แห่ถอนชื่อรับไร่ละพัน
ผวาเจอคุก
เกษตรกรแจ้งข้อมูลเท็จ
‘บิ๊กตู่’ถกผู้ว่าฯอีสาน
บี้แก้แล้ง-ท่วมซ้ำซาก
ลั่นทำไม่ได้มีเรื่องแน่
เร่งขุดบ่อบาดาล31จว.
ความคืบหน้าการจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนาผู้มีรายได้น้อยไร่ละ 1,000 บาท แต่ไม่เกิน 15 ไร่ ตามมาตรการเฉพาะหน้าของรัฐบาล เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ที่จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเริ่มดำเนินการจ่ายเงินให้ชาวนา ที่ผ่านการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องจากคณะกรรมการตรวจสอบสิทธิ์ไปแล้ว ปรากฎว่ามีเกษตรกรที่แจ้งขึ้นทะเบียนไว้มาขอถอนชื่อไม่รับเงินช่วยเหลือดังกล่าวแล้วกว่า 100 ราย โดยนายปัญญา ศิลปะ เกษตรจังหวัดบุรีรัมย์เปิดเผยเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนว่า จ.บุรีรัมย์จ่ายเงินให้ชาวนาที่ผ่านการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องจากคณะกรรมการฯไปแล้ว 4,666 ราย เป็นเงินกว่า 58 ล้านบาท ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอน ขณะที่ทั้ง 23 อำเภอ มีเกษตรกรมาแจ้งขึ้นทะเบียนเพื่อขอรับเงินช่วยเหลือกับสำนักงานเกษตรอำเภอ และเกษตรจังหวัดรวม 163,053 ราย ล่าสุดตรวจพบเกษตรกรที่แจ้งขึ้นทะเบียนไว้มาขอถอนชื่อแล้วกว่า 100 ราย เนื่องจากส่วนใหญ่ให้ข้อมูลผิดความจริง เช่น เป็นเกษตรกรปลูกพืชสวนพืชไร่ชนิดอื่น แต่กลับแจ้งว่าปลูกข้าว ประกอบกับที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบอย่างเข้มทุกขั้นตอน ทั้งการตรวจจับจีพีเอส พื้นที่เพาะปลูก การทำประชาคมและธรรมนูญหมู่บ้านที่ให้เกษตรกรปฏิญาณตนต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงชี้แจงข้อกฎหมายในการแจ้งข้อมูลเท็จ ทำให้เกษตรกรกลัวความผิดจึงมาขอถอนชื่อไม่ขอรับเงินในโครงการดังกล่าว ทั้งนี้สาเหตุที่จ่ายเงินล่าช้า เพราะต้องตรวจสอบหลายขั้นตอน เพื่อความละเอียดรอบคอบ ป้องกันการทุจริตหรือสวมสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือ
“บิ๊กตู่”ลุยอีสานถกผู้ว่าฯ20จว.
วันเดียวกัน ที่หอประชุมศาลากลางจังหวัดขอนแก่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาควาสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องใน 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อติดตามผลการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาล และเตรียมแก้ปัญหาภัยแล้ง พร้อมรับฟังการดำเนินงานของศูนย์ดำรงธรรม
โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พื้นที่ไหนมีปัญหาภัยแล้งมาก จะลงพื้นที่นั้นก่อน รัฐบาลยินดี และเต็มใจดูแลชาวอิสาน 20 จังหวัด ซึ่งในการประชุมกับผู้ว่าฯวันนี้ ตนสั่งการในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ต้องทำให้ทั่วถึง โดยเฉพาะปัญหาการทำนาปรัง การแนะนำการปลูกพืชฤดูแล้งและการจ้างคนเข้ามาทำงาน แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะให้คนแก่มาขุดดินจนมีกระแสต่อต้านว่ารัฐบาลจะไปเอาคนแก่ที่เป็นชาวนามาขุดดิน ตนไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ เพียงแต่ต้องการสร้างรายได้ให้ทุกคน และขอแนะนำให้ทุกจังหวัดที่ปลูกข้าวไปสร้างแบรนด์ของตัวเองเพื่อเพิ่มมูลค่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องบรรจุภัณฑ์หรือคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญ และฟื้นฟูเรื่องสินค้าโอทอปโดยขอให้ทำจริงจัง
บี้แก้แล้ง-ท่วมซ้ำซากไม่ได้มีเรื่อง
“ขอให้ผู้ว่าฯเร่งแก้ปัญหาแล้งซ้ำซาก ซึ่งตนจะนำไปเป็นตัวประเมินผล จากนี้ไปพื้นที่แล้งซ้ำซากต้องลดลงทุกปี และขอให้จำไว้ถ้าปีหน้าไม่ลดลงมีเรื่อง พื้นที่ไหนเคยน้ำท่วมแล้วยังปล่อยให้ท่วมอีก ก็มีเรื่องเช่นเดียวกัน บางส่วนต้องลดลงให้ได้ต้องไปบริหารการจัดการอย่างเร่งด่วน” นายกฯย้ำ และว่า สำหรับปัญหาลักลอบตัดไม้ทำลายป่าก็ต้องจับให้หมด รัฐจะไม่จับแค่พวกขนอย่างเดียว เพราะเบื่อและเปลืองที่ขัง พวกนายทุนจะต้องดำเนินการให้หมด ซึ่งได้สั่งคสช.ไปแล้ว ส่วนไม้ที่ตัดกันมาแล้ว ก็จะนำไปสร้างพิพิธภัณฑ์ให้สวยงาม ดีกว่านำไปขายให้เมืองนอกแล้วเขาก็นำกลับมาขายให้เราอีก
ปภ.ชี้แล้งรุนแรง9.5พันหมู่บ้าน
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงหมาดไทยกล่าวรายงานการคาดการณ์ภัยแล้งและการเตรียมรับสถานการณ์ว่า ปภ.เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ภัยแล้งไว้ 3 เรื่องคือ 1.ตรวจสอบและชี้เป้าหมายหมู่บ้านที่จะประสบภัยแล้งรุนแรง ซึ่งคาดการณ์ว่ามีหมู่บ้านประสบภัยแล้งประมาณ 9,535 หมู่บ้าน คิดเป็น 12.72% โดยมีตัวชี้วัดคือ ปริมาณน้ำฝนสะสมเฉลี่ยปี 2557 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี 2.เตรียมความพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งบุคลากร เครื่องจักรกล เครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติงาน สำรวจภารชนะรองรับน้ำ และจุดจ่ายน้ำกลางประจำหมู่บ้านพร้อมทำแผนแจกจ่าย รวมถึงสำรวจระบบประปาและมีการซ่อมบำรุงแก้ไข ตลอดจนขุดลอกคูคลอง และกำจัดผักตบชวา และ3.ชี้แจงทำความเข้าใจในข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ประชาชนให้ปฏิบัติเป็นรูปธรรม พร้อมให้ความเชื่อมั่นประชาชนต่อการดำเนินมาตรการแก้ปัญหาภัยแล้ง
อ่างเก็บน้ำ39แห่งปริมาณน้ำน้อย
ขณะที่นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวรายงานสถานการณ์น้ำในภาคอิสานว่า ปริมาณน้ำฝนตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 30 ปี 2% และน้อยกว่าปี 2556 ประมาณ 7% ปริมาณส่วนใหญ่ไหลลงแม่น้ำโขง สถานการณ์น้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำพบว่ามีปริมาณน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 2,200 ล้านลบ.ม. และน้อยกว่าปี 2556 ประมาณ 1,800 ล้านลบ.ม. สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 12 แห่ง อยู่ในเกณฑ์น้ำดีมาก 1 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำสิรินธร อยู่ในเกณฑ์น้ำดี 7 แห่ง อยู่ในเกณฑ์พอใช้ 4 แห่ง สถานการณ์อ่างเก็บน้ำขนาดกลางมี 265 แห่ง อยู่ในเกณฑ์น้ำดีมาก 130 แห่ง อยู่ในเกณฑ์ น้ำดี 64 แห่ง น้ำพอใช้ 32 แห่ง และอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย 39 แห่ง
สำหรับการวางแผนจัดการน้ำช่วงฤดูแล้งปี 2557/2558 คาดว่าเมื่อสิ้นสุดฤดูฝนประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในภาคอิสานจะมีอ่างเก็บน้ำน้อย 7 แห่งและอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีน้ำพอใช้และน้ำน้อยรวม 71 แห่ง ซึ่งไม่สามารถช่วยการเพาะปลูกช่วงฤดูแล้งได้ แต่ยังสามารถสนับสนุนการใช้น้ำในกิจกรรมหลัก ใช้ในการอุปโภคบริโภคได้เพียงพอ
เร่งขุดบ่อบาดาลรับมือภัยแล้ง31จว.
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำรายงานสถานการณ์ลุ่มน้ำในภาคอิสานว่า ภาพรวมพื้นที่เพาะปลูกมีกว่า 100 ล้านไร่ อยู่ในพื้นที่ชลประทานประมาณ 30 ล้านไร่ ที่เหลือเป็นพื้นที่เพาะปลูกนอกเขตชลประทานอาศัยน้ำฝน และแหล่งน้ำตามธรรมชาติในการเพาะปลูก โดยคาดว่าสถานการณ์ภัยแล้งจะเริ่มเดือนมกราคม ทำให้พื้นที่เพาะปลูกนอกเขตชลประทานประสบปัญหามาก โดยที่ผ่านมากรมทรัพยากรน้ำได้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าคือ การสูบน้ำเติมแหล่งน้ำต้นทุน สำหรับผลิตประปาหมู่บ้าน นำน้ำสะอาดแจกจ่ายประชาชน จ้างงานเกษตรกรในท้องถิ่นที่ไม่สามารถเพาะปลูกได้ ขุดลอกคลอง เป็นต้น
ขณะที่นายปราณีต ร้อยบาง อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลรายงานผลการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลแก้ปัญหาภัยแล้งว่า การขุดเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อนำน้ำใช้อุปโภคบริโภคเป็นหลัก โดยปี 2558 จะดำเนินการให้ครอบคลุมจังหวัดที่คาดว่าจะเกิดภัยแล้ง 31 จังหวัด 9,535 หมู่บ้าน โดยพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรในพื้นที่ประสบภัยแล้ง 639 แห่ง ใช้อุปโภคบริโภคในหมู่บ้านที่ขาดแคลนน้ำ 305 แห่ง น้ำสะอาดในโรงเรียน 323 แห่ง ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จภายในเดือนธันวาคม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี