'อนุพงศ์'เยือนเชียงรายร่วมสัมนา กลุ่มป่วนย่องพ่นสีต้านรัฐประหาร
วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557, 14.08 น.
Tag :
22 พ.ย. 57 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่หอประชุมสมเด็จย่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวสุนทรพจน์เปิดการสัมมนา "เปลี่ยนหัวคิด ก้าวไป สู่ชัยชนะ" ภายในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 37 ซึ่ง จ.เชียงราย เป็นเจ้าภาพโดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,500 คน
โดย นายอิสระ กล่าวว่า ทางหอการค้าไทยมุ่งหวังให้หอการค้าทั่วประเทศได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภูมิภาคให้มีศักยภาพ โดยการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมเศรษฐกิจภูมิภาคและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วย ทั้งนี้ในส่วนของหอการค้าไทยเองก็จำเป็นต้องกลับมามีบทบทบาทของตัวเอง ให้เป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ มีข้อมูลที่ดี และมีความเป็นผู้นำทางความคิด นอกเหนือไปจากการยื่นข้อเสนอไปยังรัฐบาลเพียงอย่างเดียวเหมือนในอดีต
ต่อมาพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "กระทรวงมหาดไทยกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค" มีเนื้อหาชื่นชมกลุ่ม YEC (Seed Enterpreneur Chamber of Commerrce) ที่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ได้รวมตัวกันซึ่งถือเป็นเรื่องดีเพราะผู้ประกอบการเหล่านี้เป็นต้นกล้าของหอการค้าไทยและหอการค้าไทยก็จะเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศด้วย โดยเฉพาะการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ซึ่งหลายประเทศพยายามมองว่าประเทศตนเป็นศูนย์กลางด้านต่างๆ แต่สำหรับประเทศไทยแล้วจะเห็นว่าเป็นศูนย์กลางหลายเรื่องทั้งศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ มีจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านรายรอบมากถึง 30 จังหวัด ดังนั้นการเชื่อมโยงจึงสำคัญโดยเฉพาะระบบรางที่คำนวนว่าใช้ต้นทุนต่ำกว่าระบบอื่น
พล.อ.อนุพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศจีนพยายามจะเชื่อมกับมหาสมุทรอินเดียโดยผ่านประเทศไทยแต่ด้วยความล่าช้าจึงต้องหันเข้าสู่ สปป.ลาว ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้หารือกับประเทศจีนเพื่อเชื่อมโยงกับ จ.หนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุต ต่อไป อีกเส้นทางคือเส้นทางจากท่าเรือทวาย ประเทศเมียนมาเข้าสู่ประเทศไทย อันจะทำให้เกิดเส้นทางขวางเชื่อมถึงกันอีกเส้นหนึ่งซึ่งถามว่าการเชื่อมโยงเหล่านี้พอเพียงหรือไม่ก็ต้องตอบว่าไม่พอและต้องใช้เวลาในการพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีด้านท่าเรือที่ต้องพัฒนาเชื่อมกันปัจจุบันท่าเรือปากบารา จ.สตูล เป็นที่น่าสนใจเพราะไม่ใกล้กับท่าเรือทวายมากเกินไป
พล.อ.อนุพงศ์ กล่าวอีกว่า ด้านเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้นทางกระทรวงมหาดไทยถือว่าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยในเรื่องผังเมืองเพราะมีกรมโยธาธิการและผังเมืองในสังกัด ดังนั้นในปี 2557-2558 นี้กระทรวงจึงมุ่งจะขับเคลื่อนไปพร้อมกับการจัดตั้งเพราะถือว่าเรื่องผังเมืองมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะจะช่วยกำหนดให้ได้ว่าจุดไหนควรจะก่อสร้างสิ่งใดต่อไป
"ที่ผ่านมาการเมืองถือว่ามีผลต่อการขับเคลื่อนต่างๆ คนๆ นั้นเป็นของกลุ่มนี้ซึ่งเมื่อมาถึงตอนนี้ผมไม่สนใจ เพราะข้าราชการเราจะเน้นเรื่องการบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคและจังหวัดซึ่งมีพื้นฐานมาจากเรื่องการเกษตรและอุตสาหกรรมนั้นกระทรวงมหาดไทยจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อน แม้ว่างบประมาณรายจ่ายปี 2558 จะผ่านพ้นไปแล้วแต่ผมจะขอมติคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ทางคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) ได้ขับเคลื่อนด้วย ทั้งนี้ ผู้บริหารภาครัฐและเอกชนสามารถหารือกันใน กบจ.เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาและพื้นฐานว่าพื้นที่นั้นๆ จะมีการพัฒนาอย่างไร เพื่อให้มีการขับเคลื่อนไปถึงงบประมาณปี 2559 ต่อไป พล.อ.อนุพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงศ์ ยังหยิบยกการพัฒนาในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ประเทศเมียนมาที่มีการสู้เพื่อการพัฒนาประเทศตนอย่างหนักซึ่งสามารถเปรียบเทียบกันได้ระหว่างเรื่องความมั่นคงกับประชาธิปไตย เพราะเมื่อมีความมั่นคงและสงบก็สามารถพัฒนาต่อไปได้ หรือกรณีประเทศเวียดนามที่มีภูมิประเทศดี แรงงานราคาถูก ฯลฯ โดยขาดเพียงโครงสร้างพื้นฐาน ฯลฯ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ก็กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดกำลังซื้อและต้องการซื้อสินค้าคุณภาพดี จากนั้น พล.อ.อนุพงศ์ เน้นย้ำให้ทุกฝ่ายรักษาความมั่นคงภายในเพื่อทำให้เกิดความมั่นคงและพัฒนาเศรษฐกิจร่วมกันต่อไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับเวทีที่หอประชุมสมเด็จย่าดังกล่าวไม่ปรากฎการมาเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่อย่างใด ภายหลังจากมีผู้นำสีไปพ่นบริเวณถนนรอบค่ายเม็งรายมหาราชและหน้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ได้ระดมกำลังกันออกตรวจตราและยังพบว่านอกจากจุดต่างๆ ดังกล่าวยังมีการใช้สีสเปร์พ่นที่ป้ายมีเนื้อหาต่อต้าน คสช.และรัฐประหารแต่ไม่พบผู้กระทำจึงทำการลบสีดังกล่าว