จวกรัฐผลาญ5.8หมื่นล.
สวนยางเมิน
เย้ยแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
ยืนกราน5ข้อเรียกร้องเดิม
จี้พูดให้ชัดเกณฑ์‘ชดเชย’
ย้ำต้องจ่ายให้ครบทุกคน
ไม่เกี่ยงรับ1,000เท่าชาวนา
มีความเคลื่อนไหวของเกษตรกรชาวสวนยางหลัง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ แถลงมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา อนุมัติ 4 มาตรการระยะสั้น และมาตรการระยะยาวอีก 1 มาตรการเพื่อแก้ปัญหาราคายาง โดยกำหนดวงเงินในการช่วยเหลือครั้งนี้กว่า 5.85 หมื่นล้านบาท
สวนยางใต้ไม่ปลื้มมติกนย.
โดยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 17 ตุลาคม ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายทศพล ขวัญรอด ประธานภาคีเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์ม 16 จังหวัดภาคใต้ กล่าวว่า มติกนย.ที่ออกมาทั้งระยะสั้นและระยะย้าวยังไม่ตรงจุด การจ่ายเงินอุดหนุนสำหรับชาวสวนยางรายย่อนที่มีพื้นที่เพาะปลูกไม่เกิน 25 ไร่จำนวน 1,000 บาท/ไร่ ไม่เกินรายละ 15,000 บาท นั้นตนเห็นด้วยและไม่คัดค้าน ซึ่งใกล้เคียงกับโครงการอุดหนุนช่วยเหลือปัจจัยการผลิตสำหรับเกษตรกรผู้ปลูกยางไร่ละ 2,520 บาท แต่รัฐบาลบอกเกษตรกรหรือไม่ว่าจ่ายให้กับใครทั้งที่ชาวสวนยางมี 3 กลุ่มคือ กลุ่มเกษตรกรปลูกยางที่มีเอกสารสิทธิ์ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และผู้รับจ้างกรีดยาง แต่รัฐบาลเลือกข้างจ่าย เวลารัฐเก็บภาษีจากต้นยางทุกต้นที่มีเอกสารสิทธิ์และไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เวลาช่วยกลับแยกให้
ยันข้อเสนอเดิมช่วยทุกราย
“งบที่รัฐบาลหยิบยื่นมาให้ 5.85 หมื่นล้านบาทสูงมาก และยังไม่เท่ากับข้อเรียกร้องที่ ภาคีเครือข่ายยื่นข้อเสนอทั้ง 5 ข้อ และรัฐต้องเสียเงินกว่า 3 หมื่นล้านเท่านั้น น้อยกว่างบที่ กนย.มีมติเสียอีก ยืนยันว่าข้อเรียกร้องของภาคีเครือข่ายฯเป็นข้อเรียกร้องที่ต่อสู้ เพื่อเกษตรกรชาวสวนยางทุกคน และมีความก้าวหน้า พร้อมเดินหน้าคู่ขนานกับรัฐบาล”นายทศพลกล่าว
สกย.ทุ่มงบ7.2พันล.ช่วยสมาชิก
ด้าน นายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรฯ กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหาร สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำงานสวนยาง (สกย.) ว่า ที่ประชุมพิจารณากรอบวงเงินในส่วนของสกย.ที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นสมาชิก สกย. โดยอนุมัติเงินจำนวน 7,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจากการเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออกยาง หรือเงินเซส เข้ากองทุนฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นสมาชิก โดยเป็นการจ่ายช่วยเหลือสนับสนุนปัจจัยการผลิต ขณะเดียวกันมีการช่วยเหลือในโครงการโค่นยางพารา ตามโครงการโค่นยางพาราเก่าเพื่อปลูกยางพาราใหม่ 4 แสนต้น ให้เป็นไปตามระเบียบ สกย. ยืนยันว่า การเก็บค่าธรรมเนียมการส่งออกยางที่ลดลงนั้น ไม่น่ามีปัญหากับกองทุนฯ เพราะจากการประเมินตัวเลขการจัดเก็บปี 2558 คาดว่าน่าจะสามารถ เก็บเงินค่าธรรมเนียมฯได้ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท มีงบพอช่วยเหลือเกษตรกที่เป็นสมาชิกแน่นอน
พณ.ถกภาคอุตฯดันใช้ยางในปท.
วันเดียวกัน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ หารือร่วมกับตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมยางพาราไทย ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางรถยนต์ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยางพารา (วัตถุดิบ) เกี่ยวกับการผลักดันการใช้ยาพาราและผลิตภัณฑ์ยางพาราทั้งในและนอกประเทศ ก่อนแถลงผลประชุมว่า ผู้ประกอบการเข้าใจนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยส่งออกยางและเพิ่มมูลค่าในประเทศ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน โดยสัปดาห์หน้าผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มคลัสเตอร์ จะแบ่งกลุ่มหารือกันอีกครั้งร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯอีกครั้ง
สอท.ชงโรดแมปยางให้รบ.
ด้าน นายเจน นำชัยศิริ รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท. ได้ทำโรดแมปเสนอต่อรัฐบาล ซึ่งวางเป้าหมายผลักดันการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางจากปัจจุบัน 6 แสนล้านบาท ให้ถึง 1 ล้านล้านบาท ภายในปี 2563 และในแผนเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายางพาราได้เสนอให้รัฐสนับสนุนการพัฒนาและวิจัย ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง โดยตั้งหน่วยวิจัยยางพาราแปรรูปกลาง เพื่อกระตุ้นอุตสาหกรรมและการเรียนรู้ เพราะปัจจุบันใช้ยางพาราเพื่อการแปรรูปแค่ 12.5% ของกำลังผลิตรวม และ 87.5% ยังเป็นการพึ่งพาการส่งออก รวมถึงยังได้เสนอให้เพิ่มแรงจูงใจให้เอกชน โดยลดภาษีการดำเนินการเพื่อการวิจัยจากเดิม 200% เป็น 300% และปรับเงื่อนไขการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) หากทุกฝ่ายร่วมมือกันเชื่อว่าจะเพิ่มการใช้ยางธรรมชาติในภาคอุตสาหกรรมได้ทันที 1 แสนตัน ซึ่งโดยสัปดาห์หน้ากลุ่มอุตสาหกรรมก็จะหารือเพื่อจัดทำรายละเอียดและนำเสนอรัฐต่อไป
ขานรับเพิ่มสัดส่วนยางในปท.
นายหลักชัย กิตติพล นายกกิตติมศักดิ์สมาคมยางพาราไทย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาคเอกชนทุกกลุ่มเห็นพ้องกันว่าจะเพิ่มสัดส่วนปริมาณการใช้ยางธรรมชาติในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะเห็นผลชัดเจนช่วงต้นปีหน้า และจะมีผลผลักดันให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น เช่น ผู้ประกอบการผลิตถุงมือยาง พร้อมเพิ่มสัดส่วนการผลิตถุงมือยางธรรมชาติมากขึ้น โดยมีแผนเพิ่มการลงทุนและเพิ่มการใช้ยางธรรมชาติในประเทศถึง 2 แสนตันต่อปี ถ้าเพิ่มการใช้ยางธรรมชาติในประเทศได้ถึง 1 ล้านตันต่อปี จะช่วยดึงซัพพลายที่ล้นตลาดขณะนี้ออกไปได้ และช่วยดึงราคาให้สูงขึ้นด้วย
เชื่อราคาหล่นถึงจุดต่ำสุด
สำหรับแนวโน้มราคายางพาราขณะนี้ คาดว่าลงมาสู่จุดที่ต่ำสุดแล้ว โดยราคายางดิบขณะนี้อยู่ที่ 46-47 บาทต่อกก. คาดว่าแนวโน้มราคาน่าจะดีขึ้นหลังไทยมีรัฐบาลมาดูแลบริหารจัดการ ส่วนสถานการณ์ปีหน้า คาดว่าจะมีความต้องการใช้ยางธรรมชาติในตลาดโลกเพิ่มขึ้น 5% จากปีนี้ หรือคิดเป็นปริมาณ 6 แสนตัน โดยปริมาณความต้องการคาดว่าจะอยู่ที่ 12 ล้านตัน โดยไทยคาดว่าจะส่งออกได้ประมาณ 3.6 -3.8 ล้านตัน ขณะที่ปริมาณส่งออกยางพาราปีนี้อยู่ที่ 3.6 ล้านตัน
บุรีรัมย์พร้อมจ่ายชาวนา
ส่วนความคืบหน้าการจ่ายเงินไร่ละพัน เพื่อช่วยเหลือปัจจัยการผลิตเฉพาะหน้าให้ชาวนาไร่ละ 1 พันบาทนั้น นายจักรดุลย์ ศรีสุวรมนตรี ผู้อำนวยการสำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) จ.บุรีรัมย์เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธกส.ทั้ง 26 สาขา ได้รับข้อมูลหลักฐานการขึ้นทะเบียนของชาวนา จากสำนักงานเกษตรจังหวัดแล้วกว่า 144,600 ราย จากชาวนาที่มีคุณสมบัติในการขอรับเงินช่วยเหลือกว่า 150,000 ครัวเรือน ใช้งบประมาณ 2,250 ล้านบาท ที่ได้นำข้อมูลหลักฐานมาขึ้นทะเบียนผู้ผลิตปลูกข้าว ปี 2557/58 ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างตรวจสอบสิทธิ์ เพื่อนำไปใช้จ่ายซื้อปัจจัยการผลิต ปุ๋ย หรือใช้จ่ายอื่นๆในการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้ ธกส.จังหวัดได้เตรียมอบรมเจ้าหน้าที่ถึงวิธีการจ่ายเงิน และสามารถจ่ายเงินให้เกษตรกรได้รอบแรกวันที่ 20 ตุลาคม มากกว่า 2,000 ราย และจะจ่ายไปต่อเนื่องให้แล้วเสร็จได้ภายใน 1 เดือน
“บิ๊กตู่”ตีปิ๊บโครงการผูกปิ่นโตข้าว
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ถึงแนวทางแก้ปัญหาและช่วยเหลือชาวนาว่า หนึ่งในนั้นคือโครงการผูกปิ่นโตข้าว ซึ่งเป็นการจับคู่ระหว่างครอบครัวคนในเมืองกับครอบครัวชาวนา ที่ปลูกข้าวอินทรีย์หรือข้าวปลอดสารโดยตรง ให้ชาวนากับผู้บริโภคแลกเปลี่ยนมุมมองระหว่างกัน ส่งเสริมให้มีคนปลูกและกินข้าวอินทรีย์เพิ่มขึ้น เพื่อให้ชาวนาไทยและคนกินข้าวไทยมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นในอนาคต สำหรับโครงการนี้ เป็นการเพิ่มรายได้ให้ชาวนา ด้วยการเชื่อมโยงลูกค้ากับผู้ผลิตโดยตรง ลดต้นทุนโดยใช้สารธรรมชาติแทนปุ๋ยเคมี ลดช่องว่างระหว่างคนเมืองและคนชนบท สร้างความเชื่อมโยงเป็นห่วงโซ่อาหาร ตนต้องการให้ช่วยกันขยายแนวคิดโครงการปิ่นโตข้าว เพื่อสร้างความ
ภาคภูมิใจในอาชีพการเกษตรให้คนรุ่นใหม่ ความภาคภูมิใจให้ชาวนาชาวไร่ อาจมีโครงการอื่นๆ อีกผลิตผลการเกษตรอื่นๆ อีกด้วย จึงอยากให้สื่อต่างๆช่วยประชาสัมพันธ์โครงการลักษณะเช่นนี้ เพื่อร่วมสนับสนุนคนไทย วิถีชีวิตไทย และพัฒนาประเทศไทยไปในหนทางที่ยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี