31 ต.ค. 57 เมื่อเวลา 15.45 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง (บน.6) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังกลับจากการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการว่า การเยือนในครั้งนี้เป็นการเยือนตามคำเชิญของสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ บรรยากาศหารือเป็นมิตรไมตรีต่อกัน ซึ่งไทยและกัมพูชามีความใกล้ชิดต่อกันทางเขตแดน ที่มีความขัดแย้งอยู่บ้างแต่วันนี้ได้มีการพูดคุยกันว่าเราเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ ต้องร่วมมือกันเพื่ออนาคตของทั้งสองประเทศและอาเซียน
สำหรับประเด็นการหารือไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องความมั่นคงหรือเขตแดน เนื่องจากเราจะไม่ให้เส้นเขตแดนเป็นปัญหา เราจะเดินหน้าอาเซียนอย่างไรทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นถนน โครงสร้างพื้นฐาน มีการเซ็น MOU เครือข่ายทางรถไฟ อรัญประเทศ-ปอยเปต เพื่อเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า โดยตนเสนอให้มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ลักษณะ Cluster เพื่อค้าขาย มีโรงงานผลิตขนาดเล็ก มีศูนย์รับซื้อสินค้าทางการเกษตรเพื่อให้เกิดเป็นเมืองชายแดน มีการปรับปรุงถนน เส้นทางระหว่างกัน มีการจัดศูนย์แรงงาน โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเห็นชอบทุกประการ ซึ่งเป็นการป้องกันการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย เพื่อให้ประชาชนไทย-กัมพูชา ข้ามกันไป-มาได้อย่างมีความสุข
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว่า ด้านแรงงาน ปัจจุบันมีแรงงานแบบไปเช้าเย็นกลับ แรงงานตามฤดูกาล แรงงานรายปี ซึ่งทางกัมพูชาจะช่วยส่งทีมพิสูจน์สัญชาติ เพิ่มให้เป็น 15 ชุดจากเดิม 6 ชุด นอกจากนี้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดประชุมระหว่างผู้นำอย่างไม่เป็นทางการ (Annual Retreat) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนความสัมพันธ์ โดยให้มีอย่างน้อยปีละครั้ง เริ่มตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ด้านเศรษฐกิจ นอกจากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจข้ามแดน การที่เราจะเชื่อมโยงกับใคร เราต้องดูว่าเขาต้องการอะไร นายกรัฐมนตรีกัมพูชาอยากให้ผู้ประกอบการไทยเข้ามาผลิตน้ำผลไม้ เพราะเขามีผลผลิตอยู่แล้ว รัฐบาลก็ต้องคอยส่งเสริมให้ตรงกับความต้องการของประเทศเพื่อนบ้าน การลงทุนต้องเน้นให้โอกาสการลงทุนที่ตรงกับเราความต้องการ
ขณะที่ การขนส่ง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้เปิดจุดผ่านแดนถาวร บ้านหนองเอียน-สตึงบท เพื่อบรรเทาความแออัดที่ปอยเปตและไทย มีการขอเพิ่มโควต้ารถบรรทุกจาก 40 คันเป็น 500 คัน ซึ่งทางการกัมพูชาก็ตอบตกลง เรื่องจุดผ่านแดน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะมีการยกระดับ 4 จุดได้แก่ 1. ช่องอาเซะ จ.พระวิหาร ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี 2. พนมได จ.พระตะบอง บ.เขาดิน จ.สระแก้ว 3. บ.ทมอดา จ.โพธิสัต บ.ท่าเส้น จ.ตราด และ 4.ช่องจุ๊บโกกี จ.อุดรมีชัย ช่องสายตะกู จ.บุรีรัมย์
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดคุยการพัฒนาการท่องเที่ยวร่วมกันโดยให้นักท่องเที่ยวจากไทยสามารถ ขึ้นเขาพระวิหารจากฝั่งไทยได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนยังไม่ได้ขอ ซึ่งเราคุยกันแล้วทั้งสองฝ่าย ว่าอะไรที่เป็นปัญหาจะไม่คุย ถ้าไม่ไปเที่ยวคงไม่เป็นไร แต่ถ้าอยากไปเที่ยวก็ข้ามไปฝั่งนั้น ซึ่งความร่วมมือกันนั้นมีตั้งหลายอย่าง อาทิ จะมีการจัดเป็นแพ็คเกจท่องเที่ยวจากไทยไปกัมพูชา เรามาร่วมมือกันตรงนี้ดีกว่า ซึ่งตรงนี้เป็นกระบวนการปีหน้าเข้าสู่เออีซีค่อยว่ากัน และทุกอย่างรอฟังตอนนั้นดีกว่า
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าตนจะทำให้ดีที่สุด ก็ขอให้ลดปัญหาลงบ้าง วันนี้ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้อยู่ในประเทศอย่างเดียวต่างประเทศเขาเดินหน้าเราต้องรวมธุรกิจกันให้ได้รวมคนกันให้ได้เพื่อไปสู่เศรษฐกิจในวันหน้า เพราะต้องอยู่ด้วยกติกาที่จะส่งผลผูกพันสัญญาองค์กร WTO ซึ่งที่บอกกันว่าราคาสินค้าตกเนื่องจากต้นทุนสูง ค่าแรงสูง ซึ่งผู้ประกอบการมักอ้างว่าขาดทุน และจะให้รัฐลดภาษี แต่รัฐจำเป็นต้องเก็บภาษีเพิ่ม ไม่อย่างนั้นจะไม่มีรายได้ ซึ่งมันมีผลทั้งหมด แต่ทุกคนไม่ยอมขยับอะไรเลย และรัฐบาลก็ต้องรองรับและแก้ไข เพราะว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ตรงนี้ต้องช่วยกันและให้กำลังใจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี