23 ต.ค.57 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการฝ่ายรัฐสภา (ก.ร.) มีมติให้ยุบ "สำนักงานรัฐสภาจังหวัด" 6 จังหวัดนำร่อง ประกอบด้วย เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี สุราษฎร์ธานี พระนครศรีอยุธยา และชลบุรี ทั้งนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวในฐานะประธาน ก.ร.ว่า ไม่ผ่านการประเมิน และไม่คุ้มค่ากับงบประมาณและการปฏิบัติงานของบุคลากร
ล่าสุด นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า การตั้งสำนักงานรัฐสภาจังหวัด เกิดขึ้นในช่วงรัฐสภาที่แล้ว มีวัตถุประสงค์ต้องการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตย เป็นตัวกลางเชื่อมประชาชนในภูมิภาคกับสภา ให้ชาวบ้านเข้าถึงสภาได้ง่ายขึ้น
ขณะเดียวกันยังเป็นหน่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมือง เช่น เข้าชื่อเสนอกฎหมาย เข้าชื่อถอดถอน รวมทั้งการร้องเรียนเรื่องราวร้องทุกข์ทั้งหลาย ซึ่งการร้องทุกข์ในที่นี้ ไม่ใช่การร้องทุกข์การดำเนินงานหน่วยงานบริหาร แต่เป็นการร้องทุกข์เกี่ยวกับงานของหน่วยงานนิติบัญญัติ เช่น ร้องทุกข์ต่อกรรมาธิการ ซึ่งดูจากวัตถุประสงค์เป็นเรื่องที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อดำเนินงานจริงๆ กลับไม่ไปถึงวัตถุประสงค์ดังกล่าว เช่น เรื่องอำนาจหน้าที่ของสำนักงานเลขาสภาฯ
ทั้งนี้ คณะกรรมการประเมินข้าราชการฯ เห็นว่า หน้าที่หลักของสำนักงานเลขาสภาฯ คือ การสนับสนุนการดำเนินงานของสภา ก็อาจไม่เชิงตรงกับวัตถุประสงค์ที่กล่าวมา เรื่องที่สองคือ อำนาจในการปฏิบัติหน้าที่ในการไปเผยแพร่ความรู้ในต่างจังหวัดที่มีทีมงานลงไปทำหน้าที่ มีการพูดกันว่า หน่วยงานอื่นอย่างสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงอื่น เขาก็มีเหมือนกัน ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมาไม่มีสภา การเผยแพร่ความรู้เลยกลายเป็นเรื่องทั่วๆ ไป ไม่ใช่เสนอผลงาน และไม่ได้เชื่อมต่อกับสภาเท่าไหร่ ก็เป็นปัญหา
เลขาฯ สภา กล่าวต่อว่า อีกเรื่องหนึ่งคือ การใช้จ่ายงบประมาณที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นปัญหา จริงๆ แล้วในแต่ละสำนักงาน เขาก็ไม่ได้มีอะไร ใช้จ่ายตามระเบียบกติกา แต่จะมีปัญหาเรื่องการเช่า การปรับปรุงอาคาร ซึ่งเป็นหน้าที่ของส่วนกลางไปจัดซื้อจัดจ้าง ก็เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งข้อเท็จจริงผมยังไม่ทราบ กำลังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบ
เมื่อถามว่า เกี่ยวอะไรกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสำนักงานหรือเปล่า เลขาฯ สภา กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวเลย เช่น ค่าใช้จ่ายในการอบรมสัมมนาที่ไปจัดแต่ละที่ ส่วนกลางเป็นคนจัด เขาเป็นคนประสานงาน ดูแลให้ เขาไม่ได้เกี่ยว แต่ก็มีการแถลงข่าวว่า ค่าใช้จ่ายงบประมาณรัฐสภา 6 แห่ง ใช้เงินไปประมาณ 40 - 50 ล้านบาท จริงๆ ไม่เกี่ยวกับเขาหรอก เพราะส่วนใหญ่ไปจากส่วนกลาง รวมทั้งอาจจะมีปัญหาเรื่องที่พักอาศัย เพราะเราไม่ใช่หน่วยงานในภูมิภาค เราเป็นส่วนกลาง ส่วนเจ้าหน้าที่ที่นั่นก็เป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับเลขาธิการ เท่ากับเป็นเจ้าหน้าที่ส่วนกลาง ก็มีปัญหาว่าจะให้เขาเบิกแบบไปราชการหรือเบิกค่าเช่าบ้าน สุดท้ายผมก็ตัดสินว่าให้เป็นการเบิกค่าเช่าบ้านไป เพราะเขาไปประจำอยู่ที่นั่น
แต่พอ ก.ร.พิจารณา ในหลายเรื่องเหล่านี้ ขณะที่กระทรวงมหาดไทยก็ตั้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด กลายเป็นว่า การรับร้องเรื่องราวร้องทุกข์หรือการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมือง ก็จะไปซ้อนกับหน่วยงานอื่นๆ จึงมีการทบทวน และเมื่อมีการพิจารณาเรื่องอำนาจหน้าที่ เรื่องความคุ้มค่า ก.ร.ก็เลยเห็นด้วยกับคณะกรรมการประเมินว่าให้ปิดไปก่อน
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้สภาใหม่เข้ามาใหม่ตามปกติ แล้วหากจำเป็นต้องมีสำนักงานรัฐสภาประจำจังหวัด ก็มีความเห็นว่าควรเขียนไว้ในกฏหมายให้ชัดเจน ไม่ใช่ไปเปิดแล้วกลายเป็นครึ่งๆ กลางๆ รูปแบบก็ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ ซึ่งขณะนี้เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบ ก่อนจะปิดก็จะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สิน ส่วนคณะกรรมการที่ตรวจสอบเรื่องค่าใช้จ่าย งบประมาณ ซึ่งกำลังดำเนินการตรวจสอบกันอยู่เช่นกัน
ที่มา : สำนักข่าวอิศรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี