20 ต.ค. 57 สำนักข่าวอิศราได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย.56 นาวาตรี พุฒิวัฒน์ วรรณะทัศน์ หัวหน้าฝ่ายกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ กองทัพเรือได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องผู้บัญชาการฐานทัพเรือกับพวกเป็นจำเลย ต่อศาลปกครองระยอง โดยขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งทางปกครองจากกรณีที่กองทัพเรือมีคำสั่งให้ นาวาตรี พุฒิวัฒน์ ชดใช้เงินค่าเสียหาย กว่าจำนวน 15.9 ล้านบาท กรณีที่คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบได้มีมติให้เอกชน (ร้าน KO) เข้ามาบริหารกิจการห้องเย็นในช่วงระหว่างปี 2549-2550 จนทำให้เกิดความเสียหายโดยไม่สามารถเรียกเก็บเงินเป็นจำนวนกว่า 39.9 ล้านบาท
เหตุผลของผู้ฟ้องคดีนี้ ก็คือ การดำเนินการดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา และคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบซึ่งมีผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นประธานกรรมการ
สำนักข่าวอิศรา ยังได้รายงานว่า การที่ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบได้เซ็นต์อนุมัติ ให้เอกชนเข้ามาบริหารกิจการห้องเย็น ของทร. ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2548 ทางคณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ และผู้จัดการห้องเย็น ได้นำร้าน KO เข้ามาเป็นคู่ค้ากับกิจการห้องเย็นร่วมกับคู่ค้ารายอื่น ซึ่งต่อมาได้ถูกร้องเรียน จนต้องล้มเลิกโครงการดังกล่าวไป
จนมาถึงปี 2549 คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบได้นำเอกชนรายดังกล่าวมาเป็นคู่ค้าอีกครั้ง (สั่งซื้อสินค้าอาหารผักสด) และในเดือนเมษายน 2550 คณะกรรมการสวัสดิการสัตหีบได้ให้เอกชนรายดังกล่าวเข้ามารับสั่งสินค้า ส่งสินค้าให้หน่วยงานของกองทัพเรือ และเก็บเงินแทนกิจการห้องเย็น โดยกิจการห้องเย็นเป็นผู้ออกเงินลงทุนไปดำเนินการก่อน เมื่อร้าน KO เก็บเงินได้จะต้องนำเงินมาคืนแก่ กิจการห้องเย็น โดยเอกชนจะได้ผลกำไรตอบแทน ในอัตราร้อยละ 1 ต่อเดือน ต่อมาได้ปรับเป็น ร้อยละ 2.5 ต่อเดือน และ ร้อยละ 4.5 ต่อ 3 เดือนตามลำดับ
ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารกิจการห้องเย็น พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ ผู้บริหารชุดใหม่เห็นว่าเอกชนติดค้างเงินเป็นจำนวนมากจึงเรียกให้เอกชนมาทำสัญญา สุดท้ายก็ไม่ได้ทำสัญญา
กระทั่งมาถึงยุค พล.ร.ท.ธีรวัฒน์ ศรีถาพร มาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ และประธานกรรมการสวัสดิการสัตหีบ และ พล.ร.ต. ชนินทร์ ชุณหรัชพันธุ์ เป็นผู้จัดการกิจการห้องเย็นเห็นว่ากิจการห้องเย็นขาดสภาพคล่องจึงสั่งระงับการจ่ายเงินทุนค่าเสบียงแก่เอกชนรายดังกล่าว ขณะที่เอกชนก็ไม่จ่ายเงินได้เก็บได้ มาคืนแก่กิจการห้องเย็นเป็นเงินทั้งสิ้น 39,979,317.15 บาท
คดีกองทัพเรือได้มีคำสั่งทางปกครองให้บุคคลเกี่ยวข้องชดใช้ค่าเสียหาย 3 รายคือ พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ ผู้จัดการกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ น.ต.พุฒิวัฒน์ วรรณะทัศน์ หัวหน้าฝ่ายกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ คนละ 15.9 ล้านบาท และอีกคนหนึ่งมีตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายการคลังจำนวน 7 ล้านบาท
ขณะที่ สำนักงานพระธรรมนูญทหารเรือได้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนเอาผิดต่อบุคคลที่เกี่ยวข้อง 3 คน เป็นข้าราชการ 2 คนคือ พล.ร.ต.สุรชัย โภคามาศ ผู้จัดการกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ และ น.ต. พุฒิวัฒน์ วรรณะทัศน์ เอกชน 1 คนคือ นางอังคณา แสงเพ็ชร หรือ อุณหกะ เจ้าของร้าน KO หรือ KO ผักสด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาวาตรี พุฒิวัฒน์ ผู้ถูกกล่าวหาต่อ ป.ป.ช. และถูกกองทัพเรือมีคำสั่งให้ชดใช้เงิน 15.9 ล้านบาทเห็นว่าคดีนี้มีผู้บริหารระดับสูงของกองทัพเกี่ยวข้อง แต่เมื่อเกิดความเสียหาย กลับโยนความผิดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นฝ่ายรับผิด และตัดตอนเอาผิดเฉพาะ พล.ร.ต.สุรชัย และ น.ต. พุฒิวัฒน์ เพียง 2 คน แต่ไม่เอาผิดผู้บริหารบางคน เพื่อมิให้เชื่อมโยงไปถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ ซึ่งตนเห็นว่าไม่เป็นธรรม จึงยื่นฟ้องต่อศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่งของกองทัพเรือเมื่อ 29 เม.ย.56 ที่ให้ น.ต.พุฒิวัฒน์ชดใช้เงิน 15.9 ล้านบาท ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง จ.ระยอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การให้เอกชนมาบริหารกิจการห้องเย็นเกี่ยวข้องกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของฐานทัพเรือสัตหีบ รวมถึงระดับนายพลหลายคนในฐานะกรรมการสวัสดิการสัตหีบ ในจำนวนนี้หนึ่งคนปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ด้วย
มีข้อมูลว่าเจ้าของเอกชนรายดังกล่าวเป็นภรรยาของอดีตรองผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบคนหนึ่ง
ขอบคุณข่าวจาก : http://www.isranews.org/
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี