3นศ.แข็ง-ไม่รับเงื่อนไข
กล่อมเหลว!
ทหารจำใจปล่อยตัวหมด
ไม่แจ้งข้อหา-ให้กลับไปเรียน
เผยวางแผน3วันประท้วงบิ๊กตู่
ชู3นิ้วลามเข้ากทม.โดนหิ้วอีก 3
จากเหตุการณ์ 5 นักศึกษา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในนาม “กลุ่มดาวดิน”ประกอบด้วย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา นายพายุ บุญโสภณ นายวิชชากร อนุชน นายเจตน์สฤษฎิ์ นามโคตร และนายวสันต์ เสกสิทธิ์ ได้ไปชู 3 นิ้ว พร้อมใส่เสื้อยืดสีดำมีข้อความสีขาวเขียนว่า “ไม่เอารัฐประหาร”ต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรัษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 19พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะปราศัยการแก้ปัญหาภัยแล้งที่ จ.ขอนแก่น
เปิดห้องสอบ5นศ.ต้าน’บิ๊กตู่’
เมื่อเวลา 10.00น.วันที่ 20พฤศจิกายน นักศึกษาทั้ง 5คน ได้เดินทางมายังมณฑลทหารบกที่23 ค่ายศรีพัชรินทร์ เพื่อทำการสอบสวนและตั้งข้อหาขัดขวางกฎอัยการศึกกรณีชุมนุม 5คนขึ้นไป
โดยมี นายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น พล.ต.วรทัต สุพัฒนานนท์ ผบ.มทบ.23และพล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น ร่วมสอบสวนประมาณ 2ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังเชิญ นายกิตติบดี ใยพลู คณบีดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เข้าร่วมด้วย เบื้องต้นจะมีการแถลงข่าวร่วมทุกฝ่ายหลังหารือ แต่สุดท้ายได้ยกเลิกด้วยเหตุว่า ไม่มีการเอาผิด หรือดำเนินคดีใดๆกับนักศึกษา
ยอมยุติ2คน-ปล่อยตัวทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการพยายามให้นักศึกษาทั้ง 5คน เซ็นข้อตกลง 3ข้อ คือ 1.ให้ยอมรับสิ่งที่ทำ 2.ยอมรับจะไม่เคลื่อนไหวทางการเมืองและ3.ถ้าเคลื่อนไหวต้องยอมรับการถูกดำเนินคดี โดยมี 2คนที่ถูกกดดันจากผู้ปกครองยอมเซ็นรับข้อตกลง คือ นายพายุและนายเจตน์สฤษฎิ์ ส่วนอีก 3 คน ไม่ยอมรับ ก่อนจะปล่อยนักศึกษาทั้งหมดกลับ โดยไม่ดำเนินคดี หรือมีเงื่อนไขใดๆ
งงไม่เอาผิด-ดำเนินคดีข้อหาใดๆ
นายจตุภัทร์ กล่าวว่า ตนไม่ยอมรับเงื่อนไข หรือข้อตกลง แต่สุดท้ายก็ปล่อยทุกคน ซึ่งผู้ใหญ่พยายามจะปรับทัศนคติ แต่ไม่สามารถคุยกันได้ เพราะมุมมองเรื่องสิทธิแตกต่างกัน ตอนแรกขู่ว่าจะหมดสภาพนักศึกษา หากไม่เซ็นยินยอมและยอมรับ แต่ไม่มีการดำเนินการใด รวมทั้งการดำเนินการตามกฎหมายก็ไม่มี ส่วนการเคลื่อนไหวใดๆในอนาคตต้องดูว่า มีเรื่องอะไร ซึ่งไม่สามารถหยุดได้ กฎหมายตอนนี้ไม่ชอบธรรมก็ขอย้ำว่า เราไม่ยอมรับอำนาจนี้ เมื่อความอยุติธรรมมีอยู่ก็ต้องเคลื่อนไหวอยู่เฉยไม่ได้ จะปล่อยให้สังคมถูกปิดหูปิดตาไม่ได้
เผยไม่มีเบื้องหลัง-วางแผน3วัน
เช่นเดียวกับ นายวสันต์ เสกสิทธิ์ ที่ไม่ยอมเซ็นยิมยอมเช่นกัน กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นการทำกันเองไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง จนถึงตอนนี้รู้สึกโล่ง ขอยืนยันในหลักการที่จะต่อสู้เพื่อให้เกิดความยุติธรรม เสื้อที่ทำก็ทำกันเองโดยติดสติกเกอร์ ใช้เวลาในการวางแผนกันแค่ 3วันเท่านั้นเอง
พ่อเหยื่อเย้ยจำกัดสิทธิ์-ปฎิรูปล่ม
ขณะที่ นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา อาชีพทนายความ บิดาของ นายจตุภัทร์ กล่าวว่า สิ่งที่นักศึกษาทั้ง 5คนทำตนมองว่า เป็นเรื่องปกติที่มนุษย์ทั่วไปทำกัน หากไม่มองในเชิงอำนาจการต้านรัฐประหารไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นที่เขานำเสนอคือ รัฐประหารเข้ามาแล้วไปจำกัดสิทธิ์ชาวบ้านในการเคลื่อนไหว ถ้าจะลงลึกการปฏิรูประเทศ ควรจะวางอะไรให้เหมาะสมและอยู่กันได้สมดุล ขณะที่คุณบอกว่าจะปฏิรูปประเทศ แต่กลับไปจำกัดสิทธิ์ในการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงออกในการแสดงความคิดเห็นแค่นี้คำว่า ปฏิรูปก็ถูกทำลายไปแล้ว
คณบดีชื่นชมลูกศิษย์ทำถูกแล้ว
นายกิตติบดี ใยพูล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวว่า เป็นที่น่ายินดีที่ทางทหาร ตำรวจและผู้ว่าฯให้โอกาสนักศึกษามาปรับความเข้าใจและไม่เอาผิด โดยให้นักศึกษากลับไปเรียนและเป็นกำลังหลักในสังคมต่อไป แต่ยืนยันไม่ได้ว่า นักศึกษาจะเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารอีกหรือไม่ เพราะถือเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของนักศึกษา หากมีการเคลื่อนไหวอีกให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย
รวบ3นศ.ป่วนสกาล่า-พารากอน
วันเดียวกันเมื่อเวลา 12.30 น. ที่บริเวณหน้าโรงภาพยนตร์พารากอนซีนีเพล็ก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีนักศึกษาจากกลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาปไตยมายืนแจกตั๋วภาพยนตร์ ฮังเกอร์เกมส์ ให้แก่ผู้ที่ได้รางวัลและประชาชนทั่วไปที่สนใจดูภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ท่ามกลางการเฝ้าจับตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบราว 60 นาย ต่อมนายรัฐพล ศุภโสภณ นักศึกษาปี4 คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์และนายกิตติธัช สุมาลย์นพ ที่เคยอ่านหนังสือและกินแซนด์วิชหน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน มาชู 3นิ้วหน้าโรงภาพยนต์สกาล่า จึงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวไปสน.ปทุมวันเพื่อทำการสอบสวนและบันทึกประวัติ
ส่วนกลุ่มผู้จัดงานที่เหลือได้ย้ายจัดกิจกรรมไปโรงภาพยนตร์สยามพารากอน ต่อมา เวลา 13.30น. นายนัชชชา กองอุดม นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ซึ่งแต่งกายคล้ายผู้หญิง เดินชู 3 นิ้วหน้าโรงภาพยนต์ จึงถูกเชิญตัวไปสน.ปทุมวันเป็นรายที่ 3 เพื่อลงบันทึกประจำวันและพูดคุยปรับทัศนคติก่อนปล่อยตัวกลับ ส่วน นายนัชชชา ทางทหารได้ขอตัวเพื่อไปพูดคุยปรับทัศนคติที่กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) สนามเป้า โดย นายนัชชชา ยินยอมไปโดยดีและไม่ให้ทนายความติดตามไปด้วย
ทหารเชิญ11นศ.ปรับทัศนคติ
ก่อนหน้านี้ เวลา 20.30น.วันที่ 19พฤศจิกายน ร.ท.จิรปรีชา ปิ่นเย็น ผบ.ร้อย.รส.พัน.ร.ศสร.นำกำลังทหารเข้าเชิญตัวนิสิตนักศึกษา 11คน ไปที่ สน.สำราญราษฎร์ กทม.หลังไปแสดงกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ชู 3นิ้ว มาปรับทัศนคติ เนื่องจากนักศึกษาดังกล่าวนัดรวมตัวทานอาหารที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมเขียนข้อความติดบนแผ่นกระดาษว่า “ปิกนิกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ชิมไปบ่นไป “เพื่อให้กำลังใจนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ที่ชู 3นิ้วต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์ ต่อมา หลัง พูดคุยอบรมปรับทัศนคติและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน จึงปล่อยตัวกลับไป
‘บิ๊กตู่’ครวญปท.ติดกับดักปชต.
