เปิดกรุสมบัติครม.บิกตู่ ฮือฮา!
ยอด6พันล.‘
12นายพล’อู้ฟู่
ประยุทธ์ไม่ธรรมดา128ล้าน
ใช้รถ-สะสมนาฬิกายี่ห้อหรู
‘หม่อมอุ๋ย’รวยสุด1.3พันล.
‘ณรงค์’มีน้อยแค่6.9ล้านบ.
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้เปิดเผยบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา “ครม.บิ๊กตู่ 1”จำนวน 33 คน 35 ตำแหน่ง ที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2557 โดยปปช.เปิดโอกาสให้ประชาชนและบุคคลทั่วไปสามารถเข้าตรวจสอบได้ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. - 7 พ.ย.นี้
“หม่อมอุ๋ย”รวยสุด1.3พันล้าน
จากการตรวจสอบเอกสารพบว่า ผู้ที่มีทรัพย์สินมากสุดในครม.ชุดนี้ 5อันดับแรกที่น่าสนใจมีดังนี้ 1.ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินทั้งหมด 1,378ล้านบาท ทรัพย์สินผู้ยื่น 1,018 ล้านบาท ทรัพย์สินคู่สมรส 359 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 1,378ล้าน บาท 2.ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินทั้งหมด 1,315ล้านบาท ทรัพย์สินผู้ยื่น 1,258ล้านบาท ทรัพย์สินของคู่สมรส 56 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน1,315 ล้านบาท
“ปีติพงษ์”ไม่ธรรมดา836ล้าน
3.นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรและสหกรณ์ มีทรัพย์สินทั้งหมด 836ล้านบาท ทรัพย์สินของผู้ยื่น179ล้านบาท ทรัพย์สินของคู่สมรส 656ล้านบาท รวมหนี้สินทั้งหมด 6 ล้านบาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 830.5ล้านบาท 4. นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินทั้งหมด 305 ล้านบาท ทรัพย์สินของผู้ยื่น 145ล้านบาท ทรัพย์สินของคู่สมรส 161ล้านบาท และ5.นายณรงค์ชัย อัครเศรนณี รมว.พลังงาน มีทรัพย์สินทั้งหมด283ล้านบาท ทรัพย์สินผู้ยื่น 206ล้าน บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 77ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน283ล้านบาท
ฮือฮา’บิ๊กตู่’อู้ฟู่มี128ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทรัพย์สินอื่นของรัฐมนตรีสายทหาร”12นายพล” ที่น่าสนใจ คือ 1.ในส่วนทรัพย์สินอื่นของรัฐมนตรี สายทหาร ที่น่าสนใจ คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช. ) มีทรัพย์สิน 102ล้านบาท นางนราพร ภริยา มีทรัพย์สิน 26 ล้านบาท รวม 128 ล้านบาท หนี้สิน 654 ล้านบาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 128 ล้านบาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่ เป็นเงินฝาก 6 บัญชี รวมมูลค่า 58 ล้านบาท ยังมีเงินลงทุนมูลค่า 23ล้านบาท โดยเป็นเงินลงทุนจำนวน 8 หลักทรัพย์ได้มาในช่วงปี 2551ถึง 2557
เผยมีรถหรูมูลค่ากว่าสิบล้าน
ในส่วนที่ดิน มีมูลค่า 7 ล้านบาท จำนวน 5โฉนด เป็นทรัพย์สิน พล.อ.ประยุทธ์ มี 1โฉนด 20ไร่ 87 ตารางวา ในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี มูลค่า 2 ล้านบาท ส่วนที่ดินคู่สมรสมี 4 โฉนดในพื้นที่ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่, เขตพญาไท กทม.และ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมารวมมูลค่า 5 ล้านบาท อีกทั้งมีรถยนต์ 6 คัน มูลค่ารวม11ล้านบาทโดยมีรถยนต์ เมอร์ซิเดสเบนซ์ มูลค่ากว่า7ล้านบาท รถยนต์บีเอ็มดับบลิว740Li มูลค่า 3.5ล้านบาท และรถยนต์โตโยต้า Alphard มูลค่า 3.5ล้านบาท
นาฬิกายี่ห้อดัง10เรือน7.5ล้าน
ในส่วนทรัพย์สิน เครื่องประดับ นาฬิกา สร้อยคอทองคำ พร้อมพระ อาวุธปืนพก 6 กระบอก แบ่งเป็นปืนยาว 2 กระบอก รวม 9 กระบอก แหวนทัพทิมเรือนทอง นาฬิกาอีกหลายรายการของพล.อ.ประยุทธ์ และภริยาล้วนแล้ว แต่เป็นนาฬิกาชื่อดัง มีมูลค่าหลักแสนบาท จำนวน 9 เรือน ที่น่าสนใจคือ นาฬิกา Patek Philippe 2 เรือน มูลค่า 1.5 ล้านบาท ทั้งนี้ คู่สมรสของ พล.อ.ประยุทธ์ มีเครื่องประดับ เช่น แหวนเพชร ต่างหู สร้อย นาฬิกา มูลค่ารวม 7.5ล้านบาท
สะสมแหวนเพชร-ต่างหูเพชร
ที่น่าสนใจคือแหวนเพชรเหลี่ยม 2 กะรัต ต่างหูเหลี่ยมมูลค่ากวา8แสนบาท ชุดแหวนและต่างหูเพชร 2 กะรัต มูลค่า9แสนบาท และ ต่างหูเพชร1 คู่ข้างละ 2 กะรัต มูลค่า 1.2ล้านบาทโดยไม่ได้เปิดเผยภาพถ่ายทรัพย์สิน เหมือน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยให้เหตุผลว่าอาจมีความเสี่ยงเรื่องโจรภัยและทรัพย์สินบางส่วนทั้งที่ดิน ยานพาหนะรวมทั้งทรัพย์สินอื่น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ระบุวันเวลาของทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมด
แจงรับมรดกพ่อขายที่ดิน540ล.
นอกจากนี้ยังมีประเด็นสำคัญคือ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 พ.อ.ประพัฒน์ จันทร์โอชา พ่อของพล.อ.ประยุทธ์ได้ขายที่ดินย่านบางบอนรวม 9โฉนด เป็นเงินมูลค่า 540 ล้านบาท ได้มอบให้ พล.อ.ประยุทธ เป็นผู้ดูแลเงินซึ่งภายหลังได้แบ่งเงินให้พ่อและน้องเป็นเงิน 267.9ล้านบาท และมอบเงินให้บุตร198.5ล้านบาท
‘บิ๊กป้อม’รวยที่ดินมีนบุรี-คลองหลวง
2.พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม กับคู่สมรส มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 87 ล้านบาท มีเงินฝากมูลค่า 53,197,562 บาท จาก 4 ธนาคาร รวม11บัญชี นอกจากนั้นยังมีที่ดินในเขตมีนบุรี และอำเภอคลองหลวงรวมมูลค่า 17ล้านบาทโดยพล.อ.ประวิตรไม่ได้แสดงทรัพย์สินอื่นและไม่มีการชี้แจงวันเวลาที่ได้มาของทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมด
3.พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม และคู่สมรส มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 25ล้านบาท มีทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจอาทิสร้อยคอทองคำ พระเครื่องเลี่ยมทอง นาฬิากา และพระพุทธรูปบูชารวมมูลค่า 4 ล้านบาท แต่ไม่ได้แจ้งวันเวลาที่ได้มาของทรัพย์สิน
‘ธนศักดิ์’รวยสุดในรมต.สายทหาร
4.พล.อ.ธนศักดิ์ ปฎิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ และคู่สมรส มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน186 ล้านบาท มีเงินฝาก 51ล้านบาท และเงินฝากคู่สมรส 24 ล้านบาท เป็นเงินจาก 6 ธนาคารรวม 24 บัญชี มีที่ดินมูลค่ากว่า 63ล้านบาท เป็นที่ดินในพื้นที่ อ.ปากพลี จ.นครนายก อ.พนัดนิคม จ.ชลบุรีโดยเฉพาะที่ดิน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี มีมูลค่าถึง44ล้านบาท ที่ดินส่วนใหญ่ ได้มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2526 ถึงปี พ.ศ.2535
สะสมทองคำแท่ง34รายการ
ส่วนทรัพย์สินอื่น พล.อ.ธนศักดิ์และคู่สมรสมีมูลค่ารวมกว่า 15.ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินของคู่สมรส เป็นแหวนเพชร สร้อยคอ สร้อยข้อมือ กำไล แหวน จำนวน 188 รายการ นอกจากนี้ ยังมี ทอง SWISS(ทองคำแท่ง) สร้อยคอจำนวน34 รายการ มีทรัพย์สินที่เป็นของ พระราชทานพระพุทธรูป สร้อยพระเลี่ยมทองที่ประเมินค่าไม่ได้อีกหลายรายการโดยทรัพย์สินส่วนใหญ่ได้มาระหว่างปี พ.ศ.2530 ถึงพ.ศ.2554.
‘อุดมเดช’มีกระเป๋าแบรนด์เนม
5.พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินทั้งสิ้น 54 ล้านบาท มีเงินฝากจำนวน 15ล้านบาท เป็นเงินจากแปดบัญชี 4 ธนาคาร ที่น่าสนใจทรัพย์สินคู่สมรสในส่วนของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง โดยแบ่งเป็นอาคารเดี่ยวสามชั้น มูลค่า 15 ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินอื่นที่น่าสนใจ มีพระเลี่ยมทอง แหวน นาฬิกา เครื่องประดับและกระเป๋าแบรนด์เนมรวมมูลค่า 5.61ล้านบาทโดยแจ้งว่าทรัพย์สินได้มาก่อนยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินแต่ไม่ได้มีการแจ้งวันเวลา
“ดาว์พงษ์”ขายพืชผลได้19ล้าน
6.พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุบรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 93ล้านบาท มีเงินฝากจำนวน 31ล้านบาทโดยเป็นเงินจาก 4 ธนาคาร รวม 10 บัญชี และยังมี ทรัพย์สินที่น่าสนใจ เป็นโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 16ล้านบาท โดยเป็นที่ดินซึ่งได้มาเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.พ.ศ.2551และยังมีเงินลงทุนมูลค่ากว่า7.6ล้านบาท ที่น่าสนใจคือเงินลงทุนในกองทุนเปิดอินคัม พลัส มูลค่า 2ล้านบาท โดยได้มาเมื่อวันที่ 14 ส.ค. 57และเงินลงทุนทหารไทยมูลค่า 4 ล้านบาท ซึ่งได้มาเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 57 และพบมีที่ดินจำนวน 8 โฉนด ใน อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และในเขต พระขโนง กทม.ซึ่งพล.อ.ดาว์พงษ์เป็นผู้จัดการมรดก โดยไม่ได้แจ้งมูลค่าของที่ดินเอาไว้ พร้อมยังได้แจ้งว่ามีรายได้ที่เกิดจากการขายพืชผลทางการเกษตรมูลค่า19ล้านบาท
‘บิ๊กป๊อก’มีไม่น้อยหน้า37ล.
7.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 37.79ล้านบาท มีทรัพย์สินอื่นกับคู่สมรส มูลค่ารวม 9.9ล้านบาท อาทิ สร้อยข้อมือเพรชทองคำขาว 1 เส้นราคา 1.5ล้านบาท แหวนเพรชร 2 ล้านบาท และต่างหูเพชร 1 คู่ ราคา 1.15ล้านบาท โดย พล.อ.อนุพงษ์ แจ้งว่าทรัพย์สินส่วนใหญ่ได้มาประมาณกว่า 10 ปีที่แล้ว
“ฉัตรชัย”ลงทุนในกองทุน-ที่ดิน
8.พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 33 ล้านบาท มีเงินลงทุนจำนวน 12ล้านบาท ที่น่าสนใจคือเงินลงทุนในกองทุนเปิดไทยทริกเกอร์มูลค่า 2.946ล้านบาท ได้มาเมื่อวันที่ 22 ส.ค.57 และเงินลงทุน TRIGGER 8/G04 มูลค่า6.459ล้านบาท ได้มาเมื่อวันที่ 2 ก.ค. 57 และยังมีที่ดินมูลค่า1.1ล้านบาท โดยเป็นที่ดินในจ.เพชรบุรี 8 ฉโนด ส่วนทรัพย์สินกับคู่สมรส สร้อยคอทองคำ นาฬิกา อาวุธปืนและเครื่องประดับ มูลค่ารวม 4.3ล้านบาท โดยไม่ได้แจ้งวันที่ที่ได้มาของทรัพย์สินดังกล่าว.
‘ไพบูลย์’รวยพระเครื่อง
9.พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 51 ล้านบาท มีเงินฝาก กับคู่สมรสมูลค่า 14 ล้านบาท จาก 4 ธนาคาร 11 บัญชี ส่วนเงินลงทุนมูลค่า 20 ล้านบาท รวม32 รายการ ส่วนใหญ่เป็นของคู่สมรส ยังมีทรัพย์สินที่น่าสนใจมูลค่ารวม 42 ล้าน โดยพล.อ.ไพบูลย์ ยังมีพระเครื่อง 2 ชุดรวม 14 รายการ มูลค่ารวม 8.9ล้านบาท ส่วนทรัพย์สินอื่นของคู่สมรส อาทิ นาฬิกา แหวน เครื่องประดับ สร้อยคอ กำไร
“สุรศักดิ์”26ล้าน/สุรเชษฐ์เบาะๆ16ล.
10.พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงาน มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 26 ล้านบาท มีเงินฝาก กับคู่สมรส มูลค่า 9.9ล้านบาท จาก7 ธนาคาร 19 บัญชี เงินลงทุนมูลค่า 6.4ล้าน บาท และมีที่ดินมูลค่า 4.3ล้านบาท
11.พล.ท.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 16.8ล้านบาท มีที่ดินกับคู่สมรส มูลค่ารวม 7.3ล้านบาท จำนวน 6 โฉนด ในพื้นที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง อ.ดอยสะเก็ด และอ.เมือง จ.เชียงใหม่ และมีโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 11.9ล้านบาท ซึ่งเป็นบ้านพร้อมที่ดินและอาคารชุดจำนวน 4 รายการ
“ณรงค์’มีน้อยสุด6.9ล้าน
12.พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศรัย รมว.ศึกษาธิการ ถือเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีทรัพย์สินน้อยสุด มีทรัพย์สินน้อยสุด โดยมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 6.9ล้านบาท มีที่ดินใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จำนวน 1งาน 40 ตารางวา มูลค่า 3,080,000 บาท ทรัพย์สินอื่นมูลค่า 380,000 บาท อาทิ ปืนสั้น 2 รายการ นาฬิกาข้อมือ 4 รายการ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินบรรดานายทหารใน ครม.พล.อ.ประยุทธ์ พบว่าผู้ที่มีทรัพย์สินมากที่สุด คือ พล.อ.ธนศักดิ์ รองลงมาคือ พล.อ.ประยุทธ์
“วิษณุ”มี116ล้าน ยงยุทธ มี 88ล้าน
ในส่วนรัฐมนตรีของพลเรือน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินกว่า 116 ล้านบาท เป็นเงินฝากกว่า 36 ล้านบาท ที่ดินมูลค่ากว่า 21ล้านบาท เงินลงทุนกว่า 13.5 ล้านบาท ส่วนคู่สมรส มีทรัพย์สินรวมกว่า 38 ล้านบาท ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯมีทรัพย์สิน เป็นที่ดินมูลค่ามากสุดกว่า 1,152 ล้านบาทโดยเฉพาะย่านนางเลิ้ง เขตดุสิต ที่มีมูลค่ากว่า 800 ล้านบาท ส่วนคู่สมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้นกว่า 56 ล้านบาท นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินกว่า 88 ล้านบาท
ขุนคลัง” สมหมาย’เน้นปลูกสร้าง
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินกว่า 113 ล้านบาท ทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากสุดคือโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างจำนวน 75 ล้านบาท โดยเฉพาะห้องชุดเลขที่ 121/121 โครงการอันดามันบีชคอนโดมิเนียม จ.ภูเก็ต มูลค่า 43 ล้านบาท และห้องชุดอื่นๆ ส่วนคู่สมรสมีทรัพย์สินทั้งสิ้นกว่า 41 ล้านบาท เป็นโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างมูลค่ามากสุด 24.9 ล้านบาท ขณะที่ทรัพย์สินอื่นๆ เป็นเครื่องประดับ และนาฬิกาหรูจำนวนมาก มูลค่าเกือบ 4 ล้านบาท
ยอดทรัพย์สินครม.ตู่6พันล้าน
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินกว่า 78 ล้านบาท เป็นทรัพย์สินในส่วนของคู่สมรสมูลค่ากว่า 45 ล้านบาท นายสุธี มากบุญ รมช.มหาดไทย มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินกว่า 61 ล้านบาท เป็นทรัพย์สินในส่วนของคู่สมรสกว่า 25 ล้านบาท นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมช.ต่างประเทศ มีทรัพย์สินทั้งสิ้นกว่า 138 ล้านบาท เป็นทรัพย์สินในส่วนของคู่สมรสกว่า 126ล้านบาท เป็นที่ดินมากสุดมูลค่ากว่า 97ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายว่า สำหรับยอดทรัพย์สินรวมของ ครม.ประยุทธ์ 1จำนวนทั้ง 33คน มียอดรวมจำนวนทั้งสิ้นถึง 6,025,052,109 บาท
เตรียมสอบบัญชีทรัพย์สินฯต่อไป
นายธวัชชัย ศิริสธนพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมือง กล่าวว่า หลังเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯของครม.รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์1วันที่31ต.ค.ถึง14 พ.ย.แล้ว เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จะตรวจสอบที่มาที่ไปของทรัพย์สินว่ามีอยู่อย่างถูกต้องและมีอยู่จริงตามบัญชีที่ได้แสดงไว้หรือไม่ กระบวนการตรวจสอบเป็นไปตามปกติเช่นเดียวกับครม.ทุกชุดที่ผ่านมา ในมาตรฐานเดียวกันซึ่งหากสื่อมวลชน มีข้อมูลที่เห็นว่าผิดปกติเกี่ยวกับบัญชีทรัพย์สินของรับมนตรีรายได้สามารถแจ้งมายังป.ป.ช.เพื่อจะได้ดำเนินการตรวจสอบต่อไป
‘เรืองไกร’จี้บิ๊กตู่แจงมรดกให้ชัดๆ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ ป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ หัวหน้า คสช.มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 128 ล้านบาทว่า รายการที่เป็นเงินฝาก58 ล้านบาทเศษ มีดอกเบี้ยสูงถึง 14 ล้านบาท ไม่สอดคล้องกันจึงตั้งข้อสังเกตว่าที่ดอกเบี้ยสูงถึงขนาดนั้น น่าจะเป็นดอกเบี้ยจากเงินขายที่ของบิดาและเงินที่ให้กับลูก198 ล้านบาทหรือไม่ และวงเงินที่ในแบ่งกันในครอบครัวยังเขียนไม่ชัดเจนจึงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ชี้แจง แสดงหลักฐาน เช่น สัญญาซื้อขายที่ดินให้ชัดเจนว่าที่ดินที่ขายมีพื้นที่เท่าไหร่ เป็นที่ที่ไหน จะถือเป็นเรื่องดี ทำให้นักการเมือง และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ได้เห็นเป็นตัวอย่างของความโปร่งใส
นายกฯอ้ำอึ้งหนี้สินอ้างซื้อกองทุน
ทางด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถึงการแจ้งบัญชีทรัพย์สินฯต่อ ป.ป.ช.ซึ่งแจ้งบัญชีมีหนี้สิน654ล้านบาทเปิดเผยได้หรือไม่เกิดจากอะไรว่า ไม่รู้ จำไม่ได้ น่าจะเป็นการซื้อกองทุน แต่ไม่ได้เป็นการไปลงทุนอะไรเพราะไม่ใช่นักธุรกิจ อย่าถามเรื่องนี้เลย แต่ก็ถามได้ ไม่ได้กลัวอะไรอยู่แล้วและตนก็คงต้องไปตอบกับฝ่ายกฎหมาย ยืนยันตนทำให้ดีที่สุด ไม่ได้มีเจตนาอะไรทั้งสิ้น ก็ขอให้ลดปัญหาอะไรลงไปบ้าง
ย้ำถ้ายังขัดแย้ง-ปท.ก็ไร้อนาคต
และในเวลา20.15น.พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในรายการ“คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยโดยสรุปว่าเรื่องขอความร่วมมือจากเราเพื่อจะสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ในเรื่องการปฏิรูปทั้ง11ด้าน ขอบคุณประธาน สปช.และสมาชิกสปช.ทุกท่านได้เห็นความตั้งใจในการทำงานเพื่อประเทศไทย คนไทย คสช.และรัฐบาล ขอให้กำลังใจและรู้เป็นเรื่องยากในการปฏิรูปประเทศท่ามกลางความขัดแย้งยังคงมีบางคน บางพวก ยังมุ่งแต่จะรักษาผลประโยชน์ตนเองทั้งในวันนี้และในอนาคต
เลิศรัตน์ ยัน4 พย.เคาะ36กมธ.
ด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างข้อบังคับการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.ยกร่างฯ)ทั้ง 36คนว่า ประธาน สปช.จะลงนามแต่งตั้งคณะกมธ.ยกร่างฯทั้ง 36คน วันที่ 4 พ.ย.นี้จากนั้นจะนัดประชุม กมธ.ยกร่างฯครั้งแรกในสัปดาห์หน้าทันที ช่วงแรกระหว่างที่รอ สปช.ส่งข้อเสนอแนะมา ทางคณะกมธ.ยกร่างฯจะรับฟังความคิดเห็นประชาชน โดยการลงพื้นที่ในแต่ละภาคและจะรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนอื่นๆด้วย จากนั้นจะประชุมเพื่อกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างชัดเจนและมีเวลาอีก 5เดือนครึ่ง ในการรับฟังข้อเสนอแนะ ก่อนจะออกมาเป็นร่างรัฐธรรมนูญ
ไม่ต้องทำประชามติรธน.ใหม่
พล.อ.เลิศรัตน์ ยืนยันว่า รายชื่อกมธ.ยกร่างฯทั้งหมด ไม่มีการล็อคสเปกและจาก 25รายชื่อที่ผ่านการคัดสรรพบว่ามีความหลากหลายจากทุกสาขาอาชีพ จึงมั่นใจว่ารัฐธรรมนูญที่ออกมาจะเป็นที่ยอมรับของประชาชน โดยไม่ต้องทำประชามติ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดไว้ รวมทั้งจะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณกว่า2,500ล้านบาทและใช้เวลาในการดำเนินการนานกว่า 3 เดือน ดังนั้นการจัดทำประชาพิจารณ์ก็น่าจะเพียงพอต่อการรับฟังความคิดเห็นแล้ว
พท.ขู่ รธน.เอียง-เจอป่วนอีก
ขณะที่ นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยกล่าวถึงหน้าตากรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญว่าเป็นทีมหน้าเดิมนำโดยแกนหลัก 3คน คือนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธานสปช.และตัวเต็งประธาน กมธ.ยกร่างฯ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯและนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ที่ปรึกษา คสช.รัฐธรรมนูญปี2550ก็เขียน วันนี้จะมาเขียนใหม่ คาดว่าจะเข้มข้นกว่าเดิม จ้องจัดการนักการเมืองหนักข้อขึ้นตามแนวทางรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่เขียนกัน ส่วนใหญ่เป็นแค่ร่างทรง มีพวกอดีต สสร.และกลุ่มอดีต 40สว.ที่จ้องจะจัดการนักการเมืองอีกฝ่ายหนึ่ง หากเขียนรัฐธรรมนูญออกมาแบบสุดโต่ง ประชาชนไม่ยอมรับบ้านเมืองอาจเกิดความวุ่นวายขึ้นมาอีก นั่นเท่ากับว่า ปฏิวัติเสียของ คสช.ล้มเหลว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี