บิ๊กตู่แก้เกมต้านรัฐประหาร
เปิดดีเบต!
สั่งจัดเวทีฟังเสียงนักศึกษา
ข่าวกรองจับตากระแสลาม
มช.ก่อหวอดเคลื่อน25พย.
เด็กมธ.โปรยใบปลิวท้าทาย
เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการโปรยใบปลิวและการเคลื่อนไหวต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ตนคิดว่าสังคมและทุกคนคงรู้ดีว่า ที่ผ่านมาประเทศเรามีความขัดแย้งกันทำให้ประเทศชาติพัฒนาไม่ได้ รัฐบาลก็ไม่สามารทำงานได้ ทาง คสช.จึงเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ ขณะนี้แน่ชัดว่า เราจะเร่งปฏิรูปและเดินไปตามโรดแมปที่วางไว้ นำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็ว นั่นคือเรื่องใหญ่ของประเทศ ส่วนผู้มาโปรยใบปลิวเคลื่อนไหวต่างๆ ตนมองว่า ไม่ใช่การกระทำต่อ คสช.แต่เป็นการกระทำสิ่งไม่ดีต่อประเทศชาติ
‘บิ๊กป๊อก’อัดกลุ่มต้านทำลายชาติ
“ผมอยากให้แยกกันคนละเรื่อง เรื่องนักศึกษาที่มาแสดงการต่อต้าน คิดว่าเป็นการแสดงความคิดที่บริสุทธิ์ เราต้องสร้างความเข้าใจกับนักศึกษาว่า รัฐบาลต้องดำเนินงานอย่างไร ภายใต้บริบทของอำนาจรัฐปัจจุบัน ซึ่งไม่มีทางเลือก นอกจากต้องเร่งปฏิรูปและให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนเรื่องกวนเมืองก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมได้อธิบายไปแล้วว่า การกระทำดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ ส่วนการต่อต้านที่ จ.เชียงราย ก็ไม่เห็นมีอะไร การดำเนินการพวกก่อกวนก็เป็นหน้าที่ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เราไม่ต้องสั่งการอะไร ในส่วนของเราก็ทำงานของตัวเองต่อไป”พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
คสช.วอนอย่าป่วน-ประเทศชงัก
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและทีมโฆษก คสช.ให้สัมภาษณ์กรณีหน่วยงานด้านความมั่นคงระบุว่า การต่อต้านรัฐบาลด้วยการชู 3นิ้วและโปรยใบปลิวมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่นายกรัฐมนตรี ต้องรับทราบข้อมูล แต่การดูแลเรื่องนี้เป็นหน้าที่หลักของ คสช.และคงประสานงานกันระหว่างหน่วยงานความมั่นคงในรัฐบาล แต่ในส่วนงานหลักของของรัฐบาลจริงๆนั้น เราเน้นการบริหารราชการแผ่นดิน แก้ไขปัญหาปากท้องเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้ละเลยเรื่องนี้ ขณะเดียวกันขอวิงวอนทุกภาคส่วนว่า วันนี้เราช้ามากแล้ว เรามีปัญหาต่างๆมากมาย จึงขอให้ทุกฝ่ายอย่าทำอะไรให้สังคมเกิดความไม่สบายใจ เพื่อให้ประเทศพัฒนา ข้าราชการมีสมาธิในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชน ซึ่งเราเชื่อว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นในรัฐบาลและคสช. พร้อมให้โอกาสในการทำหน้าที่
เด้งตร.ขอนแก่นมองได้2ด้าน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีคำสั่งย้ายย้าย รอง ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ตนไม่อยากออกความคิดเห็น เป็นอำนาจการบริหารงานของตำรวจ ต้องถามความเห็นจากตำรวจ เมื่อถามว่า จะกระทบเรื่องขวัญและกำลังใจเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า มองได้หลายมุม มุมแรกอาจกระทบต่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน แต่อีกมุมอาจเป็นการกระตุ้นให้ทุกฝ่ายตื่นตัวในการปฏิบัติหน้าที่ จึงต้องให้เกียรติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่เขาได้พิจารณาแล้ว
บิ๊กภาค4แจงรปภ.หละหลวม
ด้าน พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค4 (ผบช.ภ.4) พร้อมข้าราชการตำรวจทุกระดับชั้น ประชุมเพื่อหาาตรการรักษาความสงบเรียบร้อยและการรักษาปลอดภัยในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หลังนักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) กลุ่มดาวดิน หลุดรอดเข้าไปชู 3นิ้วและโชว์เสื้อ’ไม่เอารัฐประหาร’ หน้าเวทีขณะ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังพูดถึงแนวทางแก้ปัญหาภัยแล้งที่ จ.ขอนแก่น โดยยอมรับว่า ได้ลงนามคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจย้ายไปประจำศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค4 จำนวน 5นาย เพราะบกพร่องต่อหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อยบุคคลสำคัญ ส่วนการแต่งตั้งผู้มาปฏิบัติราชการแทนทั้ง 5ตำแหน่ง ได้มอบให้ ผบก.ภ.จ.ขอนแก่น เป็นผู้พิจารณาต่อไป
ปลัดศธ.จี้’สกอ.’ดูแลนักศึกษา
ดร.สุทธิศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีนักศึกษากลุ่มดาวดินชู 3นิ้ว ต่อต้านรัฐประหารขณะนายกฯกำลังปราศรัยว่า กระทรวงศึกษาฯได้ประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบระดับอุดมศึกษา ให้ดูแลเรื่องดังกล่าว โดยเรื่องนี้ รมว.ศึกษาฯ เห็นว่า การแสดงออกสามารถกระทำได้ แต่ต้องดูกาลเทศะ ควรไม่ควร และต้องดูด้วยว่าสิทธิหน้าที่ความเหมาะสม ซึ่งตามประเพณีไทยการที่ผู้ใหญ่กำลังปราศรัยพูดคุยอยู่ เด็กเยาวชนไม่ควรจะแสดงออกอย่างไม่เหมาะสม เพราะต่อให้เป็นสิทธิ เสรีภาพที่สามารถกระทำได้ แต่ก็ต้องไม่ไปกระทบสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ของผู้อื่น อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่มีการลงโทษเด็ก เพียงแต่กำชับถึงการแสดงออกที่เหมาะสม โดยสกอ.ต้องไปปรับพฤติกรรม ทำความเข้าใจ และดูแลนักศึกษาอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ในส่วนของศธ.นั้น จะให้ศูนย์เสมารักษ์ ซึ่งมีทั้งหมด 13ศูนย์ตามจังหวัดต่างๆ ช่วยดูแลเฝ้าระวังนักเรียนนักศึกษาให้มากขึ้น
มช.ตรวจใบปลิวชวนทำกิจกรรม
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงาน มีการโปรยใบปลิวบริเวณอาคารเรียนรวมของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) โดยมีข้อความเชิญชวนว่า ร่วมกินข้าวถกปัญหากิจกรรมนักศึกษา“ภายใต้กฎอัยการศึก” ที่โรงอาหารกลาง อาคารกิจกรรมนักศึกษา มช.ในวันที่ 25พฤศจิกายนนี้ เวลา 12.00น.ลงชื่อโดยกลุ่มนักกิจกรรม ม.เชียงใหม่ ทำให้มช.เร่งให้บุคลากรช่วยตรวจสอบที่มาที่ไปของใบปลิวและกลุ่มใดเป็นผู้จัดงานดังกล่าว
รองอธิการฯชี้ป่วนไม่อนุญาตแน่
ทั้งนี้ รศ.ดร.ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษา มช.ระบุว่า ขณะนี้ได้ให้บุคลากรร่วมตรวจสอบที่มาที่ไปของใบปลิวและตรวจดูว่า กลุ่มใดเป็นผู้จัดงาน จะเป็นกลุ่มนักศึกษาของ มช.หรือไม่ หรือจะเป็นกลุ่มบุคคลจากภายนอก ซึ่งกิจกรรมที่ระบุไว้ตามใบปลิวนั้น ยังไม่ได้ขออนุญาตจัดงาน หากเป็นกิจกรรมเกี่ยวข้องกับความไม่สงบก็จะไม่อนุญาตและกิจกรรมดังกล่าวอาจเป็นการสร้างสถานการณ์หรือไม่ หรืออาจเหมือนกับเหตุการณ์มหาวิทยาลัยอื่นๆ ก่อนหน้านี้หรือไม่ ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบว่า กลุ่มใดเป็นผู้จัดงานและเหตุผลของการจัดงานเป็นอย่างไรต่อไป
คุม7นศ.ธรรมศาสตร์ปรับทัศนคติ
เวลา 15.45น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ มีกลุ่มนักศึกษานำโดย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ จากกลุ่มสภาหน้าโดม นายนัชชชา กองอุดม นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ พร้อมพวกอีก 5คน มาโปรยใบปลิวบริเวณสนามฟุตบอลและหน้ามหาวิทยาลัย โดยมีข้อความว่า “ถึงยุคทมิฬมารจะครองเมืองด้วยควันปืน….แต่คนย่อมเป็นคน”ต่อมา พ.ต.ท.สมยศ อุดมรักษาทรัพย์ รองผบก.สืบสวน สน.ชนะสงคราม ได้เข้ามาพูดคุย พร้อมเชิญตัวทั้งหมดไปปรับทัศนคติที่ สน.ชนะสงคราม
ด้าน นายสิรวิชญ์ กล่าวว่า แม้จะถูกเรียกไปปรับทัศนคติกี่ครั้ง แต่ตนยืนยันที่จะต่อต้านอำนาจทมิฬมาร อย่างไรก็ตาม กรณีที่มีการโปรยใบปลิวที่อนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย ไม่ใช่การกระทำของกลุ่มตน
ตร.เตือนถ้าทำอีกส่งตัวให้ทหาร
พ.ต.ท.สมยศ เปิดเผยว่า การจับกุมในครั้งนี้เพื่อนำมาปรับทัศนคติตักเตือนและพูดคุยทำความเข้าใจว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องผิดกฎอัยการศึก โดยหลังจากทำประวัติเรียบร้อยก็จะปล่อยตัวไป แต่หากกระทำซ้ำอีก ตำรวจต้องส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ทหารดำเนินการต่อไป
นายกฯสั่งเปิดเวทีให้แสดงออก
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักข่าวกรองแห่งชาติ กล่าวว่า หน่วยข่าวได้ประเมินและทำรายงานล่วงหน้ามาแล้วว่า การเคลื่อนไหวจะมีเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ บางส่วนทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ บางส่วนทำด้วยความซ่อนเร้น รัฐบาลจะหาทางดำเนินการไป โดยนายกรัฐมนตรีต้องการเปิดเวทีให้นักศึกษา จึงมอบให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสถาบันพระปกเกล้า ไปพิจารณาเปิดเวทีการพูดคุย การแสดงความคิดเห็นของนักศึกษาให้เขาได้ใช้พลัง ความกล้า ความรู้ ซึ่งสถาบันพระปกเกล้ามีรูปแบบในการทำเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว อีก 2-3 วันน่าจะเห็นรูปแบบเวทีดังกล่าว แต่ไม่ต้องยกเลิกกฎอัยการศึก เพราะสปช.ทำภายใต้กฎหมายพิเศษอยู่แล้ว
ย้ำต้องพูดคุยทำความเข้าใจกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่หน่วยข่าวประเมินว่า จะมีการเคลื่อนไหวเป็นระยะอยู่ในวิสัยทัศน์ที่รัฐบาลควบคุมได้หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ทุกอย่างปกติเรียบร้อยดี ไม่มีอะไร คนทำงานความมั่นคงไม่ประมาท หน่วยข่าวทำงานเต็มที่ ไม่มีอะไรน่าห่วง ถ้ามีอะไรจะรายงานให้รัฐบาลรับทราบ รัฐบาลก็มีมาตรการที่จะใช้ โดยรัฐบาลต้องการให้เกิดการพูดคุยและทำความเข้าใจ กิจกรมที่ทำต้องมีความเหมาะสม โดยสังคมจะเป็นผู้ตัดสินเองว่า กิจกรรมที่ทำกันอยู่นั้น มีความเหมาะสมหรือไม่
วิษณุติงเร็วไปถกประชาพิจารณ์
ทางด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อกังวลเกรงคลื่นใต้น้ำอาจส่งผลกระทบต่อการร่างรัฐธรรมนูญ หรืออาจซื้อสิทธิขายเสียงในการลงประชามติเพื่อคว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้ยังมีอีกหลายขั้นตอน จึงไม่ควรพูดเรื่องทำประชามติที่เป็นเหตุการณ์ในอีก 10เดือนข้างหน้า ควรรอให้ยกร่างรัฐธรรมนูญเสร็จก่อน ซึ่งเมื่อยกร่างฯไปได้ครึ่งทาง ก็คงพอจะรู้ไว้ว่าควรทำประชามติหรือไม่ เช่น ถ้ายกร่างฯแล้วมีหลักการออกมาไม่มีความพิสดารอะไร ก็คงไม่ต้องทำประชามติ แต่ถ้ามีหลักการที่เป็นประเด็นแปลกใหม่ ก็คงต้องถามใจประชาชนว่าจะยอมรับหรือไม่ ตนว่ารอให้ถึงเวลานั้นก่อนดีกว่า อย่างไรก็ดีตนไม่กังวลว่า จะมีการซื้อเสียงลงประชามติ เนื่องจากยังไม่ได้เขียนร่างรัฐธรรมนูญ
‘สปช.’ตั้งอนุกมธ.ปฎิรูป5ด้าน
นายสมชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ปฏิรูปเศรษฐกิจ การเงินและการคลัง แถลงหลังประชุมว่า ที่ประชุมตั้งอนุกรรมาธิการฯรับผิดชอบด้านต่างๆ ประกอบด้วย 1.ปฏิรูปการคลัง การงบประมาณและภาษีอากร มีนายพรายพล คุ้มทรัพย์ เป็นประธาน 2.ปฏิรูประบบการเงินและสถาบันการเงิน มีนายธวัชชัย ยงกิตติกุล เป็นประธาน 3.ปฏิรูปตลาดทุน มีนายไพบูลย์ นลินทรางกูร เป็นประธาน 4.ปฏิรูปเศรษฐกิจระหว่างประเทศ มีนายสุทัศน์ เศรษฐ์บุญสร้าง เป็นประธาน 5.ปฏิรูปด้านความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ มีนายกอร์ปศักดิ์ ภูตระกูล เป็นประธาน
วางระบบสกัด’ประชานิยม’
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังพิจารณาข้อเสนอการปฏิรูปด้านเศรษฐกิจ ทั้งปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เช่น การกระจายรายได้ ระบบโครงสร้างภาษี ปัญหาถือครองที่ดิน อีกทั้ง ยังมีข้อเสนอต่อปัญหาภาคเกษตร ปัญหาศักยภาพทางเศรษฐกิจ ปัญหาขาดแคลนการวิจัยและการพัฒนา ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งในปัจจุบันมักเกิดความไม่โปร่งใสในการระดมทุนภายในตลาดทุน รวมถึงการไม่รักษาวินัยทางการเงิน การคลังและการใช้จ่ายของภาครัฐ หรือการใช้นโยบายทางเศรษฐกิจที่ไม่ถูกต้องของนักการเมือง ที่ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ
ต้องระบุคนรับผิดชอบไว้ด้วย
“สำหรับแนวทางป้องกันนโยบายประชานิยม หากรัฐบาลจะดำเนินนโยบายหรือโครงการใดๆที่อาจเข้าข่ายทำประชานิยม ต้องชี้แจงต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวว่ามีมูลค่าเท่าใด เพราะนโยบายประชานิยมที่ไม่คำนึงถึงผลระยะยาว ต้องกำหนดว่า หากเสนอโครงการที่สร้างความนิยมในหมู่ประชาชนต้องบอกด้วยว่าโครงการเหล่านี้เป็นต้นทุนของรัฐบาล และต้นทุนของสังคมในระยะยาวอย่างไร ต้องมีหลักประกันและต้องมีคนรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย” นายสมชัย กล่าว
ปพช.ยื่นแผนปฎิรูป36ข้อให้สปช.
วันเดียวกัน ที่รัฐสภา กลุ่มปฏิรูปประเทศไทยเพื่อประชาชน (ปพช.) นำโดย นายพิเชียร อำนาจวรประเสริฐ ประธานกลุ่ม ปพช.เข้ายื่นข้อเสนอแนะการปฏิรูปประเทศไทย 3 ด้านคือ การเมือง เศรษฐกิจ ด้านสังคมและการศึกษา รวมทั้งหมด 36ข้อต่อ นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยนายพิเชียร ระบุว่า กลุ่ม ปพช.รวบรวมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะด้านเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองมาเสนอให้ประธาน สปช.นำไปเสนอต่อคณะกรรมาธิการปฎิรูปด้านต่างๆทั้ง 18 คณะ รวมถึงคณะอนุกรรมาธิการฯเพื่อพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ รวมทั้งแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
คดีทุจริตชาวบ้านยื่นฟ้องได้เอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อเสนอที่น่าสนใจของกลุ่ม ปพช.เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศนั้น มีข้อเสนอแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น โดยกำหนดให้คดีทุจริตไม่มีอายุความ ฟ้องได้โดยตรงไม่ต้องผ่านอัยการหรือองค์กรอื่น ฟ้องได้ตลอดชีพของผู้ทุจริต เพิ่มบทลงโทษให้แรงขึ้น ส่วนด้านการเมือง เสนอให้ ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรค ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาตรี ให้มีการสรรหา ส.ว.จากวิชาชีพต่างๆ ด้านเศรษฐกิจมีข้อเสนอให้ลดดอกเบี้ยบัตรเครดิตและดอกเบี้ยสินเชื่อบุคคล ไม่ให้เกินร้อยละ18ต่อปี เป็นต้น
‘เทียนฉาย’โวชงความเห็นเพียบ
นายเทียนฉาย ให้สัมภาษณ์หลังรับหนังสือ ถึงการดำเนินงานของศูนย์รับฟังความคิดเห็นของ สปช.ว่า ขณะนี้มีผู้เสนอความเห็นเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมข้อเสนอทั้งหมดส่งให้คณะ กมธ.ผู้เกี่ยวข้อง จากนี้อีก 1-2 สัปดาห์จะรวบรวมข้อมูลจากศูนย์ฯเสนอต่อสาธารณะชนว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ส่วนความเป็นห่วงว่ามวลชนที่ออกมาต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)และรัฐบาล จะทำให้บรรยากาศปฏิรูปสะดุดนั้น ตนเห็นว่าขณะนี้บรรยากาศยังดีอยู่ ไม่มีความขัดข้องในการทำหน้าที่แต่อย่างใด
ประชาพิจารณ์ต้องทำแน่นอน
นายเทียนฉาย ยังกล่าวถึงกระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญในส่วน สปช.ว่า วันที่ 29 พฤศจิกายนจะเริ่มรวบรวมประเด็นจากคณะ กมธ.18คณะมาพิจารณาหาข้อสรุป เพื่อส่งให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สำหรับข้อเสนอเรื่องการทำประชาพิจารณ์นั้น ขณะนี้ได้รับฟังความคิดเห็นตามระเบียบวิธีอยู่แล้ว ไม่ได้หมายความว่าต้องรับฟังความคิดเห็นจากประชากร 64 ล้านคน แต่มีกระบวนการวิธีรับฟังความคิดเห็นเป็นระบบตามหลักวิชาการเพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี