ป.ป.ช.ซัดอสส.เพิ่มพยาน
ทำเสียเวลา
จี้รีบเคลียร์ฟ้อง”ปู”โกงข้าว
จ่อสอยซ้ำทำขัดรัฐธรรมนูญ
ปมออกพรบ.มั่นคงคุมกปปส.
ทนาย”ยิ่งลักษณ์”สวมบท สปช.
ขู่ยกเครื่องสารพัดองค์กรอิสระ
มีรายงานข่าวว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีรวม 12 คน คือ นายยุคล ลิ้มแหลมทอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี รมว.เกษตรและสหกรณ์, นายนิวัฒน์ธำรงบุญทรงไพศาล อดีตรองนายก, พล.ต.อ.ประชา พรหมนอกอดีตรองนายก, นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกและรมว.ศึกษาธิการ, นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.มหาดไทย, พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรมช.กลาโหม,นายวราเทพ รัตนากร
อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ อดีตรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา, นายชัยเกษม นิติศิริ อดีตรมว.ยุติธรรม, นายสนธยา คุณปลื้ม อดีตรมว.วัฒนธรรม และนายประเสริฐ บุญชัยสุข อดีตรมว.อุตสาหกรรม
กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการกรณีดำเนินการออกประกาศ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ฉบับลงวันที่ 31 ก.ค. 2556 และฉบับลงวันที่ 9 ต.ค. 2556 และ ฉบับลงวันที่ 18 ต.ค. 2556 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และ ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 63 โดยมี นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการ ป.ป.ช.เป็นประธานคณะอนุกรรมการไต่สวน
ย้ำศาลชี้ กปปส.ชุมนุมถูกต้อง
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังได้มีคำวินิจฉัยออกมาแล้วว่า ผู้ชุมนุมใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 63 และการออกประกาศ เรื่องพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ลงวันที่ 9 ต.ค. 2556 และวันที่ 18 ต.ค. 2556 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2553 ซึ่งดำเนินการโดยมิชอบ เนื่องจากการจัดเวทีปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ
และล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ต.ค. คณะอนุกรรมการไต่สวนฯได้ส่งหนังสือแจ้งให้รับทราบคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯพร้อมคำสั่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 12 รายแล้วได้รับทราบแล้ว ซึ่งมีเพียง นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.มหาดไทย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 เท่านั้นที่ไม่มีผู้รับหนังสือที่จัดส่งทางไปรษณีย์
สำหรับการออกประกาศเรื่องพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรทั้ง3 ฉบับในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น อยู่ในช่วงที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข( กปปส.) และ เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย(คปท.)จัดการชุมนุมทางการเมืองในหลายพื้นที่ของ กทม.
อดีตทนาย’ปู’ขู่รื้อองค์กรอิสระ
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคมนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความคดีจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รายงานตัวที่รัฐสภาเป็นสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)และให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาในนามขององค์กรทนายความอิสระโดยมีความตั้งใจและวางแนวทางการทำงานว่าจะปฏิรูปองค์กรอิสระ เพื่อให้เกิดการคานอำนาจจะได้เป็นหลักประกันให้ประชาชนมีความพอใจ ในกระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะเรื่องการสอบสวนพยานของหน่วยงานองค์กรกลาง ควรต้องมีการบันทึกภาพ เสียง ในทุกปาก เพื่อนำส่งศาล ดังนั้นการสอบสวนในกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้องจะต้องได้รับความเชื่อถือจากประชาชน นอกจาก ป.ป.ช.แล้วยังมีองค์กรอิสระอื่นๆที่ควรจะปฏิรูปอีกหรือไม่ ขอให้มีประชุมคณะกรรมการฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของ สปช.ก่อน
ชงให้ สส.-สว.ไต่สวน ปปช.ได้
ส่วนของบอร์ด ป.ป.ช.ที่มีการไต่สวนพยานเหมือนกันนั้น จะต้องมีกระบวนการที่โปร่งใส ให้ความเป็นธรรม ก่อนหน้านี้ประธาน.ป.ป.ช.เคยเสนอแก้กฎหมายว่าให้กรรมการป.ป.ช.อนุกรรมการ และเจ้าหน้าที่ของ ป.ป.ช. ถูกดำเนินคดีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตนเห็นว่าผู้เสียหายที่ถูกกล่าวหา และระบุว่า ป.ป.ช.ไม่ให้ความเป็นธรรม ก็ให้มีอำนาจในการยื่นต่อรัฐสภา เพื่อให้ส.ส.และ ส.ว.ตั้งคณะกรรมการไต่สวน ว่า ถูกป.ป.ช.กลั่นแกล้งหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร และถ้าคณะกรรมการไต่สวนสอบแล้วพบว่าเป็นความจริงก็ให้รัฐสภาลงมติด้วยคะแนนแค่ 1 ใน10 ก่อนที่จะส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต่อไป
นอกจากนี้ นายบัญชา ยังชี้แจงว่า ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีโครงการจำนำข้าวที่ป.ป.ช.ไต่สวน มาตั้งแต่เดือน เม.ย.57แต่ไม่ได้ลาออก เนื่องจากไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่ใดจากน.ส.ยิ่งลักษณ์จึงไม่ได้รับผิดชอบใดๆโดยตนไม่ได้กล่าวหา ป.ป.ช.ว่าไปกลั่นแกล้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์แต่อย่างใด เพียงต้องการให้กระบวนการพิจารณาความ มีความโปร่งใส หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผิดก็ต้องน้อมรับ แต่ถ้า ป.ป.ช.ถูก ก็ควรให้ความเป็นธรรมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์
หนุนคดีโกงไร้อายุความ/ชงแก้ฟ้องปปช.
นายบัญชา ยังกล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช. ได้มีการยื่นสำนวนการถอดถอนนักการเมืองต่อ สนช.โดยเห็นว่าขอฝากไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ถ้าจะมีการไต่สวนในคดีทุจริตใดๆ ขอให้ ป.ป.ช. คำนึงถึงความยุติธรรม เพื่อที่ให้ผู้ถูกกล่าวหารับได้ เมื่อตนเข้าไปทำงานแล้ว จะเสนอเพื่อเป็นหลักประกันให้ประชาชนมีความพอใจในกระบวนการยุติธรรม
อย่างไรก็ดี เขายังเห็นด้วยกับข้อเสนอให้คดีเกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นไม่มีอายุความ ถือเป็นเรื่องที่ดีแต่กระบวนการการกล่าวหาและการดำเนินการทางคดีใช้เวลานาน อาจจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเสียหาย จะขอให้แก้กฎหมายให้ผู้เสียหายฟ้องคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้โดยไม่มีอายุความเช่นเดียวกัน
ค้านยุบ ปปช.แต่ควรปฎิรูปใหม่
นายบัญชา ยังย้ำว่า ขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่ควร ยุบ ป.ป.ช.ตามที่มีเสียงวิจารณ์ แต่ควรได้รับการปฏิรูป เพราะ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต ถือเป็นนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และรัฐบาล โดยขอให้ ป.ป.ช.แสดงให้เห็นถึงความยุติธรรมในการพิสูจน์ตัวเอง เพราะถ้าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไม่ผิด ศาลก็ยกฟ้อง
สำหรับในการไต่สวนสอบสวน จะต้องคำนึงถึงกระบวนการยุติธรรมให้ผู้ถูกกล่าวหายอมรับได้เพราะผู้ถูกกล่าวหา ไม่เพียงแค่อดีตนายกฯ แต่มีอีกหลายคน จึงควรจะมีการแก้กฎหมาย เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ต้องการได้รับความเป็นธรรมสามารถฟ้องศาลชั้นต้นได้อีกทางหนึ่ง และป.ป.ช.เองก็ไม่ควรหวั่นไหว ไม่ควรวิตก เพราะจะได้พิสูจน์ความจริงให้ปรากฏว่า ป.ป.ช.ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ยังจะถือเป็นการพิสูจน์การทำงานของ ป.ป.ช.ได้รับความสง่างาม เป็นที่ยอมรับ มีความเชื่อมั่นของนานาชาติ
รอ’ปธ.สนช.’บรรจุปมถอดถอน
ขณะที่ พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ สนช.กล่าวถึงอำนาจของ สนช.ในการพิจารณาถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งหลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีโครงการรับจำนำข้าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นสำนวน คงต้องรอให้สำนวนส่งมาก่อนเพราะกรณีถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งต้องดูว่าทางป.ป.ช.ส่งสำนวนความผิดมาอย่างไร ส่วนข้อถกเถียงในเรื่องอำนาจการถอดถอนของ สนช.นั้น เป็นที่สิ้นสุดแล้ว เพราะนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.วินิจฉัยไปแล้วว่ามีแน่ เพียงแต่ต้องดูที่ฐานความผิดของแต่ละสำนวนว่าอยู่ที่กฏหมายใด
ถ้าข้อกล่าวหาผิดตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ก็คงถอดถอนลำบาก เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกยกเลิกไปแล้ว แต่หากเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย ป.ป.ช. ก็เป็นหน้าที่ของนายพรเพชรในฐานะประธาน สนช.ว่าจะใช้ดุลยพินิจพิจารณา เรื่องดังกล่าวอย่างไร และจะบรรจุวาระให้ที่ประชุมพิจารณาหรือไม่
‘ปานเทพ’ชี้ถอดถอน’ปู’ตามขั้นตอน
เย็นวันเดียวกัน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยตอบโต้ระบุ ป.ป.ช.เร่งรีบ รวบรัด ส่งสำนวนคดีถอดถอนน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาถอดถอนนั้นโดยยืนยันว่า ป.ป.ช.ไม่ได้เร่งรีบรวบรัดส่งสำนวนดังกล่าวให้ สนช.ทุกอย่างทำตามขั้นตอนซึ่งกรณีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ป.ป.ช.พิจารณาลงมติเสร็จไปนานแล้ว แต่ส่งให้วุฒิสภาในขณะนั้นดำเนินการไม่ได้ เนื่องจากมีคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้ยุบวุฒิสภา ทำให้ ป.ป.ช.ต้องรอความชัดเจนด้านข้อกฎหมาย เรื่องอำนาจหน้าที่ของ สนช.ก่อน จึงส่งให้ สนช.พิจารณาต่อได้ ส่วนที่ ทีมทนายความ อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ตั้งข้อสังเกตว่าอัยการสูงสุด ยังมีข้อโต้แย้งในสำนวนคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ยังไม่สมบูรณ์ แต่เหตุใด ป.ป.ช.จึงรีบส่งเรื่องให้ สนช.ดำเนินการนั้น ในสำนวนที่ ป.ป.ช.ส่งให้ สนช.พิจารณาเป็นคดีถอดถอน เป็นคนละสำนวนกับคดีอาญาที่อัยการสูงสุดยังมีข้อโต้แย้งอยู่ สำนวนทั้งสองคดีแยกออกจากกัน ไม่เกี่ยวข้องกัน
ปัดใช้เทคนิคกม.เล่นงานยิ่งลักษณ์
เมื่อถามว่าทีมทนายความ ระบุว่ามติล่าสุดของป.ป.ช.ที่ส่งสำนวนให้ สนช.ถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มีการพูดถึงการกระทำความผิดตาม มาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญปี 50โดยอ้างความผิดตามพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ เพียงอย่างเดียว ทั้งที่มติของ ป.ป.ช.ก่อนหน้านี้ชี้มูลความผิดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ กระทำผิดตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญปี 50 นายปานเทพ กล่าวว่า มติของ ป.ป.ช.ที่จะส่งให้ สนช.พิจารณาถอดถอนครั้งนี้ ขอยืนยันว่ามีการระบุความผิดอย่างชัดเจนทั้งเรื่องความผิดตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญและความผิดตาม มาตรา 11 ของพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินไม่มีการตัดฐานความผิดตามรัฐธรรมนูญปี 50 จึงไม่ใช่ การใช้เทคนิคทางกฎหมายมาเล่นงาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งคาดประมาณต้นสัปดาห์หน้า จะลงนามในคำสั่งส่งสำนวนถอดถอนดังกล่าวจากนั้น ภายในอีก 1-2 วัน ก็จะส่งสำนวนไปยัง สนช.ต่อไป”
หวั่นเพิ่มพยานคดีอาญาทำเสียเวลา
ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. ในฐานะหัวน้าคณะทำงานร่วมฝ่าย ป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีที่คณะทำงานร่วม ระหว่าง ป.ป.ช.-อสส.กรณีการฟ้องคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าว น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ว่า ในวันที่ 7 พ.ย.นี้ จะต้องหารือกันในกรอบการทำงานเดิม เพราะยังไม่ได้ข้อยุติ ยังต้องคุยกันอีกส่วน เรื่องการที่ อสส.ขอเพิ่มพยานนั้น ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะเดิมที่ผู้ถูกกล่าวหาขอเพิ่มพยานมา 8 รายนั้น ป.ป.ช.ก็ได้พิจารณาแล้วตัดไป ดังนั้นเมื่อ อสส. มาขอให้เพิ่มอย่างนี้ก็ต้องคุยกันก่อนและต้องพิจารณา ว่า จะเป็นการเสียเวลาหรือไม่หากอะไรคุยกันและยอมกันได้ก็ต้องยอม จะได้ทำงานร่วมกันต่อไป เรื่องการเพิ่มพยานยังไม่มีการลงมติใด ๆ จึงต้องมาคุยกันในวันที่ 7 พ.ย.อีกครั้งหนึ่ง ว่าอะไรได้หรือไม่ได้.
ซัดทนายปูโต้ป.ป.ช.แค่เกมตีรวน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายพิชิต ชื่นบาน ทีมทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แถลงตอบโต้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ที่ได้ส่งเรื่องการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาให้มีการถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ในปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวไปยังนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยระบุว่าเป็นกระบวนการที่รวบรัดและเร่งรีบว่า ถ้ากระบวนการทุกอย่างสำเร็จแล้ว ถือว่าเป็นไปตามขั้นตอนตามข้อกฎหมายที่มีบทสรุปและก็ต้องดำเนินการต่อไป การที่นายพิชิตมาตอบโต้ ก็ไม่มีข้อเท็จจริงโดยถือเป็นการหาเรื่องตีรวนและเมื่อออกมาก็จะมีอยู่ไม่กี่ประเด็นแค่หาว่าเร่งรีบ รวบรัด สองมาตรฐานซึ่งนายพิชิตไม่เคยเอาข้อเท็จจริงมาตอบโต้ หรือชี้แจงต่อสังคม เพราะถ้าต้องการอยากให้สังคมสงบต้องเคารพกฎหมาย
เชื่อสุดท้ายอสส.สั่งฟ้องปล่อยโกง
ส่วนท่าทีของอัยการสูงสุด ที่ขณะนี้เลื่อนการประชุมร่วมกับ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาการสั่งฟ้องคดีดังกล่าวนั้นก็ไม่เป็นไร ถ้าอัยการฯ ไม่มีบทสรุปสุดท้าย ป.ป.ช.ก็มีอำนาจที่จะฟ้องเองอยู่แล้ว แต่อัยการฯ ต้องชี้แจงต่อสังคมให้เข้าใจและให้เกิดความชัดเจนให้ได้ เพราะถ้าสังคมไม่เข้าใจประชาชนก็จะไม่เชื่อถืออัยการฯ เพราะเรื่องนี้เป็นความน่าเชื่อถือขององค์กร แต่สุดท้ายตนเชื่อว่ามีบทสรุปร่วมกันระหว่างป.ป.ช.กับอัยการฯ และทางอัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี