมพิจารณาตามหมวดถอดถอนที่กำหนดในข้อบังคับใช้เวลา 45วัน นับจากประธาน สนช.บรรจุในระเบียบวาระจะมีคณะกรรมาธิการฯซักถามแทนสมาชิกเพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงจากนั้นปิดสำนวนนัดหมายวันลงมติ ยืนยันว่าสนช.มีอำนาจในการถอดถอนและชี้ขาดปัญหาตามมาตรา5
“นิคม”หาช่องยื่นศาลล้มถอดถอน
ทางด้านนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภาในฐานะผู้ถูกป.ป.ช. ในคดีการถอดถอนออกจากตำแหน่งทางการเมืองจากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาสว.โดยมิชอบ เผยว่า หากสนช.ยังเดินหน้ากระบวนการถอดถอนต่อไป จะเตรียมยื่นเรื่องให้ศาลยุติธรรมพิจารณาว่าการยกร่างข้อบังคับการประชุมสนช.พ.ศ.57 ที่มีบทบัญญัติเกี่ยวกับการถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งทางการเมืองถือเป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบของสนช.หรือไม่ เพื่อให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งได้รับการคุ้มครอง เพราะข้อบังคับการประชุมสนช.มีสถานะเป็นเพียงกฎหมายลูกเท่านั้น ขอให้สมาชิกสนช.ทุกคนพิจารณาถึงกระบวนการถอดถอนให้รอบคอบตามข้อกฎหมายที่กำหนดไว้ และต้องพึงระวังให้มากที่สุดเพราะเรื่องนี้จะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่แก่การเมืองไทยที่อาจมีปัญหาต่อไปอนาคต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี