ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ตรวจเยี่ยมศูนย์ควบคุมการติดตามด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งรับทราบปัญหาในการทำงานของกรมคุมประพฤติ โดยระบุว่ากรมคุมประพฤติ
ได้ริเริ่มดำเนินโครงการนำร่องในการนำเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์(EM)มาใช้กับผู้กระทำความผิดตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2556 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มเด็กและเยาวชนที่ถูกคุมความประพฤติในพื้นที่เขตกทม.และปริมณฑล ต่อมาได้ขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังผู้กระทำผิดทุกกลุ่มในระบบงานคุมประพฤติ
สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ.2558 กรมคุมประพฤติจะนำเครื่องมือ EM มาใช้กับผู้กระทำผิดในระบบงานคุมประพฤติทั้งเด็กและเยาวชน ผู้ใหญ่ ผู้ที่ได้รับการพักการลงโทษหรือลดวันต้องโทษจำคุกและผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพโดยมีพื้นที่เป้าหมาย 27 แห่ง คือ พื้นที่คุมประพฤติกทม. 1-5 และอีก 22 จังหวัดคือ นนทบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครราชสีมา อุบลราชธานี ขอนแก่น อุดรธานี สกลนคร เชียงใหม่ เชียงราย นครสวรรค์ พิษณุโลก นครปฐม เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และสงขลา
พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า จากผลการดำเนินโครงการนำร่องนำเครื่องมือEMมาใช้ ที่ผ่านมามีจำนวนผู้กระทำผิดที่ต้องติดเครื่องมือEMทั้งหมด 257 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ถูกคุมความประพฤติที่เป็นผู้ใหญ่จำนวน 193 ราย ผู้ถูกคุมความประพฤติที่ได้รับพักการลงโทษจำนวน 42 ราย และผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์/ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดจำนวน 22 ราย ซึ่งกลุ่มผู้ถูกคุมความประพฤติที่ศาลสั่งเงื่อนไขใช้EM พบว่ามีฐานความผิดหลากหลาย อาทิ เมาแล้วขับ หรือขับรถโดยประมาท ร้อยละ84 ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์จำนวนร้อยละ5 ทำร้ายร่างกายร้อยละ5 และอื่นๆ เช่น ยาเสพติด บุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ อนาจารฯลฯ จำนวนร้อยละ6 ทั้งนี้ จากผลการคุมความประพฤติด้วยEM พบว่าทุกรายพ้นการคุมความประพฤติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวต่อว่า การใช้เครื่องมือEMมีประโยชน์กับการควบคุมความประพฤติ เมื่อศาลสั่งมีกำหนดให้ใช้จากเดิมที่ใช้เจ้าหน้าติดตามซึ่งมีกำลังคนน้อยจึงทำให้ผู้ถูกคุมประพฤติไม่กลัว แต่เมื่อมีการนำเครื่องมือEMมาใช้จะทำให้ผู้ถูกคุมประพฤติมีความระมัดระวัง เพราะว่าหากไม่ทำตามคำสั่งศาลอาจจะได้รับโทษหรือได้รับความเสียหายเพิ่ม ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ก็จะได้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการใช้เครื่องมือEMมาใช้ติดตามคุมประพฤติ ซึ่งจะมีศูนย์ควบคุมติดตามด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่กรมคุมประพฤติชั้น4และชั้น1 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ และยังมีศูนย์ดังกล่าวกระจายอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดอีกด้วย
สำหรับเครื่องมือดังกล่าวส่วนใหญ่จะใช้ในกรณีดื่มสุราเมาแล้วขับ กลุ่มคนขับแท็กซี่ และไกด์เถื่อน นอกจากนี้ ยังจะพิจารณาเพื่อนำไปใช้ขยายเพิ่มกับกลุ่มผู้กระทำผิดที่ส่งผลกระทบกับสังคมและส่วนรวม อย่างไรก็ตาม การที่จะนำมาใช้กับกลุ่มเด็กแว๊นซ์จะมีการพิจารณาถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนและเรื่องการก่อปัญหาสังคมและครอบครัวรวมทั้งตัวเด็กเองจะต้องนำมาคำนึงในการตัดสินใจว่าอะไรจะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากกว่า ส่วนที่เกรงกันว่าอาจจะเป็นปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้นมีหลักเกณฑ์การปฏิบัติกำหนดไว้ แต่ขณะเดียวกันก็มีกฎหมายบัญญัติข้อยกเว้นให้สามารถนำมาใช้ได้ในบางกรณีการกระทำความผิด ทั้งนี้ การนำเครื่องมือEMไปใช้กับผู้กระทำความผิดเกิดจากการที่กรมคุมประพฤติทำข้อเสนอไปท้ายคำฟ้องคดี แต่ก็ต้องขึ้นกับดุลยพินิจของศาลว่าจะเห็นด้วยหรือไม่
ปลัดกระทรวงยุติธรรม ยังให้สัมภาษณ์กรณี รมว.เสนอให้นำนักโทษไปทำงานในเรือประมงเพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานนั้น จะพิจารณากับกลุ่มนักโทษที่ใกล้จะพ้นโทษหรือเป็นผู้ได้รับโอกาสให้ทำงานนอกเรือนจำได้ โดยไม่ขัดต่อกฎหมายซึ่งจะต้องเป็นกลุ่มคนที่เข้าใจอาชีพประมง
ส่วนปัญหากรณีที่เกรงกันว่าอาจจะเปลี่ยนกลุ่มถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือกลุ่มค้ามนุษย์จากผู้ใช้แรงงานต่างด้าวมาเป็นกลุ่มนักโทษแทนนั้น พล.ต.อ.ชัชวาลย์ กล่าวว่า ตนมองว่าปัญหาในอดีตเกิดจากกลุ่มเสี่ยงเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมายจึงทำให้ถูกข่มขู่เอารัดเอาเปรียบให้ใช้แรงงานก็จะเข้าหลักถูกบังคับ ซึ่งจะครอบคลุมถึงคนไทย และนักโทษด้วย แต่หากทำด้วยความสมัครใจและทราบถึงวิถีชีวิตความลำบาก ความสกปรกของแรงงานประมงแล้วสมัครใจไปทำก็ไม่ใช่การถูกหลอกก็จะไม่มีปัญหาการค้าแรงงาน แต่ที่ผ่านมาการถูกหลอกเกิดจากการมีนายหน้าจึงทำให้มีปัญหาถูกบังคับใช้แรงงาน และทำงานหนักเพื่อให้คุ้มค่า
เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคล 5 ธันวาคม ได้จัดแสดงละครเวที พระมหาชนก เดอะ ฟีโนมีนอนไลฟ์ โชว์ จะจัดแสดงระหว่างวันที่ 1-9 ธันวาคม รวม 9 วัน ณ เวทีกลางทะเลสาบ สวนเบญจกิติ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พร้อมเปิดให้ประชาชนเข้าชมการแสดงฟรีวันละ หมื่นที่นั่ง โดยสามารถรับบัตรเข้าชมได้ที่ผู้สนับสนุนการจัดงาน หรือสามารถรับบัตรหน้างาน ได้ด้วยตนเองจำนวน 5,000 ที่นั่งต่อวัน ในเวลา 17.00 น. ณ บริเวณลานกลางน้ำอเนกประสงค์ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ทั้งนี้การจัดแสดงดังกล่าวที่กำลังจะมาถึง ได้น้อมนำบทพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” มาจัดแสดงผ่านสื่อมัลติมีเดีย แสงสีเสียง ที่มีความงดงามตระการตา ด้วยเทคนิคที่ทันสมัยระดับโลกในครั้งนี้นอกจากจะสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมแล้ว ยังเป็นการถ่ายทอดหลักธรรมคำสอนจากบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปยังเด็ก เยาวชนและประชาชนคนไทย เพื่อให้ตระหนักถึงความเพียร ความอดทน และการใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ด้านนายวินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด กล่าวว่างานครั้งนี้ได้นำบทพระราชนิพนธ์อันทรงคุณค่าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่แฝงไปด้วยปรัชญาแห่งคุณธรรม ความเพียร ความวิริยะอุตสาหะและการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดการศึกษาและเรียนรู้อย่างกว้างขวางและแพร่หลาย ซึ่งประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ได้รับชมการแสดง จะได้สัมผัสถึงความรัก ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ ความอดทนและความเพียรพยายามของพระมหาชนก และน้อมนำหลักธรรมคำสอน ไปเป็นหลักในการดำเนินชีวิตรวมถึงเพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา ในปี 2557
“รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรติสูงสุด ที่ได้น้อมนำบทพระราชนิพนธ์ “พระมหาชนก” ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มานำเสนอในรูปแบบของละครเพลง เพื่อให้ผู้ชมได้รับอรรถรสที่งดงาม ทั้งในส่วนที่เป็นเนื้อหาของบทพระราชนิพนธ์ และความไพเราะของบทเพลง
ที่เรียงร้อยขึ้นใหม่ รวมถึงความตระการตาของการแสดงประกอบฉากสุดอลังการ ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยระดับโลก เพื่อให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปกับเรื่องราวอันทรงคุณค่าของบทพระราชนิพนธ์” นายวินิจ กล่าว
ทั้งนี้การจัดงานในครั้งนี้ได้มีการเนรมิตเรือไฮดรอลิคขนาดใหญ่กว่า 30 เมตร มาโลดแล่นบนเวทีกลางน้ำที่ยาวที่สุดในประเทศกว่า 100 เมตร พร้อมฉากม่านน้ำ ที่งดงามตระการตา เพื่อให้คนดูได้ร่วมผจญภัยไปกับพระมหาชนกที่มีความเพียรพยายามในการว่ายน้ำตลอด 7 วัน 7 คืน โดยมิทรงย่อท้อ ขณะเดียวกันก็ต้องพบเจอกับเหล่าอสูรกายที่คอยจะทำร้ายกัดกิน รวมไปถึงปูยักษ์ที่มาช่วยพระองค์ในยามที่เหนื่อยล้ากลางมหาสมุทรอีกด้วย
นายวินิจ กล่าวอีกว่า สำหรับนักแสดงนำได้รับเกียรติจากคุณทฤษฎี สหวงษ์ (ปอ) รับบท พระมหาชนก, คุณแคทรียา อิงลิช (แคท) รับบท นางมณีเมขลา, คุณกุลมาศ ลิมปวุฒิรานนท์ (ขนมจีน) รับบท พระนางสีวลีเทวี, คุณญาณี ตราโมท (โย) รับบท อำมาตย์ ร่วมด้วยนักแสดงสมทบและทีมงานรวมกว่า พัน คน โดยในส่วนของบทเพลงหลักประกอบการแสดง ได้รับเกียรติจาก คุณยืนยง โอภากุล (แอ๊ด คาราบาว) คุณอัสนี โชติกุลและคุณกิตตินันท์ ชินสำราญ เป็นผู้ขับร้องบทเพลง “พระมหาชนก” ร่วมด้วยวงออเครสต้า บิ๊กแบนด์ เครื่องดนตรีกว่า 60 ชิ้น ที่จะมาบรรเลงบทเพลงประกอบการแสดงที่ประพันธ์ขึ้นใหม่ทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี