ตอกฝาโลงอำนาจเก่า
สนช.สงซก
เร่งมือปฏิรูปประเทศ
‘พรเพชร’นัดถอด
‘ปู-นิคม-สมศักดิ์’
ดีเดย์ 27-28พ.ย.นี้
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) มีคำสั่งให้นัดประชุมสนช.ในวันที่ 27 พ.ย. เวลา10.00 น.และวันที่ 28 พ.ย. เวลา 10.00น.โดยมีวาระสำคัญ เรื่องด่วน คือ ดำเนินกระบวนการถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภาและนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา6วรรค 2 ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557ประกอบมาตรา64ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และ กำหนดวันแถลงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาคือ นายสมศักดิ์ และนายนิคม รวมทั้งพิจารณาคำขอเพิ่มเติมพยานหลักฐานพยานของผู้ถูกกล่าวหา(ถ้ามี)
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าในวันที่ 28 พ.ย. มีวาระพิจารณาเพียง 1วาระคือดำเนินกระบวนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ตาม มาตรา 6 วรรค 2 ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557ประกอบ มาตรา 64 ของพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตที่ประชุม จะกำหนดวันแถลงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้กล่าวหาและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา รวมทั้งพิจารณาคำขอเพิ่มเติมพยานหลักฐานพยานของผู้ถูกกล่าวหา(ถ้ามี)
ขอทุกฝ่ายก้าวข้ามความขัดแย้ง
วันเดียวกัน เวลา 09.00น.ที่รัฐสภา สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้า ที่สำนักงานเลขาธิกา สนช.ได้จัดโครงการ “สนช.พบประชาชน”มีผู้แทนเครือข่ายผู้นำประชาธิปไตย วุฒิสภาและสื่อมวลชนจากจังหวัดต่างๆ จำนวน 300 คน เข้าร่วมโครงการ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้รับทราบถึงบทบาทอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติและแนวทางการทำงานของ สนช. นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1ได้กล่าวเปิดการสัมมนาว่า สนช.ต้องการสร้างความรู้ ความเข้าใจและเผยแพร่บทบาทของสนช.ให้กับประชาชนทุกคนได้รับรู้แนวทางการทำงานและการเข้ามามีส่วนร่วมในการเสนอความคิดเห็น ความต้องการของตนเอง แล้วร่วมกันคิดหาแนวทางผลักดันการเมืองการปกครองของไทยให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง การจัดโครงการครั้งนี้ หวังว่าจะเป็นโอกาสดีที่ สนช.จะได้พบปะกับผู้เข้าร่วมโครงการอย่างใกล้ชิด ได้ร่วมกันสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ เปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นและร่วมตอบประเด็นข้อซักถามต่างๆเพื่อให้ทุกคนได้นำไปถ่ายทอดในพื้นที่ของตนเองต่อไป ให้ก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้
หวังรัฐธรรมนูญใหม่อยู่ถาวร
นายสุรชัยได้กล่าวว่าปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบันเกิดจากปัญหาต่างๆที่สะสมมาอย่างยาวนาน เมื่อปัญหาไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี จึงเกิดการขัดแย้งกัน วันนี้เราทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ไม่น่าเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของไทยมา80กว่าปี ประเทศไทยใช้รัฐธรรมนูญหลายฉบับ ถือเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก หวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ จะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับถาวรของประเทศไทย ที่อยู่กับคนไทยไปอีกนาน ซึ่งประชาธิปไตย ที่เป็นของประชาชน ต้องไม่ใช่ประชาธิปไตย ที่มาจากการผูกขาดของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือแค่มาจากการเลือกตั้ง แต่หลังการเลือกตั้งต้องมีกระบวนการที่เป็นประชาธิปไตยการตรวจสอบถ่วงดุล ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นได้ประชาชนต้องร่วมมือกัน
ชี้รธน.ต้องสอดคล้องสังคมไทย
นอกจากนี้ ยังมีการจัดเสวนาในหัวข้อ”หน้าที่ความรับผิดชอบและแนวทางการดำเนินงานของสนช.” โดย นายตวง อันทะไชย สนช.ได้กล่าวว่า การปฏิรูป จะเป็นไปตาม มาตรา 27 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ที่ว่าด้วยการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน และหน้าตาของประเทศหลังปฏิรูปจะเป็นไปมาตรา35 ที่จะมีกลไกป้องกันกำกับป้องผู้กระทำการทุจริต ห้ามทำลายลบล้างหลักการสำคัญที่รัฐธรรมนูญวางไว้ ซึ่งจะมีการกำหนดกรอบระยะ เวลาห้ามแก้ไข
“ประชาธิปไตยในโลกนี้ไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นที่คนไทยต้องออกแบบประชาธิปไตยให้เหมือนประเทศแถบยุโรป นี่จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะได้ออกแบบรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องต่อสภาพสังคมไทย เราต้องตัดรองเท้าของเราให้เข้ากับเท้า ไม่ใช่ตัดเท้าให้เข้ากับรองเท้า”นายตวง ย้ำ
ต้องสกัดกลุ่มเก่าเข้าสู่การเมือง
ขณะที่ นายสมชาย แสวงการ สนช.ได้กล่าวว่าวัฒนธรรมการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของยุโรป ประชาชนของเขาแพ้ถูกสังหารมาโดยตลอด พอมีประชาธิปไตยแล้วประชาชนของเขาจึงหวงแหนมาก แตกต่างจากประเทศไทยที่ต้องการเพียงแค่การเลือกตั้ง ดังนั้นที่มาของสมาชิกรัฐสภาชุดใหม่ จึงมีความสำคัญมาก ต้องอย่าปล่อยให้กลุ่มบุคคลเดิมกลับเข้าสู่อำนาจได้อีก
นัดถกกรอบทำรธนใหม่.24พ.ย.นี้
ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณากรอบการจัดทำรัฐธรรมนูญ คณะที่ 8ว่าด้วยนิติธรรม ศาลและการตรวจสอบการใชัอำนาจรัฐ ในกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าในการประชุมอนุ กมธ.ฯวันจันทร์ที่ 24 พ.ย.จะมีการพิจารณารายละเอียดที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดเป็นกรอบสาระสำคัญต่อการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เบื้องต้นในกระบวนการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐนั้น ตนมีแนวคิดจะใช้ 3 ส่วนหลัก
ดันเพิ่มองค์กรภาค ปชช.77 จว.
“1.องค์กรอิสระ หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2550 ได้กำหนดไว้ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), ผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นต้น, 2.ส่วนของผู้แทนปวงชนชาวไทย คือ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ตรวจสอบในประเด็นนโยบายรัฐบาล,โครงการรัฐบาลที่กระทบกับภาพกว้าง ซึ่งให้สิทธิ์ส.ส., ส.ว. สามารถตรวจสอบความผิดรัฐมนตรีและยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมได้โดยตรง และ 3.ภาคประชาชนโดยจัดตั้งสภาตรวจสอบภาคประชาชน จำนวน 77 จังหวัด ให้ตรวจสอบในส่วนของท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น และให้อำนาจยื่นฟ้องศาลหรืออัยการประจำจังหวัดได้”
เตรียมถกยกเครื่ององค์กรอิสระ
นายไพบูลย์ ยังกล่าวอีกว่า ขณะที่ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ที่มีข้อเรียกร้องให้ปรับปรุงกระบวนการทำงาน หรือกระบวนการสรรหานั้น เป็นสิ่งที่อนุ กมธ.พิจารณาร่วมด้วยโดยประเด็นสำคัญคือองค์กรอิสระอย่าง กกต.ไม่ใช่องค์อำนาจธิปไตยที่ 4 ดังนั้น กระบวนการให้โทษ หรือให้คุณ จึงไม่ถือเป็นอำนาจขององค์กรอิสระจึงไม่ควรมีหน้าที่วินิจฉัยความผิดเป็นต้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่นำเสนอดังกล่าวจะถูกยกเข้าสู่ที่ประชุมอนุฯ เพื่อพิจารณากำหนดเป็นแนวทางที่นำไปยกร่างรัฐธรรมนูญต่อไป เบื้องต้นอาจมีความเห็นที่แตกต่างจากนี้
บวรศักดิ์ชี้ผู้นำใหม่พาชาติสู่ถูกต้อง
เช้าวันเดียวกันที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะสถาบันพระปกเกล้าได้นำเสนอผลงานโครงการกลุ่มเชิงปฏิบัติต่อสาธารณะในหลักสูตรผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตยรุ่นที่4โดยมีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติคนที่1และประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญโดยนายบวรศักดิ์กล่าวเปิดงานช่วงนึ่งว่าผู้นำยุคใหม่ในระบอบประชาธิปไตย เป็นบุคคลที่จะนำพาประเทศไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง ตามระบอบประชาธิปไตยและเศรษฐกิจที่เป็นธรรม นักศึกษาชุดนี้ เป็นผู้ที่เพียบพร้อมเป็นความหวังของสังคมไทยเพราะเป็นคนรุ่นใหม่ นอกจาก มีความรู้ ต้องมีจริยธรรมคือการเห็นประโยชน์ของผู้อื่น
ชงสปช. ขจัดทุนสามานย์
“เมื่อนักศึกษา ตระหนักบทบาทตัวเองที่จะมีต่อสังคมจึงจัดทำบริษัทพลเมืองดีจำกัด เป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม บริษัทนี้จะรับนักโทษที่พ้นโทษมาทำงาน เพื่อให้เขากลับคืนสังคม จากนั้นนักศึกษาจะทำเอ็มโอยูกับกรมราชทัณฑ์ และระดมทุน 1 ล้านบาท และนำเข้าคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบ ดังนั้นในฐานะที่อยู่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)เชื่อว่าวิสาหกิจเพื่อสังคมจะเป็นทางออกทางหนึ่งที่สำคัญในการขจัดทุนสามานย์ จึงจะนำเรื่องนี้ไปเสนอใน สปช.เพื่อนำไปยกร่าง ก.ม.วิสาหกิจเพื่อสังคม และช่วยกันผลักดันให้เป็นมรรคผล เชื่อมั่นข้อเสนอนี้จะไม่เก็บในหิ้งของสถาบันพระปกเกล้า แต่จะนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง”นายบวรศักดิ์ ย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี