จี้รบ.ส่งผลสอบข้าวยุค‘ปู’
ปปช.โดดฮุบ
ประกอบสำนวนฟันจีทูจี
คลังชี้เสียหายยับ7แสนล้าน
ปชช.ต้องใช้หนี้ยันลูกบวช
สนช.เชือดยิ่งลักษณ12พย.
ยังคงมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมายอมรับผลการตรวจสอบสต๊อกข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งพบว่ามีข้าวหายไปมากกว่า 1 แสนตัน จาก18 ล้านตัน และมีข้าวมากกว่า 70% เป็นข้าวที่เสื่อมคุณภาพ
โดยเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ได้ออกมายอมรับเพิ่มเติมว่า ภาระการใช้หนี้ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ คาดว่า จะมีผลขาดทุนสูงถึง 6-7 แสนล้านบาท โดยอาจต้องใช้เวลามากถึง 30 ปีหรือมากกว่านั้น
“หนี้โครงการรับจำนำข้าวที่มีผลขาดทุน 6-7 แสนล้านนี้ สุดท้ายแล้วก็ต้องตกเป็นเงินภาษีของทุกคนในประเทศ การใช้หนี้ขาดทุนจำนำข้าว มีทางแก้ทางเดียวคือต้องใช้หนี้ และคาดว่าอาจจะใช้เวลามากกว่า 30ปี หรือต้องใช้หนี้จำนำข้าวกันถึงรุ่นหลาน”
ออกพันธบัตรใช้หนี้ก็เอาไม่อยู่
นายสมหมาย กล่าวอีกว่า การออกพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี เพื่อมาใช้หนี้จากการขาดทุนจำนำข้าวไม่สามารถทำได้ทั้งหมด ทำได้เพียง 10% ของความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยการแก้หนี้จะต้องดูทั้งในส่วนของหนี้ที่กระทรวงการคลังกู้ และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กู้ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ลั่นพบทุจริตต้องดำเนินคดี
สำหรับการปิดบัญชีจำนำข้าว นายสมหมาย กล่าวว่า กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการของคณะอนุกรรมการปิดบัญชีข้าวที่มี นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน แต่หากปิดได้เร็วก็เป็นผลดี จะได้ดำเนินการนำข้าวที่มีอยู่ในสต๊อกไปขาย ซึ่งต้องยอมรับว่าการตรวจข้าวในสต๊อกมีความซับซ้อน มีข้าวหลายประเภท มีคุณภาพที่แตกต่างกันมาก ทำให้ฝ่ายปฏิบัติต้องมีความระมัดระวังมาก เพราะมีเรื่องของการทุจริตเข้ามาเกี่ยวข้อง และจะเป็นหลักฐานในการดำเนินการคดีต่อไป
ปปช.ขอข้อมูลข้าวหายฟันจีทูจี
ด้าน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือไปยังรัฐบาล หลังจากที่ทราบว่าผลการตรวจสอบปริมาณข้าว คุณภาพข้าว และข้าวที่คงเหลือจากโครงการรับจำนำข้าว มีข้าวหายและข้าวเสื่อมคุณภาพเป็นจำนวนมาก โดยจะนำข้อมูลดังกล่าวไปประกอบการพิจารณากรณีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจีของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวน
สนช.บรรจุวาระเชือดปู12พย.
ส่วนความคืบหน้ากรณี ป.ป.ช. ส่งสำนวนถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวให้ สนช. พิจารณาถอดถอนนั้น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า ได้พิจารณาสำนวนของ ป.ป.ช. แล้วพบว่า ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมจงใจกระทำการขัดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญ ขัดต่อพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารราชการแผ่นดิน และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แม้จะมีการอ้างการใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฏหมายรัฐธรรมนูญ แต่คำร้องได้ระบุถึงเหตุแห่งการถอดถอนอย่างชัดเจน จึงเห็นว่าเป็นคำร้องที่ต้องดำเนินตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับ จึงมีคำสั่งให้บรรจุวาระถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นวาระพิเศษ ในที่ 12 พฤศจิกายน พร้อมได้ส่งสำเนาเอกสารให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และสมาชิกเรียบร้อยแล้ว
“สมชาย”ยอมรับทำไม่ง่าย
นายสมชาย แสวงการ สนช. กล่าวว่า การจะถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. อาจไม่ใช่เรื่อง่าย เพราะน.ส.ยิ่งลักษณ์ปกป้องตัวเองตั้งแต่ต้น ด้วยการไม่ร่วมประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) แม้จะเป็นประธานกรรมการโดยตำแหน่ง แต่กลับมอบหมายให้คนอื่นรับผิดชอบแทน อย่างไรก็ตามโทษถอดถอนดังกล่าวเป็นโทษทางการเมือง ส่วนในแง่คดีอาญา หาก ป.ป.ช. ส่งฟ้องก็น่าจะเอาผิดได้ และเห็นว่าควรส่งฟ้องกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนไม่ใช่แค่เฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เท่านั้น
พท.จี้เทียบปม“ขุนค้อน-นิคม”
นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษากฎหมาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สนช.ควรพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเทียบเคียงกับกรณีการถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวยรัชพานิชย์ อดีตประธานวุฒิสภา จากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา สว. ซึ่งสนช.เห็นว่าไม่สามารถทำได้เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ได้ยกเลิกไปแล้ว
อ้างสำนวนยังไม่ได้ข้อยุติ
นายพิชิต กล่าวอีกว่า ถ้า สนช. รับพิจารณา ก็เห็นว่าขณะนี้สำนวนคดีดังกล่าวก็ยังไม่มีข้อยุติในเชิงพยานหลักฐาน เพราะคดีอาญาที่ป.ป.ช.ยื่นให้อัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนั้น อัยการสูงสุดและป.ป.ช.ก็ยังต้องตั้งคณะกรรมการร่วมกันพิจารณาสำนวนใหม่ แม้ป.ป.ช.พยายามโต้แย้งคดีถอดถอนเป็นคนละเรื่องคดีอาญา แต่เรื่องนี้ป.ป.ช.ได้รวมคดีถอดกับคดีอาญามาตั้งแต่ต้น แต่พอถึงเวลานี้กลับมาแยก ทั้งที่พยานหลักฐานและเอกสารเป็นชุดเดียวกัน และเวลานี้อัยการสูงสุดชี้ข้อไม่สมบูรณ์มา ก็เท่ากับหลักฐานที่ป.ป.ช.ส่งให้สนช.ยังไม่สมบูรณ์ หากสนช.ถอดถอน ก็เท่ากับผลของการถอดถอนไม่สมบูรณ์ตามไปด้วย
อ้างเรื่องของสภา-สนช.ไม่มีสิทธิ
นายพิชิต กล่าวอีกว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าแม้สนช.มีความเห็นเรื่องถอดถอนได้ก็ตาม แต่เจตนารมณ์ถอดถอนรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยแบบตัวแทน มีสมาชิกตัวแทนจากการเลือกตั้ง ส.ส. หาก สนช.มีวิถีทางที่มาไม่ได้มาตามรัฐสภา มาถอดถอนนายกฯ ที่มาจากรัฐสภา จะไม่ตอบสนองเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ จึงขอให้สมาชิก สนช.ได้อำนวยความยุติธรรม ให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วย
ชาวนา“สวนผึ้ง”เฮรับเงิน
วันเดียวกันที่หอประชุมศาลาประชาคม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี นายธีระพล ช่วยเรียง นายอำเภอสวนผึ้ง พร้อมด้วย นายทรงชัย มณีโชติ ผู้จัดการ ธกส.จังหวัดราชบุรี เป็นประธานมอบเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ให้กับเกษตรกรชาวนาในพื้นที่ 21 รายแรกจาก 56 ราย ที่ขึ้นทะเบียนและผ่านการตรวจสอบจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย นางจำลอง สอนผิว ชาวนาวัย 70 ปี กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับเงินสนับสนุนและเยียวยาการหยุดทำนาในช่วงหน้าแล้งนี้ โดยจะนำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนปลูกมันสำปะหลังเพิ่มเติม และหวังว่ารัฐบาลจะมีมาตรการออกมาช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาอีก
ธกส.สุพรรณทยอยจ่ายวันแรก
เช่นเดียวกับที่ จ.สุพรรณบุรี พล.ต.สิทธิ ปิยะสนธิ รอง ผอ.รมน.สุพรรณบุรี พร้อม นายจิระพงศ์ เต้พันธ์ ผอ.ธ.ก.ส.สุพรรณบุรี ได้ร่วมกันมอบเงินให้ชาวนา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี จำนวน 474 ราย รวมเป็นเงิน 6,139,500 บาท โดยการจ่ายเงินครั้งนี้ถือเป็นวันแรกที่ชาวนาในพื้นที่ได้รับเงินช่วยเหลือ ซึ่งธ.ก.ส.ทุกสาขาจะเริ่มทยอยจ่ายให้กับชาวนาอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะครบทุกรายภายในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ขณะที่ชาวนาส่วนใหญ่ยังคาดหวังว่า รัฐบาลจะมีมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อแก้ไขราคาข้าวที่ตกต่ำให้สูงขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี