มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เรียกให้ สนช. ประชุมในวันที่ 30 ตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยมีเรื่องด่วนที่สำคัญต้องพิจารณาประกอบด้วย 1.การกำหนดวันและเวลาการประชุม สนช. 2.การพิจารณาเสนอรายชื่อสมาชิก สนช. เป็นกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญในสัดส่วนของ สนช. 5 คน และ 3.พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จำนวน 11 ฉบับ ซึ่งมีร่างพ.ร.บ.ที่น่าสนใจ คือ ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งคณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ โดยเป็นการแก้ไขความผิดเกี่ยวกับเพศ
โดยร่างฉบับนี้มีสาระสำคัญ คือ การกำหนดให้ผู้ใดที่กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ซึ่งไม่ใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 4 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 8 หมื่นบาทถึง 4 แสนบาท และถ้าการกระทำความผิดเป็นการกระทำแก่เด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปี ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 7 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 1.4 แสนบาท ถึง 4 แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต
นอกจากนี้ยังมีร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา โดยมีสาระสำคัญ คือ การบัญญัติว่าผู้ใดกระทำชำเราศพ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดกระทำอนาจารศพต้องโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้ใดทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งศพ ส่วนของศพ อัฐิ ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามศพ ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 5 พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน พล.ต.ต.เสริมคิด สิทธิชัยกานต์ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา นำตัว นายธรรม (นามสมมติ) อายุ 49 ปี มาแถลงข่าวหลังตกเป็นผู้ต้องหาข่มขืนกระทำชำเราบุตรสาวแท้ๆ ของตัวเอง โดยเหตุดังกล่าวสืบเนื่องมาจาก นางแดง (นามสมมติ) ได้พา น.ส.โอ๋ (นามสมมติ) เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา ให้ดำเนินคดีเรื่องดังกล่าวต่อ นายธรรม
โดย น.ส.โอ๋ ให้การว่า ถูกผู้เป็นพ่อแท้ๆ กระทำอนาจารมาตั้งแต่อายุ 17 ปี เป็นเวลาต่อเนื่องกันถึง 3 ปี โดยทุกครั้งที่แม่เดินทางไปทำงานที่โรงงานใน จ.ชลบุรี จะถูกพ่อลวนลามเสมอ แต่ก็ไม่เคยบอกแม่ให้ทราบ เพราะกลัวพ่อทำร้าย และระยะหลังพ่อจะหึงหวงไม่ยอมให้ไปเที่ยวกับแฟนหนุ่ม ถ้าไปจะถูกด่าและถูกทำร้าย กระทั่งวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. ขณะอยู่ในบ้านตามลำพัง นายธรม ได้เข้ามาหาและพยายามใช้กำลังบังคับข่มขืน จึงตัดสินใจต่อสู้จนหนีมาขอความช่วยเหลือจากลุงและบอกแม่ให้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และพาเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา
ขณะที่ นายธรรม อ้างว่า เหตุที่กอดจูบลูบคลำลูกสาวเป็นเรื่องปรกติที่พ่อที่ทำกับลูกเพราะรักและเอ็นดูลูก และลูกสาวก็ป่วยเป็นโรคไทยรอย ซึ่งตนก็ต้องดูแลรักษาลูกมาตลอด ในช่วงที่ภรรยาไปทำงานที่ อมตะนคร และปฏิเสธไม่ได้ข่มขืนลูกตนเอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี