สนช.ผุดโครงการพบประชาชน 'สุรชัย'หวังรธน.ใหม่อยู่อีกนาน
วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557, 13.12 น.
Tag :
22 พ.ย. 57 ที่รัฐสภา สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จัดโครงการ"สภานิติบัญญัติแห่งชาติพบประชาชน" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้ทราบถึงบทบาทอำนาจหน้าที่และแนวทางการดำเนินงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมถึงเพื่อให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ได้รับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของประชาชน และเพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมกับสนช. ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน โดยกิจกรรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวน300คน ประกอบด้วย ผู้แทนเครือข่าย ผู้นำนักประชาธิปไตย วุฒิสภา และสื่อมวลชนจากจังหวัดต่างๆจำนวน270คน และสื่อมวลชนจากกรุงเทพจำนวน30คน นอกจากนี้ยังมีการจัดเสวนาในหัวข้อ"หน้าที่ความรับผิดชอบและแนวทางการดำเนินงานของสนช." โดยนายตวง อันทะไชย และนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช.
โดยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่1 ได้ปาฐกถาพิเศษโดยระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการตั้งคำถามว่าความขัดแย้งในประเทศไทยเกิดจากอะไรก็ต้องตอบว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศ เป็นปัญหาที่สะสมมานานและไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี ดังนั้นการเดินทางเข้าสู่ช่วงเวลาการปฏิรูปประเทศจากนี้ไปจึงต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายโดยการปฏิรูปผ่าน5องค์กรหลัก คือคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) คณะรัฐมนตรี(ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ
นายสุรชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยใช้รัฐธรรมนูญไปอย่างสิ้นเปลืองถึง19ฉบับ จึงหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับที่20ที่กำลังจะยกร่างจะเป็นรัฐธรรมนูญที่อยู่กับคนไทยไปอีกนาน ดังนั้นสิ่งที่ต้องการเห็นจากคนที่มาร่วมโครงการในวันนี้คือการกลับไปขยายผลต่อในเรื่องของทิศทางในการช่วยกันเปลี่ยนผ่านประเทศไทยให้ก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยใหม่ที่สมบูรณ์และเป็นของประชาชนที่แท้จริง โดยประชาธิไตยใหม่ที่สมบูรณ์ไม่ได้หมายถึงเพียงแค่มีการจัดการเลือกตั้งแต่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์จะต้องหมายถึงประชาธิปไตยที่ต้องไม่ถูกผูกขาดจากกลุ่มทุนหรือพรรคการเมืองพรรคใด
ด้านนายตวง กล่าวในวงเสวนาว่า การดำเนินการในทุกๆด้านเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาประเทศ หากมีการชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจได้ ประชาชนก็จะมีแนวทางเป็นของตัวเอง ส่วนหน้าตาของประเทศหลังการปฏิรูปจะเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญตามมาตรา27
ในขณะที่วงเสวนาได้มีการตั้งคำถามฝากไปยังสนช.ในกรณีการแก้ปัญหาประชาชนเป็นหนี้บัตรเครดิต ปัญหาชาวนาปลูกข้าวขายไม่ได้ราคา รวมทั้งมีการเสนอให้ที่ประชุมนำไปพิจารณา กรณีหากที่ประชุมสนช.จะจัดการประชุมแบบลับ ควรเปิดโอกาสให้มีตัวแทนสื่อมวลชนเข้าไปรับฟังกาารประชุม เพื่อไม่ให้ประชาชนคาดเดาผลการประชุมไปเอง ขณะที่นายตวงเป็นผู้รับเรื่องระบุ ว่าจะนำเรื่องเข้าไปหารือในที่ประชุมสนช.
ด้านนายสมชาย แสวงการ ระบุว่า ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นในประเทศไทยถือว่าเป็นมะเร็งร้ายที่ต้องให้ยาแรงจึงจะแก้ไขปัญหาได้