'สรรเสริญ'ปัดเพิ่มอำนาจให้องค์กร จ่อตั้งคณะกมธ.ศึกษาร่างพ.ร.บ. ป.ป.ช.
วันอังคาร ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557, 20.00 น.
Tag :
25 พ.ย.57 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช.ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าชี้แจงเหตุผล ต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในการยื่นขอแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ... ว่า ป.ป.ช.ได้ยื่นขอแก้ไขในสองหลักการสำคัญ ได้แก่ เพื่ออนุวัติกฎหมายให้เป็นไปตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติและการเพิ่มประสิทธิภาพให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปราบปรามและตรวจสอบทรัพย์สิน โดยในส่วนการอนุวัติกฎหมายตามอนุสัญญาสหประชาชาติ ไม่มีปัญหา เนื่องจากกฎหมายในส่วนนี้มีการพิจารณาแล้วในเบื้องต้น ส่วนที่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน อาทิ กฤษฎีกา ศาล อัยการ ตำรวจ โดยการประชุมเบื้องต้นกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสนช.เห็นว่า ให้เข้าที่ประชุมชุดใหญ่ในวันที่ 27พ.ย. เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาเพื่อศึกษาร่างกฎหมายดังกล่าว และสอบถามความคิดเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า การขอยื่นแก้ไขกฎหมายของ ป.ป.ช.ไม่ถือว่าเป็นการเพิ่มอำนาจให้กับทางป.ป.ช.ใช่หรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ในหลักการไม่ได้มีการเพิ่มอำนาจแต่อย่างใด ส่วนที่มีการพูดกันว่า ให้เพิ่มโทษถึงประหารชีวิตนั้นก็เป็นเรื่องที่ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 ก็มีอยู่แล้วในความผิดเดียวกัน เพียงแต่ในกฎหมายนี้อาจจะเพิ่มโทษในส่วนของค่าปรับและนอกจากนี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ให้สินบน จากเดิมไมได้อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. อยากจะเพิ่มผู้ให้สินบนที่เป็นเอกชนอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.ด้วย
ส่วนกรณีที่ระบุว่าผู้บริหารท้องถิ่นต้องยื่นและเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินฯ เป็นการเพิ่มภาระให้ป.ป.ช.หรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า คงไม่เป็นการเพิ่มภาระ เพียงแต่เป็นการตรวจสอบและเปิดเผยในระยะเวลาที่กำหนด หากกฎหมายบังคับให้ทำก็ต้องทำ เช่นเดียว กับ ส.ส.และ ส.ว. หรือ รัฐมนตรี นอกจากนี้ ในหลักการอาจจะต้องมีการกระจายอำนาจไปยัง ป.ป.ช.จังหวัดที่มีหน้าที่ในการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของผู้บริหารท้องถิ่นนั้นๆ
เมื่อถามอีกว่าที่มีการเรียกร้องให้ข้าราชการระดับสูง เช่น ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ต้องมีการยื่นและเปิดเผยทรัพย์สินด้วยหรือไม่ นายสรรเสริญ กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช.ฯ ที่มีการยื่นขอแก้ไขเพิ่มเติมนี้ เป็นเพียงกรอบในเบื้องต้น ที่มองว่า บุคคลที่สมควรจะเปิดเผยบัญชี คือ นักการเมือง ซึ่งในระดับชาติก็มีการเปิดเผย ส่วนในระดับท้องถิ่น ป.ป.ช.มองว่าอยู่ในกรอบของการเป็นนักการเมือง จึงเห็นควรให้เปิดเผยด้วย โดยในหลักการ คือ ต้องการให้ประชาชนตรวจสอบรวมทั้งแสดงความโปร่งใสของผู้ที่จะทำหน้าที่ หากตรงไปตรงมา ก็ไม่น่าจะกลัวอะไร ซึ่งเป็นหลักการทั่วไป ส่วนข้าราชการระดับสูง เหตุใดจึงไม่เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน
“สนช.สามารถเสนอขอแก้ไข จากที่ ป.ป.ช.เสนอได้โดย สนช.สามารถเสนอเป็นกฎหมายหลักประเทศเลยก็ได้ หรือพิมพ์ไว้ในรัฐธรรมนูญเองก็ได้ ป.ป.ช.เองก็ต้องนำ พ.ร.บ.ประกอบรัฐะรรมนูญ ป.ป.ช.ฯมาปรับแก้ เพื่อให้รับกับรัฐธรรมนูญซึ่งไม่เป็นปัญหา ในการปฏิบัติ ดีเสียอีก เป็นการแสดงความโปร่งใสในการทำงาน และเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ” นายสรรเสริญ กล่าว