'บัญชา'เตรียมปฏิรูปองค์กรอิสระ ปัดทำหน้าที่ทนาย'ปู'ปมโกงข้าว
วันเสาร์ ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2557, 12.26 น.
Tag :
ที่อาคารรัฐสภา นายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ สมาชิก สปช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากที่ได้เข้ามารายงานตัวต่อสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เป็นเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติ ว่า ตนมาในนามขององค์กรทนายความอิสระ โดยมีความตั้งใจและวางแนวทางการทำงานว่าจะปฏิรูปองค์กรอิสระเพื่อให้เกิดการคานอำนาจจะได้เป็นหลักประกันให้ประชาชนมีความพอใจ ในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะเรื่องการสอบสวนพยานของหน่วยงานองค์กรกลาง ควรต้องมีการบันทึกภาพ เสียง ในทุกปาก เพื่อนำส่งศาล ได้ทราบว่าพยานมีความสมัครใจหรือให้การเพราะถูกดำเนินการด้วยวิธีใดหรือไม่ ดังนั้นการสอบสวนในกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องจะต้องได้รับความเชื่อถือจากประชาชน
นายบัญชา กล่าวต่อว่า ในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีการไต่สวนพยานเหมือนกันนั้น ตนอยากฝากด้วยว่าป.ป.ช.เป็นหน่วยงานที่มีผลในการปราบปรามทุจริตแห่งชาตินี้ต้องมีกระบวนการที่โปร่งใส ให้ความเป็นธรรม ก่อนหน้านี้ประธาน.ป.ป.ช.เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า จะขอให้กรรมการป.ป.ช. อนุกรรมการและเจ้าหน้าที่ของป.ป.ช. ต้องถูกดำเนินคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งตนน้อมรับในเรื่องนี้และตนให้ความเคารพต่อป.ป.ช. ดังนั้นจึงต้องมีการปรับปรุงว่าการจะไปสู่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองก็ต้องไปให้ถึง โดยผู้เสียหายที่ถูกกล่าวหาและระบุว่าป.ป.ช.ไม่ให้ความเป็นธรรมก็ให้มีอำนาจในการยื่นต่อรัฐสภา เพื่อให้ส.ส. ส.ว.ตั้งคณะกรรมการไต่สวนว่าถูกป.ป.ช.กลั่นแกล้งหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร และถ้าคณะกรรมการไต่สวนสอบแล้วพบว่าเป็นความจริงก็ให้รัฐสภาลงมติด้วยคะแนนแค่ 1 ใน 10 ก่อนที่จะส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์จากการทำหน้าที่เป็นทนายความผู้ได้รับอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีการปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการจำนำข้าว ที่ ป.ป.ช.ได้มีการไต่สวนนั้น นายบัญชา กล่าวว่า ตนไม่ได้ทำหน้าที่ทนายความในคดีดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 ที่ผ่านมา ตนไม่ได้ลาออก แต่เนื่องจากไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่ใดจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงไม่ได้รับผิดชอบใด ๆ ซึ่งตนไม่ได้กล่าวหาป.ป.ช.ว่าไปกลั่นแกล้งน.ส.ยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด เพียงต้องการให้กระบวนการพิจารณาความนั้นมีความโปร่งใส หากน.ส.ยิ่งลักษณ์ผิดก็ต้องน้อมรับ แต่ถ้าถูกป.ป.ช. ใส่ร้ายก็น่าจะให้ความเป็นธรรมต่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรก็ตามการทำหน้าที่สปช.ในครั้งนี้ตนจะใช้ความรู้ความสามารถและความซื่อสัตย์ทำงานอย่างดีที่สุด เพื่อให้ สปช.ทำงานสำเร็จบรรลุผล
นอกจากนี้ นายบัญชา ยังกล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช. ได้มีการยื่นสำนวนการถอดถอนนักการเมืองต่อ สนช. โดยเห็นว่า ตนอยากฝากไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า ถ้าจะมีการไต่สวนในคดีทุจริตใดๆก็ตาม ขอให้ทาง ป.ป.ช. คำนึงถึงความยุติธรรม เพื่อที่ให้ผู้ถูกกล่าวหารับได้ และเมื่อตนเข้าไปทำงานแล้ว ก็จะเสนอเรื่องนี้เพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนมีความพอใจ ในกระบวนการยุติธรรม ส่วนข้อเสนอที่จะให้คดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่มีอายุความนั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เนื่องจากว่ากระบวนการการกล่าวหาและการดำเนินการทางคดีต้องใช้เวลานาน ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเสียหาย ดังนั้น ตนจะขอให้มีการแก้กฎหมายให้ผู้เสียหายฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ โดยไม่มีอายุความเช่นเดียวกัน เพราะถ้า ป.ป.ช.ไม่มีความผิดแล้ว ก็สามารถตอบสังคมได้ เพราะศาลคุ้มครองคนที่มีความสุจริต ส่วนกรณีที่ก่อนหน้านี้ที่มีบางฝ่ายระบุให้ยุบ ป.ป.ช.นั้น ตนเห็นว่า ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ยุบป.ป.ช.นั้นเป็นเพราะเหตุใดก็ต้องดูด้วย เพราะทำไมอยู่ดี ๆถึงมีเสียงวิจารณ์เช่นนั้น แต่ตนไม่อยากให้ยุบ ป.ป.ช. เพราะชื่อก็ดี ของเขาดีและตนเคารพในการทำหน้าที่ แต่ตนขอให้ทาง ป.ป.ช.แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมในการพิสูจน์ตัวเอง เพราะถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ผิด ศาลก็ยกฟ้อง ดังนั้น ตนขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ควรที่ยุบ ป.ป.ช. แต่ควรได้รับการปฏิรูป เพราะการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ถือเป็นนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และรัฐบาล
“กรรมการป.ป.ช.ไม่ควรวิตก เพราะการทำเช่นนี้จะได้พิสูจน์ความจริงให้ปรากฏว่าป.ป.ช.ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ยังจะถือเป็นการพิสูจน์การทำงานของป.ป.ช.ได้รับความสง่างาม ต่างชาติมีความเชื่อมั่น ทุกอย่างโปร่งใส และเป็นธรรม ผมพูดถึงหลักการในกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้ป.ป.ช.มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความสง่างามและเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ แต่อย่างไรก็ตามนอกจากป.ป.ช.แล้วยังจะมีองค์กรอิสระอื่น ๆที่ต้องได้รับการปฏิรูปอีกหรือไม่นั้น ผมขอให้มีการประชุมคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของสปช.ก่อน ที่ผมพูดถึงป.ป.ช.ก็พูดตามหลักการไม่ได้กล่าวหา “นายบัญชา กล่าว
เมื่อถามมีชื่อประธาน สปช.อยู่ในใจแล้วหรือไม่ นายบัญชา กล่าวว่า ตนได้พิจารณาแล้วมีชื่ออยู่ในใจ แต่ขอไม่เอ่ย ซึ่งคนที่จะเป็นประธานสปช.นั้นต้องมีองค์ประกอบหลาย ๆด้าน ชื่อแต่ละคนที่สื่อนำเสนอนั้นต่างมีความรู้ความสามารถทั้งสิ้น