วันเดียวกัน ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร รุ่น 57 พร้อมกล่าวบรรยายพิเศษในหัวข้อ “บทบาทของภาครัฐ ภาคเอกชนและการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ประเทศติดกับดักประชาธิปไตยที่ยังหาไม่เจอ นอกจากนั้นยังติดกับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง วันนี้ต้องทำอย่างไรเพื่อจะก้าวพ้นกับดักเหล่านี้ วันนี้ต้องเดินไปข้างหน้าให้ได้ ไม่ใช่มาตีกันหรือทะเลาะกัน เช่น 3เดือน จะเกิดกฎหมายอะไร รัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร กฎหมายลูกจะมีเรื่องใด ซึ่งต้องแก้ที่เรื่องโครงสร้างและนำไปสู่การวางรากฐานในอนาคต ความขัดแย้งก็ว่ากันไป แต่ที่เราต้องทำต้องปฏิรูปและพัฒนาต่างๆ เพื่อวางรากฐานเอาไว้ ไม่เช่นนั้นลูกหลานจะอยู่ไม่ได้ในอนาคต
เร่งปฎิรูป-เพื่อไม่ให้เสียเปล่า
ทั้งนี้ ก่อนจบการบรรยาย มีนักศึกษา วปอ.คนหนึ่ง สอบถามนายกฯถึงความคาดหวังในการปฏิรูปและอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นในการปฏิรูป พล.อ.ประยุทธ์ ได้ตอบว่า ที่ตนพูดมาทั้งหมดก็ล้วนแต่คาดหวัง ไม่เช่นนั้นสิ่งที่ทำมาจะเสียเปล่า แต่ก็ขึ้นอยู่กับทุกคนในประเทศที่จะต้องช่วยกัน การปฏิรูปเรื่องใดที่ทำได้ ให้ทำก่อน เพื่อให้มีคนที่มีคุณภาพเข้ามาและลดความขัดแย้ง ความเห็นต่างที่ผ่านมาปัญหามาจากกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ทำให้ติดขัดและไม่มีใครแก้ไขได้ จึงต้องมีรัฎฐาธิปัตย์ เพื่อให้ทุกอย่างที่หยุดชะงักในช่วง 6 เดือนก่อนหน้านี้เดินไปได้
รับบางฝ่ายอึดอัดกฎอัยการศึก
“ผมยอมไม่ได้ที่จะให้ประเทศไทยเป็นแบบนี้ จึงจำเป็นต้องทำ ขณะที่การปฏิรูปในระยะสั้นต้องดูว่า ทำอย่างไรไม่ให้เกิดเผด็จการรัฐสภา การใช้อำนาจโดยไม่โปร่งใส ดังนั้นการบริหารจัดการเพื่อขับเคลื่อนประเทศจึงต้องเหนื่อย เพราะมีทั้งปัญหาเก่าที่หมักหมมและปัญหาใหม่ที่จะเป็นอุปสรรคในการเดินหน้า เราจึงต้องลดสิ่งเหล่านี้ลงไป ผมคิดว่าคนส่วนใหญ่พอใจและมีความสุขที่รัฐบาลเข้ามาทำงาน อาจมีบางฝ่ายอึดอัดใจ ผมเข้าใจ แต่รัฐบาลต้องทำงาน ส่วนเรื่องกฎหมายพิเศษยังต้องใช้อยู่ ผมยืนยันว่า เข้ามาทำงานเพื่อแก้ปัญหาประเทศ ไม่ได้มาเพื่อต้องการอำนาจ หรือสืบทอดอำนาจใด” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เผยเล็งทัวร์ภาคเหนือคิวต่อไป
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงผลการลงพื้นที่ร่วมกับนายกฯเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและตรวจเยี่ยมศูนย์ดำรงธรรม เมื่อวันที่ 19พฤศจิกายนผ่านมา ว่า นายกฯพึงพอใจในการเตรียมป้องกันภัยแล้งที่ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เมื่อถามว่า หลังลงพื้นที่ครั้งนี้แล้วจะให้นายกฯลงไปดูแลความเรียบร้อยที่ไหนอีกบ้าง พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า นายกฯบอกว่า คงจะไปภาคเหนือ แต่โดยสรุปคงจะไปทั่วประเทศ แต่จะเป็นช่วงใดต้องดูอีกครั้ง
‘บิ๊กป้อม’วอนอย่าแสดงออก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลโดยชู 3นิ้วตามสถานที่ต่างๆ ว่า ไม่มีอะไร ไม่หนักใจ เพราะมีคนตั้ง 67ล้านคน เชื่อว่าจะไม่บานปลายและนายกฯได้ตอบคำถามหมดแล้ว ตนไม่จำเป็นต้องตอบ ตนเห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจว่า คสช.และรัฐบาลทำอะไรอยู่ เราต้องการความปรองดอง ไม่ต้องการความแตกแยก คิดต่างได้ แต่อย่าแสดงออก ขอเวลา คสช.บ้าง ตามเนื้อเพลงคืนความสุข ซึ่งขอเวลาแค่ 1ปี พอปฏิรูปสำเร็จแล้วเลือกตั้งก็จบ ไม่มีอะไร อย่าคิดมาก
อ้างชื่อคณะบุลลคจี้เลิกอัยการศึก
วันเดียวกัน มีกลุ่มซึ่งอ้างชื่อเป็นคณะบุคคล 102คน ออกแถลงการณ์ให้ยกเลิกกฎอัยการศึกโดยระบุว่า การยึดอำนาจของคณะรัฐประหาร ก่อผลกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนทั่วประเทศอย่างรุนแรง โดยเฉพาะมีการจับกุมผู้แสดงออกทางการเมืองที่ไม่ยอมรับการรัฐประหาร เช่น การจับนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น ทั้งนี้คณะบุคคลดังกล่าว อาทิ นายกนกรัตน์ เลิศชูสกุล รัฐศาสตร์ จุฬาและนายคมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ภาควิชาปรัชญา ม.ศิลปากร เป็นต้น
ทหารเรียก9บก.ทำความเข้าใจ
ส่วนที่สโมสรนายทหารสัญญาบัตร กรมการทหารสื่อสาร พล.ท.สุชาติ ผ่องพุฒิ เจ้ากรมการทหารสื่อสาร ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการเพื่อติดตามการเผยแพร่ข่าวสารต่อสาธารณะ ได้เรียกบรรณาธิการ(บก.) สื่อสิ่งพิมพ์ 9ฉบับ เข้ารับฟังและขอความร่วมมือในการนำเสนอข่าว โดย พล.อ.สุชาติ กล่าวว่า การเชิญบก.สื่อมาพบครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการปิดกั้น หรือกำจัดสิทธิเสรีภาพการทำงานของสื่อแต่อย่างใด เพียงแต่เชิญมาเพื่อทำความรู้จักกัน โดยการเชิญบก.สื่อสิ่งพิมพ์มาพบในครั้งนี้เป็นการเชิญครั้งสุดท้าย แต่หากมีปัญหาที่เข้าใจไม่ตรงกันจะใช้โทรศัพท์พูดคุยโดยตรง พร้อมกับขอให้สื่อช่วยขยายความเรื่องค่านิยมหลัก 12ประการ โดยเฉพาะตามคอลัมน์ต่างๆ เพื่อทำให้ประเทศชาติกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี