คสช.บวกเวลา”อยู่ยาว”
อ้างกม.ลูก
ยืดเลือกตั้งต้นม.ค.ปี59
“วิษณุ”กางโรดแมปใหม่
รธน.ถาวรเสร็จกย.ปีหน้า
ชี้คนนอกนั่งปธ.ยกร่างได้
“บิ๊กตู่”สุดเขินเหลิมชมเก่ง
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเข้ารายงานตัวของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) จากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเข้าสู่วันที่ 7 โดยมีผู้มารายงานตัวเพิ่มอีก 12 คน ทำให้ขณะนี้มีสมาชิก สปช.รายงานตัวแล้ว 248 คน ยังเหลืออีก 2 คน ที่ยังไม่เข้ารายงานตัวคือนางทิชา ณ นครและนายสุทัศน์ เศรษฐ์บุญสร้าง สปช.ด้านเศรษฐกิจที่ให้นายสุนัย เศรษฐ์บุญสร้าง น้องชาย แจ้งต่อสำนักเลขาฯว่าติดภารกิจที่สหรัฐฯขอรายงานตัววันที่ 18ตุลาคม
“วิษณุ”ชี้คนนอกนั่งปธ.ยกร่างได้
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กล่าวถึงการตั้งกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กมธ.ยกร่างฯ) ว่า สัดส่วนของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่จะไปเป็นกมธ.ยกร่างฯจะเป็นคนนอก จะเอารัฐมนตรีไปเป็นกมธ.ยกร่างฯไม่ได้ รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวบังคับและต้องเข้าที่ประชุมครม.เพื่อขอมติ ส่วนของคสช.,สปช.และสนช.จะเป็นคนในหรือคนนอกก็ได้ โดยคสช.จะเสนอ 6คน เป็นประธานกมธ.ยกร่างฯ1คนและเป็นกมธ.ยกร่างฯอีก 5คน ซึ่งครม.และคสช.ยังไม่ส่งรายชื่อไป เพราะต้องรอการส่งชื่อของ สนช.และให้สปช.เรียบร้อยก่อน ไม่อย่างนั้นต่างคนต่างไปเดี๋ยวซ้ำกัน สำหรับตัวประธานที่คสช.เสนอ เลือกจากคนนอก คนในสนช.หรือสปช.มาเป็นประธานกมธ.ยกร่างฯก็ได้ ยังมีเวลาบวกจากวันที่ 21ตุลาคมไปอีก 15วัน ที่จะตกลงกัน
ติงสปช.ปากไวชงสูตรนายกฯคนนอก
เมื่อถามว่า มองว่าเร็วเกินไปหรือที่สมาชิก สปช.บางคนเริ่มออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญ เช่น นายกรัฐมนตรี มาจากคนนอกได้ นายวิษณุ กล่าวว่า เร็วไปที่จะคิดอย่างนั้น ควรฟังอะไรให้หลากหลายก่อนแล้วค่อยนำเสนอ เนื่องจากมีผู้สื่อข่าวไปถามท่านก็ตอบจากจุดยืนตัวเอง แต่ต้องฟังสมาชิก สปช.ที่เหลือด้วยว่า คิดอย่างไร การร่างรัฐธรรมนูญไม่ใช่ สปช.เป็นคนร่าง แต่เป็นหน้าที่ของ กมธ.ยกร่างฯ36คน สปช.อาจเป็นคนให้กรอบเข้าไป โดยเป็นกรอบกว้างๆ ที่ไม่ลงไปว่า นายกฯมาจากคนใน หรือคนนอก เป็นเพียงการพูดกันกว้างๆ เช่น มีสภาเดียวหรือ 2สภา สว.จะมาจากเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งการตอบของท่านเป็นการตอบ ณ จุดยืนที่ยังไม่ได้เป็นสปช.แต่พอมาเป็นแล้วใครอยากได้อะไร ไม่ใช่กมธ.ยกร่างฯจะมานั่งรับสปช.ทั้ง 250คน เสนออะไร ซึ่งสปช.ทั้ง 250คน ค่อยไปเสนอในสภา แล้วโหวตกัน จึงจะเป็นกรอบของกมธ.ยกร่างฯที่จะนำไปสรุปประเด็นโดยใช้เสียงข้างมากในเวลา 2เดือน
ยกร่างไม่ทันยุบแล้วตั้งใหม่ได้
เมื่อถามว่า มีการมองว่า ถ้าไม่ดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด อาจต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าเพิ่งถาม เพราะยังไม่ได้เริ่มนับหนึ่ง ที่จริงคำตอบอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวอยู่แล้วว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่เสร็จ ต้องยุบสปช.ยุบกมธ.ยกร่างฯและตั้งต้นใหม่ ซึ่งการตั้งใหม่อาจไม่ใช้กระบวนการอย่างเก่า แต่เร็วขึ้น
อ้างกม.ลูกส่อลากยาวเลือกตั้งปี59
ต่อข้อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่จะเลือกตั้งในปี2559 ตามที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิก สปช.ระบุ นายวิษณุ ตอบว่า ในที่สุดต้องร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรต้องแล้วเสร็จภายใน 1 ปี เพราะรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดไว้แล้วปี2558 ต้องเสร็จ แต่คำว่ารัฐธรรมนูญเสร็จไม่ได้หมายความว่า จะเลือกตั้งได้ทันที ต้องบวกเวลาออกกฎหมายลูก อย่างน้อย 3ฉบับ คือ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองและพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งก็ไม่รู้ กกต.จะมีหรือไม่ ทั้งเมื่อพรบ.ออกมาแล้ว หลังจากนั้นต้องให้เวลาตั้งพรรค หาเสียงและเลือกตั้ง ต้องบวกไปจะใช้เวลานานเท่าไรก็ไม่แปลก ถ้าเวลาจะล้ำเส้นไปถึงต้นมกราคมปี2559 เพราะกว่ารัฐธรรมนูญฉบับถาวรจะแล้วเสร็จก็เดือนกันยายน2558 หากต้องทำกฏหมายลูกก็ต้องใช้เวลาร่างกฏหมายลูกเข้าสภาฯประมาณ 2 เดือน คือกันยายน2558 มันไม่ใช่เรื่องถ่วงเวลา หรือหาเรื่องอยู่นาน
เปิดโรดแมป3ระยะของคสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ คสช.กำหนดกรอบเวลาดำเนินงานไว้ 3ระยะ คือ ระยะที่1ตั้งแต่เดือนพฟษภาคม-มิถุนายน2557 เป็นช่วงเตรียมการ เช่น สร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อยุติความแตกแยก การแก้ปัญหาความเดือดร้อนชาวนา การคลี่คลายเหตุด่วนเหตุร้ายต่างๆ รวมถึงการเตรียมการเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปี ระยะที่2 ช่วงเดือนกรกาคม จะจัดให้มีรัฐธรรมนูญชั่วคราว ตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อใบริหารราชการแผ่นดินโดยสมบูรณ์ มีการเลือกนายกรัฐมนตรี มีคณะรัฐมนตรี จนถึงการตั้ง สปช.เพื่อขับเคลื่อนกลไกลการปฏิรูป ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งและมีรัฐบาลตามปกติ ส่วนระยะที่3 ตั้งแต่เดือนสิงหาคม2557 เป็นต้นไป หลังดำเนินการตามระยะที่2 เรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการเลือกตั้งช่วงเดือนตุลาคม2558
‘บี๊กตู่’จี้รมต.แจงบัญชีทรัพย์สิน
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีบางคนยังไม่ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ว่า ตนถามแล้วว่า ได้เตรียมยื่นบัญชีทรัพย์สินหรือไม่ ได้รับคำตอบมาว่า“เตรียมแล้วและบอกว่า ยังข้องใจบางเรื่องบางรายการและได้ถามไปที่ปปช.” ซึ่งตนเล่นงานไปแล้ว โชว์ก็ต้องโชว์ มีเงิน 20ล้าน 30ล้าน โกงมาหรือเปล่า กฎหมายให้ท่านแสดงบัญชีทรัพย์สิน ถ้าไม่มีเรื่องมีคดีความ มีคนร้องก็จบแค่นั้น และหลังจากออกจากตำแหน่งก็ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินอีกครั้ง เพื่อจะดูว่า มีทรัพย์สินหนี้สินมากขึ้นหรือไม่ อย่างไร
ไล่สื่อไปถามรวยพันล้านหมื่นล้าน
“ทำไมไม่ไปถามนักการเมืองที่ผ่านๆมา มันมี 7พันล้าน 8หมื่นล้าน 4แสนล้าน ไปถามสิ กฎหมายจะถามแค่ว่า เข้ามาครั้งแรกกับออกไปการแสดงบัญชีทรัพย์สินที่ต่างกันนั้นมาจากไหน อย่าถามอะไรที่นอกกฎหมาย เราต้องพูดกันด้วยกฎหมาย ผมแสดงบัญชีทรัพย์สินมาตั้งแต่เป็นผบ.ทบ.4 ปีแล้ว พอออกจากตำแหน่งก็ต้องแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน พอมาเป็นครม.ต้องแสดงอีก ที่ผ่านมาไม่มีการฟ้องร้องก็จบ อย่าใช้ความรู้สึก ความเกลียดชัง อย่าใช้ความไม่ชอบหน้าผม ถ้าคนเราทำงานด้วยความรู้สึก ไม่ต้องมีกระบวนการ กฎหมายไม่ต้องมี ใช้ผมคนเดียวพอแล้ว”
ถ่อมตัว“เฉลิม”ชมทำงานเก่ง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรมว.แรงงาน ชื่นชมว่านายกฯมีความสามารถและทำงานเก่งว่า ท่านเฉลิม ก็แบบนี้แหละ ตนไม่ฉลาดหรอก โง่จะตายอยู่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นกำลังใจหนึ่งได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้ๆ จะเอาบวกหรือลบ เอาขึ้นแล้วกัน
‘วรชัย”ปัดระดมคนต้าน’คสช.’
ขณะที่ นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงกรณีกระแสการใช้เฟซบุ๊กระดมคนไปงานศพ พ.อ.อภิวัมท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภา ว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องของงานศพ การที่พี่น้องประชาชนมาร่วมงานศพก็เพราะความศรัทธาเพราะความรักที่มีต่อ พ.อ.อภิวันท์ ไม่เกี่ยวกับการเมืองและไม่มีนัยยะใดทั้งสิ้น ส่วนกระแสข่าวที่ว่า จะเอางานศพ พ.อ.อภิวันท์ มาปลุกระดมต้าน คสช.นั้นตนยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน เพราะเราประกาศแล้วว่า จะไม่เคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น
ร่วมรำลึก’14ตุลา’สดุดีวีรชน
ที่อนุสรณ์สถาน14ตุลา16 (แยกคอกวัว) ถนนราชดำเนิน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับมูลนิธิ14ตุลา จัดงาน”รำลึกครบรอบ 41ปี14ตุลา”เพื่อรำลึกถึงวีรชนด้านประชาธิปไตย โดยตั้งแต่ช่วงเช้ามีการตักบาตรพระสงฆ์ 14รูป มีพิธีกรรมทางศาสนา 3ศาสนา ประกอบด้วย ศาสนาอิสลาม ศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม2516
ต่อมา หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางมาร่วมงาน ในฐานะตัวแทนนายกฯ พร้อมกล่าวสดุดีวีรชน14ตุลา ว่า แม้เหตุการณ์จะผ่านมา 41ปี ยังเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่นักศึกษาออกมาร้องเรียนสิทธิเสรีภาพและคาดหวังกับหลักประชาธิปไตยให้เป็นไปตามครรลองครองธรรม ใช่ผู้คนจะลืมเลือน แต่เวลา 41ปี ยังไม่สิ้นชั่วอายุคนที่จะจดจำเพื่อให้อนุชนรุ่นต่อไปตระหนักถึงความสำคัญของประชาธิปไตยที่ประสบปัญหามาตลอด
มธ.จัดเสวนาปฎิรูปประเทศไทย
ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีการจัดอภิปรายหัวข้อ “จาก 14 ตุลา16 ถึงการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทย” เนื่องในโอกาสครบรอบ 41ปี เหตุการณ์ 14ตุลาคม2516 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นิสิต นักศึกษาและประชาชนได้เรียกร้องประชาธิปไตยจากรัฐบาลของ จอมพล ถนอม กิตติขจร โดยมีวิทยากร คือ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ สมาชิก สปช.ด้านการเมือง นายมานิจ สุขสมจิตร สมาชิก สปช.ด้านสื่อสารมวลชน นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิก สปช.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และนายธวัชชัย ยงกิตติกุล สมาชิก สปช.ด้านเศรษฐกิจ โดยมีนายวสันต์ ภัยหลีกลี้ สมาชิก สปช.ด้านสื่อสารมวลชน เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย
‘คำนูญ’ชี้41ปีปชต.ยังย่ำอยู่กับที่
โดย นายคำนูณ ได้อภิปรายว่า 41ปีจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม16 ประเทศไทยได้เดินทางมาไกล ขณะเดียวกันประชาธิปไตยของไทยยังย่ำอยู่ที่เดิม ยังถกเถียงว่า ประชาธิปไตยจะต้องมีรูปแบบอย่างไร สภาควรจะมีกี่สภา จะมีการเลือกตั้งรูปแบบไหน ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีการเสนอแนวคิดเดิมๆ และแนวคิดใหม่ๆ ต่อสังคม ซึ่งตนเป็นห่วงลูกหลานไม่ได้ว่า จะต้องเข้าใจประชาธิปไตยอย่างไร เพราะยังคงวนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่รู้ว่าจะหยุดอยู่ที่เดิม หรือจะหาทางออกได้อย่างไร
‘เอนก’วอนสปช.อย่าฉวยโอกาส
นายเอนก อภิปรายว่า การปฏิรูปประเทศในครั้งนี้ ควรจะใช้เหตุการณ์ 14ตุลาคม16 เป็นหัวใจในการปฏิรูปประเทศ โดยให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นมายัง สปช.เพื่อให้สมกับการปกครองที่มีประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงและเห็นว่าสมาชิก สปช.ม่ควรจะเป็นนักการเมืองอาชีพ หรือแม้แต่จะใช้โอกาสนี้แสวงหาโอกาสทางการเมืองให้ตัวเอง
‘มานิจ’ชี้ไทยเป็นปชต.บางช่วง
ด้าน นายมานิจ กล่าวว่า ตนมองว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงในประเทศไทย มีเพียงแค่บางช่วงเท่านั้น เพราะปัญหาที่แท้จริงนอกจากทางการเมืองแล้ว ยังมีปัญหาทางการโครงสร้างของประเทศ จนเกิดวิกฤตใหญ่ทำให้ประเทศมีความโกลาหล ดังนั้น เมื่อมี สปช.แล้วถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศมีโอกาสชำระสะสางปัญหา เพราะหลังจากเหตุการณ์ 14ตุลา16 ก็มีคนประเภทศรีธนญชัยอยู่เสมอ นอกจากนี้ผู้มีอำนาจยังใช้อำนาจมากกว่าความรู้ในการทำงาน ทำให้คนไทยต่างแสวงหาคนที่มีอำนาจมาคุ้มครองตัวเองและคนไทยต่างคิดแต่เป้าหมายส่วนตัวมากกว่าปัญหาชาติ
‘ธวัชชัย’แนะบูรณาการปฎิรูป
ส่วน นายธวัชชัย กล่าวว่า จริงๆตนไม่ห่วงปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ แต่ว่าตนเห็นว่าปัญหาที่สำคัญของประเทศคือ การศึกษาและการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างรุนแรง ซึ่งการปฏิรูปในครั้งนี้ ถึงมีจะมีการแบ่งแยกออกเป็น 11ด้านเพื่อให้ชัดเจน แต่ตนเห็นว่า การปฏิรูปของประเทศควรจะมีการบูรณาการในทุกๆ ด้านให้ไปด้วยกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี