“ป๊อก”เหยียบถิ่นเสื้อแดง
โดนลูบคม
มือบอนพ่นสีทั่วเชียงราย
คุมเข้มงานสัมนาหอการค้า
เชียงใหม่ล็อคหนุ่มชู 3 นิ้ว
“ประวิตร”สั่งคุ้ยคนบงการ
หอการค้าไทยได้จัดให้มีการประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 37 ที่ จ.เชียงราย โดยมีพิธีเปิดที่หอประชุมสมเด็จย่า มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย หรือ “บิ๊กป๊อก” เข้าร่วมพิธีด้วย ก่อนหน้านี้ ช่วงกลางคืนวันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีผู้นำสีไปพ่นบริเวณถนนรอบค่ายเม็งรายมหาราชซึ่งเป็นที่ตั้งของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย (กกล.รส.จทบ.ชร.) และหน่วยทหารอื่นๆ อีกหลายหน่วย ตั้งแต่ในช่วงกลางคืน เพื่อแสดงออกถึงการต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)โดยพ่นสี เขียนข้อความต่างๆ อาทิ ไม่เอารัฐทหาร, ไม่เอารัฐประหาร, เชียงรายปลอดเผด็จการ เป็นต้น จนกระทั่งในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ได้ออกมาทำความสะอาดและลบข้อความดังกล่าว
ติดป้ายประชดหน้าม.แม่ฟ้าหลวง
ส่วน ที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ยังพบว่ามีผู้นำป้ายข้อความไปติดเอาไว้บนป้ายประชาสัมพันธ์งาน MFU Book Fair 2014 มีการติดป้ายทับ ซึ่งเนื้อหากระทบกระเทียบและประชดการห้ามชู 3 นิ้ว และเขียนภาพคนชูนิ้วมือ 3 นิ้ว ซึ่งหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำความสะอาดและเก็บสิ่งแสดงสัญลักษณ์ดังกล่าว ก่อนจะวางกำลังตามจุดต่างๆ เพื่อเฝ้าระวังการแสดงสัญลักษณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่พบผู้กระทำการดังกล่าวในทั้ง 2 จุด
สำหรับจังหวัดเชียงรายถือว่าเป็นฐานที่มั่นของคนเสื้อแดงในอดีตที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน และต่อต้านรัฐบาลทหาร
ระดมความคิดเห็นหอค้า
ต่อมา เมื่อเวลา 10.00 น. นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวสุนทรพจน์เปิดการสัมมนา “เปลี่ยนหัวคิด ก้าวไป สู่ชัยชนะ” ภายในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 37 ซึ่ง จ.เชียงราย เป็นเจ้าภาพโดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 1,500 คน
โดย นายอิสระ กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ เพื่อระดมความเห็นจากภาคเอกชนในการศึกษาศักยภาพในพื้นที่ภาคเหนือ และจังหวัดที่มีพรมแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และรวบรวมข้อมูลการค้า การลงทุน เพื่อใช้ในการวางแผนขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ปี 2558 ก่อนจะรวบรวมข้อสรุปจัดทำเป็นสมุดปกขาวเพื่อเสนอต่อ นายกรัฐมนตรี ให้นำไปพิจารณาขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป
หอการค้าไทยขอเรียกศรัทธาคืน
ทั้งนี้ หอการค้าไทยมุ่งหวังให้หอการค้าทั่วประเทศได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการภูมิภาคให้มีศักยภาพ โดยการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งเสริมเศรษฐกิจภูมิภาคและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมด้วย ซึ่งหอการค้าไทยจำเป็นต้องกลับมามีบทบทบาทของตัวเอง ให้เป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ มีข้อมูลที่ดี และมีความเป็นผู้นำทางความคิด นอกเหนือไปจากการยื่นข้อเสนอไปยังรัฐบาลเพียงอย่างเดียว
ชี้ไทยเป็นศูนย์กลางเออีซีหลายเรื่อง
ต่อมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “กระทรวงมหาดไทยกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค” โดยแสดงความชื่นชมกลุ่ม YEC (Seed Enterpreneur Chamber of Commerrce) ที่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่ได้รวมตัวกันว่า ถือเป็นเรื่องดีเพราะผู้ประกอบการเหล่านี้เป็นต้นกล้าของหอการค้าไทยและหอการค้าไทยก็จะเป็นเสาหลักของเศรษฐกิจประเทศด้วย โดยเฉพาะการก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ซึ่งหลายประเทศพยายามมองว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางด้านต่างๆ แต่สำหรับประเทศไทยแล้วจะเห็นว่าเป็นศูนย์กลางหลายเรื่องทั้งศูนย์กลางทางภูมิศาสตร์ มีจังหวัดที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้านรายรอบมากถึง 30 จังหวัด ดังนั้นการเชื่อมโยงจึงสำคัญโดยเฉพาะระบบรางที่คำนวนว่าใช้ต้นทุนต่ำกว่าระบบอื่น
เน้นทำงานไม่สนใจกลุ่มการเมือง
“ที่ผ่านมาการเมืองถือว่ามีผลต่อการขับเคลื่อนต่างๆ คนๆ นั้นเป็นของกลุ่มนี้ ซึ่งเมื่อมาถึงตอนนี้ผมไม่สนใจ เพราะข้าราชการเราจะเน้นเรื่องการบูรณาการทำงานร่วมกัน โดยเฉพาะในระดับภูมิภาคและจังหวัดซึ่งมีพื้นฐานมาจากเรื่องการเกษตรและอุตสาหกรรมนั้นกระทรวงมหาดไทยจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อน แม้ว่างบประมาณรายจ่ายปี 2558 จะผ่านพ้นไปแล้วแต่ผมจะขอมติ ครม.เพื่อให้ทางคณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (กบจ.) ได้ขับเคลื่อนด้วย” พล.อ.อนุพงศ์ กล่าว
23พ.ย.แถลงปิดยุทธศาสตร์
ส่วนในวันที่ 23 พฤศจิกายน จะมีการแถลงสรุป “ยุทธศาสตร์ภาคเหนือ-และแนวโน้มเศรษฐกิจ 5 ภาค” และการปาฐกถาพิเศษเรื่อง “ความร่วมมือระหว่างหอการค้าฯ-กับการท่องเที่ยว” โดย รมว.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก่อนที่ประธานหอการค้าไทยและคณะกล่าวสรุปผลการสัมมนา ก่อนที่ช่วงท้าย ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี จะกล่าวปาฐากถาพิเศษ “การขับเคลื่อนประเทศไทย” และปิดการสัมมนาต่อไป
ประวิตรเร่งทำความเข้าใจผู้เคลื่อนไหว
เมื่อเวลา 11.30 น. วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ นายปณิธาน วัฒนายากร ในฐานะที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้มอบให้หน่วยงานความมั่นคงทำความเข้าใจต่อกลุ่มต่างๆ ที่มีการเคลื่อนไหว รวมถึงยังได้กำชับเรื่องการบริหารงานส่วนภูมิภาค โดยกำชับให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีแต่ละคนได้กำหนดงานในส่วนภูมิภาคให้มากขึ้น รวมถึงให้มีการรายงานเข้ามาให้ทราบเป็นระยะๆ และลงพื้นที่เกือบทุกสัปดาห์ และให้รายงานต่อ ครม.ทุกๆ 3 เดือน ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่ได้กำชับส่วนงานภูมิภาคให้มีการปรับเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
จับตาคนอยู่เบื้องหลังกลุ่มต้าน
เมื่อถามว่า การที่รัฐบาลห้ามให้มีการแสดงออกจะเป็นการเพิ่มความรุนแรงหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ห้าม หากดูจากกลุ่มพลังต่างๆ ฝ่ายความมั่นคงมองว่า การที่นิสิต นักศึกษาเคลื่อนไหวนั้นก็ทำกันอยู่ในรอบรั้วมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว เพียงแต่หากจะมีใครไปหยิบตรงนั้นมาใช้ประโยชน์มีการผลักดันที่ไม่บริสุทธิ์ใจ ตรงนั้นถือเป็นงานของหน่วยความมั่นคง แต่ถ้ามีการผลักดันโดยกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีมาอยู่เบื้องหลังของความเคลื่อนไหวเหล่านั้นคงต้องเข้าไปดูแลทั้งหมด ตนคิดว่า นายกรัฐมนตรี อยากฟังความคิดเห็นเหล่านี้อยู่แล้ว แต่ในส่วนของคนที่อยู่เบื้องหลังหน่วยงานความมั่นคงก็กำลังพิจารณาอยู่ว่า มีหรือไม่ กำลังทำการประเมิน โดยปกติจะมีการรายงานให้รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงทราบเป็นระยะอยู่แล้ว ดังนั้น ในช่วง 6 เดือนต่อไปคงต้องดูแลในเรื่องเหล่านี้พอสมควร
ชี้จำเป็นต้องเรียกชู3นิ้วปรับทัศนคติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการแสดงสัญลักษณ์ชู 3 นิ้ว และเผยแพร่ผ่านโซเชียล เน็ตเวิร์ก ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปติดต่อเพื่อขอเชิญไปปรับทัศนะคติถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ในที่ประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคงเองก็มีการกำชับกันว่า การปฏิบัติในเรื่องเหล่านี้จะต้องทำอย่างละเอียดอ่อน พิจารณาให้รอบคอบเหมาะสม เพราะโดยหลักของการดูแลการแสดงออกนั้นต้องอยู่ในกติกาที่เรายอมรับว่า จะเป็นกฎ กติกา ซึ่งถ้าหากเป็นการยกประเด็นการต่อต้านในสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตที่ผ่านมา 6 เดือนที่แล้วมาแสดงออก รัฐบาลมองว่า เราผ่านจุดนั้นมาแล้ว ดังนั้น อาจจะมีการเชิญมาพูดคุยเพื่อปรับทัศนคติไม่ให้เกิดข้อขัดแย้งเหมือนในอดีต
ย้ำรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้น
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึง กรณีมีการชู 3 นิ้วว่า ผู้กระทำคงอยากแสดงออกว่ามีความคิดในเรื่องของการเมืองอย่างไร แต่จะหมาะสมหรือไม่อยู่ที่สังคมจะตัดสินใจเอง ซึ่งเขาทำไปตามความคิดของเขา จะเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่ก็ต้องไปสืบเสาะดู ขณะนี้เราอยู่ในช่วงของการปฏิรูปเต็มรูปแบบ ผลของการปฏิรูปคืออนาคตประเทศไทย อนาคตประชาชนคนไทย ของพรรคการเมือง ของคนจำนวนมากหลายฝ่าย จึงเป็นธรรมดาที่การแสดงความคิดเห็นจะต้องเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และน่าจะมีมากขึ้น รัฐบาลไม่ได้ปิดโอกาสหรือปิดประตูตายไม่ให้แสดงออก นายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้เสมอ
เข้าใจนศ.ไฟแรงอยากแสดงออก
“กรณีนักศึกษา เป็นเรื่องธรรมดาของคนหนุ่มสาว เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ที่อาจจะไฟแรง มีความกล้า คิดอะไร ฟังอะไรมา ก็อยากทำ อยากแสดงออกทันที ซึ่งผมคิดว่านายกฯมีความเข้าใจธรรมชาติของนักศึกษา เข้าใจคนหนุ่มสาว เห็นเป็นลูก เป็นหลาน ยึดหลักเมตตาธรรมไม่ได้ถือโทษอะไร” นายสุวพันธุ์ กล่าว
ชี้ถึงเวลาหาทางออกให้ประเทศ
นายสุวพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายคงต้องปรับตัว ปรับวิธีการปฏิบัติต่อกัน รัฐบาลก็ไม่ได้อยู่เฉย ต้องคิด ต้องหาแนวทางที่จะประคับประคองบ้านเมืองให้สงบสุข ทำให้การปฏิรูป การปรองดองสมานฉันท์ เป็นไปตามเป้าหมาย ฝ่ายที่เห็นต่างก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับความเป็นจริง บ้านเมืองเกิดอะไรขึ้นมาบ้างตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราต้องหยุดคิดและหาทางออกให้กับประเทศ ถ้าทุกคนรักประเทศไทยจริง
คุม3หนุ่มเชียงใหม่โพสต์ชู3นิ้ว
วันเดียวกัน พ.อ.โพคา จอกลอย หน.หน่วยข่าว มทบ.33 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร สห.จากค่ายกาวิละ พ.ต.ท.ไกรศรี จุฬพรรค์ สว.สส.สภ.เมือง จ.เชียงใหม่ เดินทางไปยังบ้านพักของกลุ่มบุคคลที่เคยไปชู 3 นิ้วที่บริเวณประตูท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แล้วโพสต์ขึ้นหน้าเพจเฟซบุ๊ก โดยเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว นายษิณะพันธ์ เกิดสนอง อายุ 31 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ อาชีพพนักงานโรงแรมในเชียงใหม่ และนายดำนาย ประทานัง อายุ 41 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ อาชีพนักเขียนเรื่องสั้นอิสระ เพื่อไปพูดคุยปรับทัศนะคติทางการเมือง รวมทั้งลงบันทึกประจำวัน ถ่ายรูปทำประวัติเก็บไว้ ที่สภ.เมือง ต.พระสิงห์ อ.เมืองจ.เชียงใหม่
อ้างเลียนแบบหนังดัง-ยันไม่ทำอีก
พ.ต.ท.ไกรศรี กลาวว่า ก่อนหน้าในได้เชิญตัว นายนิติพงศ์ สำราญคง เจ้าหน้าที่จำหน่ายยา รพ.เอกชนในเชียงใหม่ หนึ่งในกลุ่มเดียวกันนี้ มาชี้แจงให้เข้าใจถึงการกระทำที่อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงทางสังคม โดยทั้ง 3 คนรับสารภาพว่า ที่ทำเพื่อเลียบแบบหนังดัง The Hunger Games ทำขึ้นมาเพราะนึกสนุก ไม่ได้คิดเป็นอื่น ซึ่งหลังทำความเข้าใจก็ปล่อยตัวทั้ง 3 คนไป โดยทั้งหมดยืนยันจะไม่ทำอีก โดยมีการลงบันทึกประจำวันไว้ ก่อนที่จะปล่อยตัวกลับไป
‘ปลอด’ยันพท.ไม่เกี่ยวนศ.ชู3นิ้ว
ด้าน นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กระแสที่นักศึกษาออกมาชู 3 นิ้ว ว่า ต้องยอมรับว่า จะให้คนเห็นด้วยกับการปฏิวัตินั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะมันผิด และ จะไปห้ามให้คนคัดค้าน เมื่อมีคนคัดค้าน รัฐบาลและ คสช.ต้องรับฟังและพยายามพูดจากับคนเห็นต่างดีๆ การสั่งจับหรือทำอะไรรุนแรง คสช.และรัฐบาลจะเสียใจภายหลัง เพราะประวัติศาสตร์ก็มีให้เห็นอยู่แล้ว คสช.และรัฐบาลต้องรีบทำงาน ทำตามสัญญา ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ไม่เคยยุยง หรือส่งเสริมอะไรให้คนออกมาต่อต้านรัฐบาลและ คสช.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี