ปฏิรูปต้องไม่ล้มเหลว
‘เทียนฉาย’ลั่น
นั่งปธ.สปช.ตามคาด!
‘บวรศักดิ์-ทัศนา’คว้ารอง1-2
เผยเป็นศิษย์เก่าจุฬาฯทั้งหมด
‘บิ๊กตู่’ชื่นชมเหมาะสม-คนเก่ง
มติปปช.ไม่ต้องโชว์ทรัพย์สิน
เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 21 ตุลาคม มีการประชุมสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) นัดแรกที่รัฐสภาหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง สปช.และสมาชิกเข้ารายงานตัวครบ 250 คน ซึ่งมีวาระการประชุมเพื่อพิจารณาเลือกประธานและรองประธาน สปช.โดยมี นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ในฐานะเป็นผู้อาวุโสสูงสุด โดยการประชุมได้ใช้ระเบียบข้อบังคับการประชุมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ไปพลางก่อน
ทั้งนี้ นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฎิบัติหน้าที่เลขาธิการสปช.ได้เรียกสมาชิกที่ลงชื่อเข้าร่วมประชุม โดยมี นายพารณ เป็นประธานเปิดประชุม จากนั้น ประธานได้เริ่มวาระการเลือกประธานตามข้อบังคับข้อ6 ซึ่งมีสิทธิเสนอชื่อได้ 1ชื่อและจะต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10คน ก่อนขอความเห็นการเสนอชื่อประธาน สปช.
‘ปู่ชัย’เสนอ’เทียนฉาย’นั่งปธ.
โดย นายชัย ชิดชอบ ได้เสนอชื่อ นายเทียนฉาย กีระนันท์ เป็นประธาน สปช. ขณะที่ นายชาลี เจริญสุข สมาชิก สปช.ได้เสนอชื่อ นายอลงกรณ์ พลบุตร สมาชิก สปช.เป็นประธานแข่งกับนายเทียนฉาย อย่างไรก็ตาม นายอลงกรณ์ ได้ขอถอนตัว จึงเหลือชื่อ นายเทียนฉาย เพียงคนเดียวที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นประธาน สปช. ซึ่งที่ประชุมจึงมีมติเป็นเอกฉันท์เลือก นายเทียนฉาย เป็นประธาน สปช.แบบไร้คู่แข่งและเป็นไปตามโผตัวเต็งก่อนหน้านี้
เข้าวินไร้คู่แข่ง-เร่งงานปฎิรูป
ต่อมา นายเทียนฉาย ได้ลุกขึ้นกล่าวแสดงวิสัยทัศน์ว่า พร้อมทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในงานและภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ ซึ่งมีงานหลัก 2ส่วน คือ การยกร่างรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปในความหมายที่กว้าง มีประเด็นที่ต้องปฏิรูป 10ด้านขึ้นไป เพื่อให้กระชับแนวทางการทำงานของเรา ต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใสและให้ประชาชนได้รับรู้ เข้าใจการทำงาน ของสปช.ต่อไปเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายตามกรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งเราต้องมีการปรึกษาหารือ คิดร่วมกันในเรื่องเป้าหมายการแปฏิรูปที่จะเกิดขึ้น เป้าหมายลดเหลื่อมล้ำและรับฟังความเห็นประชาชน
‘บวรศักดิ์’รอง1-พร้อมช่วยงาน
จากนั้นเข้าสู่วาระการเลือกรองประธาน สปช.โดย นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิก สปช. เสนอชื่อ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นรองประธาน สปช.คนที่1 ปรากฎว่า ไม่มีผู้ใดเสนอชื่อลงชิงตำแหน่ง ซึ่ง นายบวรศักดิ์ แสดงวิสัยทัศน์ว่า ตนจะทำหน้าที่ช่วยประธาน สปช.ดำเนินการประชุมและกิจการสภาตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับ เพื่อให้สมาชิกใช้ความรู้ความสามารถมาแก้ไขปัญหาบ้านเมือง โดยสปช.มีอำนาจหน้าที่ศึกษาและเสนอแนะการปฏิรูปมากกว่า 11ด้าน ก่อนสนอไปยัง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)คณะรัฐมนตรี(ครม.) คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเสนอไปยังกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป
ยันแผนปฎิรูปต้องไม่ล้มเหลว
“สปช.ต้องมีเอกลักษณ์ตัวเอง เราไม่ใช่สภาการเมือง ไม่มีอำนาจอะไรด้านนิติบัญญัติ นอกจากให้ความเห็นชอบรัฐธรรมนูญและให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า เราจะเป็นแบบอย่างที่ดี จะไม่ทำให้การปฏิรูปที่ประชาชนทั้งประเทศคาดหวังล้มเหลว” นายบวรศักดิ์ กล่าว
ชง’ทัศนา-ประชา’ชิงรองคนที่2
ต่อมา นายวรวิทย์ ศรีอนันตรักษา สมาชิก สปช.ได้เสนอชื่อ น.ส.ทัศนา บุญทอง เป็นรองประธาน สปช.คนที่2 ขณะที่ นายนิมิต สิทธิไตรย์ สมาชิก สปช.ได้เสนอชื่อ นายประชา เตรัตน์ เข้าชิงประธาน สปช.คนที่2ด้วย จากนั้น นายพารณ จึงให้คู่ชิงแสดงวิสัยทัศน์คนละ 10นาที
วอนสปช.ฝ่ายชายหนุนผู้หญิง
โดย น.ส.ทัศนา แสดงวิสัยทัศน์ว่า เป้าหมายของ สปช.ต้องการปฏิรูปให้ประชาชนกินดีอยู่ดี มีความเท่าเทียม เสมอภาค มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ต้องสร้างสังคมให้มีศีลธรรม การปฏิรูปให้มีสิ่งเหล่านี้ได้ เป็นหน้าที่สมาชิก สปช.ต้องร่วมมือกัน รวมทั้งทุกภาคส่วนของสังคม ซึ่งจะทำหน้าที่ประสานประธานและรองประธาน สปช.ขอให้ผู้หญิงเป็นตัวแทนทำหน้าที่รองประธานเพราะ สปช.มีผู้หญิงเพียง 36คน ต้องขออนุญาตให้สมาชิกผู้ชายสนับสนุนผู้หญิงด้วย
ผลโหวตชนะสบาย151ต่อ88
ด้าน นายประชา แสดงวิสัยทัศน์ว่า พร้อมทำงานประสานกับประธานและรองประธาน การปฏิรูปต้องทำอย่างซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ หลังจาก น.ส.ทัศนาและนายประชา แสดงวิสัยทัศน์เสร็จ นายพารณ จึงให้สมาชิกลงคะแนนวิธีลับ ด้วยการเขียนชื่อบุคคลที่ควรได้เป็นรองประธานคนที่2 หย่อนลงกล่อง โดยมีสมาชิก สปช.243คน จากทั้งหมด 250คน ปรากฎว่าที่ประชุมมีมติเลือก น.ส.ทัศนา เป็นรองประธานคนที่2 ด้วยคะแนน151 ต่อ88 งดออกเสียง3 บัตรเสีย1ใบ
เผย3เก้าอี้’จุฬาฯคอนเนคชั่น’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ได้รับตำแหน่งประธานและรองประธาน สปช.ทั้ง 3คน จบการศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยนายเทียนฉาย จบรัฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากคณะรัฐศาสตร์ นายบวรศักดิ์ จบนิติศาสตรบัณฑิต(เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เหรียญทอง) จากคณะนิติศาสตร์และน.ส.ทัศนา จบครุศาสตร์บัณฑิต (สุขภาพจิตและการพยาบาลจิตเวชชั้นสูง)
เปิดประวัติส่วนตัว3อรหันต์
ทั้งนี้ นายเทียนฉาย ปัจจุบันอายุ 70ปี เกิดเมื่อปี2487 เคยดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯและอธิการบดี จุฬาฯ เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์และดำรงตำแหน่งอื่นๆอีกมากมาย สมรสกับ คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ อดีตอธิการบดีจุฬาฯ มีบุตร 2คน
ส่วน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เกิดวันที่ 19ต.ค.2797 ปัจจุบันอายุ 60ปี เคยเป็นสมาชิก สนช.ปี2549 สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ปี2539 อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตเลขาธิการ ครม.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าและอุปนายกราชบัณฑิตยสถานคนที่1
ด้าน น.ส.ทัศนา เกิดวันที่ 8 มิถุนายน ปัจจุบันอายุ 72ปี เคยเป็นอดีต สนช.ปี2534 อดีต สว.และรองประธานวุฒิสภา คนที่2
ตั้งกมธ.ยกร่างฯเริ่มนับ21ตุลา
ทั้งนี้ หลังเลือกประธานและรองประธาน สนช.แล้ว สมาชิก สปช.หลายรายได้อภิปรายถึงกรอบจัดตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฯที่ต้องดำเนินการภายใน 15วัน นับจากเปิดประชุมสปช.นัดแรก แต่มีปัญหาว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเรียก การนัด หรือการเชิญประชุม ทำให้ นายพารณ สั่งพักประชุม 30นาที เพื่อให้สมาชิก สปช.ได้หารือกัน
ด้าน นายจเร พันธุ์เปรื่อง ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สปช.และนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ สปช.ให้ความเห็นต่อที่ประชุมตรงกันว่า ต้องใช้มาตรา5 ว่าด้วยประเพณีการปกครอง ประกอบกับที่ปกติแล้วสำนักงานเลขาธิการสภาฯ จะเป็นผู้ทำหนังสือเชิญประชุมนัดแรกโดยออกเป็นพรฎ.ในวันนี้ จึงเป็นวันประชุมนัดแรก ดังนั้นกรอบตั้งกมธ.ยกร่างฯภายใน 15วัน ต้องเริ่มนับวันที่ 21ต.ค.-4พ.ย.นี้
มอบวิปชั่วคราวคัดภายใน15วัน
ต่อมา ที่ประชุมมีมติให้ตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุม สปช.ฉบับถาวร จำนวน 19คน ประกอบด้วยตัวแทน สปช.11ด้านๆ ละ1คนและสปช.กลุ่มจังหวัด 4กลุ่มๆ ละ 4 คน อาทิ นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นต้น ส่วนคณะกรรมาธิการประสานงานกิจการ สปช.ชั่วคราว (วิป สปช.) จำนวน 22คน ประกอบด้วย ประธาน 1คน รองประธาน 2คน ตัวแทนจาก สปช.11ด้านๆละ1คนและสปช.กลุ่มจังหวัด 4กลุ่มๆละ 4คน อาทิ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณและน.ส.ทัศนา บุญทอง เป็นต้น ส่วนการตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างฯ20คน ที่ประชุมมอบหมายให้วิป สปช.ชั่วคราว ไปสรรหาตามกรอบเวลา 15วัน
ปปช.เผยไม่ต้องยื่นแจ้งทรัพย์สิน
นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) กล่าวว่า ในกรณีสมาชิก สปช.ต้องยื่นบัญชีรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ปปช.หรือไม่นั้น คณะกรรมการปปช.เห็นว่า เนื่องจาก สปช.เป็นตำแหน่งที่เรียกได้ว่าเกี่ยวข้องทางวิชาการ ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ แต่เป็นการใช้ความรู้ความสามารถในการปฏิรูปบ้านเมืองให้ดียิ่งขึ้น จึงเห็นตรงกันเป็นเอกฉันท์ว่าไม่ต้องยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ปปช.ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯถูกร้องเรียนเรื่องช่วยเงินช่วยเหลือยางพาราไม่ชอบนั้น ขอให้ตกไป เพราะไม่เข้าเหตุแห่งการกระทำผิดของ ปปช.รวมถึงกรณีของ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อีดตรองนายกรัฐมนตรีอละรมว.คลัง ก็ตกไปด้วยเช่นกัน
“บิ๊กตู่”ชม’เทียนฉาย’เหมาะปธ.
ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม.ถึงกรณี นายเทียนฉายได้รับเลือกเป็นประธาน สปช.ว่า ถือว่ามีความเหมาะสม เป็นคนมีความสามารถ ถือว่าเก่งกว่าตนเสียอีก อย่างไรก็ดีทุกคนที่อยู่ใน สปช.มีความเหมาะสมหมด แต่อยู่ที่จะเลือกใครมาเป็นประธาน ส่วนรายชื่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของ ครม.นั้น กำลังหารือกันอยู่ ส่วนประธานกรรมาธิการยกร่างฯ นั้นมีชื่ออยู่ในใจแล้วเป็นร้อยคน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ
ปัดล็อบบี้ถอดถอน-ไม่ยกโทษใคร
เมื่อถามว่า ในส่วน คสช.ยืนยันได้หรือไม่ว่า ไม่มีการสั่งการหรือล็อบบี้อะไรเกี่ยวกับการถอดถอนของ สนช.พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มี ไม่เคยสั่ง เป็นเรื่องของกฎหมายก็ต้องไปดูว่ากฎหมายทำได้แค่ไหน ถ้ามันไม่ได้ยังขัดแย้งกันอยู่ก็ไปตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษา เมื่อไม่แน่ใจก็ศึกษามาให้ได้ว่า จะเอาอย่างไร ไม่ใช่จะยกโทษให้ใครไม่ยกโทษให้ใคร ผิดต้องว่ากันตามผิด แต่ในข้อกฎหมายมันได้หรือไม่” ต่อข้อถามว่า ไม่ได้เล็งไปที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนไม่ได้เล็งใครซักคน ใครผิดก็ว่าไปตามผิด คนผิดเยอะแยะไป
‘ปู’ไปญี่ปุ่นได้-ขออนุญาตแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับบุตรชาย ว่า ตนไม่ได้เพ่งเล็งใครสักคน เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องแล้ว ที่ผ่านมานักการเมืองหลายคนมาขออนุญาตและคสช.ก็อนุญาตให้เดินทางไป
ยอมรับมีคลื่นใต้น้ำ-แต่ไม่หวั่น
เมื่อถามว่า มีข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯหวั่นไหวหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไปได้ ไปเลย จะหวั่นไหวทำไม” เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่า อาจจะมีการไปวางแผนเพื่อต่อต้านรัฐบาล นายกฯกล่าวยอมรับว่า ห่วง แต่เราต้องมีมาตรการให้พร้อม ส่วนปัญหาคลื่นใต้น้ำนั้น ยอมรับว่ายังมีอยู่ แต่เชื่อว่าต่อไปนี้ใครที่จะทำให้เกิดวุ่นวายในบ้านเมือง ก็จะเป็นอันตรายกับคนๆนั้นเอง ทั้งนี้เราไม่ได้ใช้วิธีไปกดคลื่นใต้น้ำ แต่ใช้วิธีการทำความดีและสร้างความเข้าใจ ที่จะสามารถสร้างเสถียรภาพให้กับเราได้
‘บิ๊กต่อ”ลดบาทบาทจ้อกับสื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการให้สัมภาษณ์ของนายกฯว่า ไม่ได้ตั้งโพเดียมแถลงข่าวเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ยืนให้สัมภาษณ์สื่อมวลและตอบข้อซักถามต่างๆด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ใช้เวลาประมาณ 10นาที น้อยกว่าทุกครั้งและนายกฯได้ชี้แจงว่า จะให้สัมภาษณ์ในประเด็นหลัก โดยให้รัฐมนตรีคนอื่นชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องและเป็นที่น่าสังเกตว่า หลังมีประเด็น นางยุวดี ธัญญศิริ นักข่าวอาวุโส ประจำทำเนียบรัฐบาล ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวนายกฯ วันนี้ นางยุวดี ก็ไปดักสัมภาษณ์นายกฯตามปกติ แต่ไม่ได้สอบถามอะไรกับนายกฯเหมือนที่ผ่านมา
จำคุกโจกแดง1ปีปลุกม็อบปี53
วันเดียวกัน ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมชาย ไพบูลย์ อดีต สข.เขตบางบอน พรรคไทยรักไทยและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลย ฐานร่วมกันละเมิดกฎหมาย, มั่วสุม10คนขึ้นไปสร้างความวุ่นวายในบ้านเมืองและฝ่าฝืน พรก.ฉุกเฉิน เหตุเกิดวันที่8-10เมษายน2553 คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาวันที่ 27ธันวาคม ให้จำคุก1ปี โดยไม่รอลงอาญา ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนแล้วพิพากษายืนโทษตามศาลชั้นต้น ต่อมา ทนายความยื่นคำร้อง พร้อมเงินสด 1แสนบาท ขอปล่อยชั่วคราวเพื่อสู้คดีในชั้นฎีกา ซึ่งศาลอนุญาต แต่ห้ามออกนอกราชอาณาจักร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี