ปปช.ชงแก้กฎหมายเข้ม
พวกทุจริตไม่มีอายุความ
พกปืน-จับผู้ต้องหาได้เอง
ซุกทรัพย์สินพ้นการมือง
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณี ป.ป.ช.เสนอร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ซึ่งจะมีการพิจารณารับหลักการในวันที่ 27พ.ย.ว่า ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวที่ป.ป.ช.เสนอต่อสนช. เป็นการปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของป.ป.ช. มีทั้งหมด 28มาตรา มีหลักการสำคัญหลายเรื่อง อาทิ มาตรา 19 เรื่องการให้หยุดนับอายุความในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหา หรือจำเลยหลบหนีระหว่างถูกดำเนินคดี จะไม่ให้นับเวลาที่หลบหนีรวมเป็นส่วนหนึ่งของอายุความ เพราะที่ผ่านมามักมีปัญหาผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีคดีระหว่างนำตัวไปส่งฟ้องคดี รอจนกว่าคดีหมดอายุความแล้วค่อยกลับมาใหม่ จึงต้องแก้กฎหมายใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังจากนี้หากใครคิดจะหนีคดี ก็ต้องหนีไปตลอดชีวิต
นายสรรเสริญ กล่าวอีกว่า หลักการสำคัญอีกเรื่องคือ มาตรา18 ที่มีการเพิ่มอำนาจให้เจ้าหน้าที่ ปปช.มีอำนาจเหมือนเจ้าพนักงานตำรวจในการจับกุมผู้ถูกกล่าวหาได้ ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ยอมไปรายงานตัวตามที่กำหนด และถูกศาลออกหมายจับแล้ว จากเดิมที่ป.ป.ช.ต้องประสานให้ตำรวจเป็นผู้จับกุมให้ เพราะที่ผ่านมาเวลามีผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีคดี ป.ป.ช.จะมีเจ้าหน้าที่คอยติดตามตัว บางครั้งรู้ว่า หลบหนีไปอยู่ที่ไหน แต่ไม่มีอำนาจจับกุม ต้องประสานตำรวจเป็นผู้จับ ทำให้บางครั้งผู้ถูกกล่าวหาหลบหนีไปได้อีก จึงต้องเพิ่มอำนาจให้สามารถจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ป.ป.ช.จะไปมีอำนาจจับกุมเหมือนตำรวจได้ในทุกกรณี ต้องเป็นกรณีที่หลบหนี แล้วถูกออกหมายจับแล้วเท่านั้น การแก้ไขมาตรานี้ ป.ป.ช.จะไปเพิ่มประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ชุดจับกุม นำตัวไปฝึกการเข้าจับกุมเหมือนที่ตำรวจปฏิบัติกัน มีอำนาจพกอาวุธปืน เพื่อป้องกันตัวระหว่างเข้าจับกุม แต่ไม่ใช่ว่า จะให้พกปืนไปในที่สาธารณะได้ทุกที่ ต้องเป็นการเข้าจับกุมจริงๆเท่านั้น ป.ป.ช.จะส่งเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเหล่านี้ไปฝึกที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ เรียนหลักสูตรเหมือนที่ตำรวจใช้กัน
ส่วนเรื่องการแสดงบัญชีทรัพย์สินของนักการเมือง ในมาตรา 12 นั้น นายสรรเสริญ กล่าวว่า จะแก้ไขกรณีที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส.และสว.ไม่ยอมแจ้งบัญชีทรัพย์สิน หรือแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ และถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินว่า มีความผิดจริง จะต้องถูกตัดสิทธิห้ามกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตำแหน่งในพรรคการเมือง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอีก จากเดิมที่กำหนดไว้ว่า ห้ามดำรงตำแหน่งเพียง 5 ปีเท่านั้น เพื่อที่จะบังคับให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น ไม่ใช่ว่า พอพ้น 5 ปีไปแล้ว ก็กลับมาดำรงตำแหน่งใหม่ จึงต้องห้ามมิให้กลับมาดำรงตำแหน่งได้อีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี