พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะกรรมการรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนตอบโต้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีออกมาเปรียบเปรยสถานการณ์ยึดอำนาจว่าเหมือนกับที่ประชาชนยื่นกุญแจรถให้ขับและนำพาประเทศแต่อยู่ดีๆมีคนเอาปืนมาจี้ที่หัวแล้วบอกให้ตนเองลงจากรถ
“พูดได้ ก็พูดไป แล้วใครไปจี้ท่านเหรอ สิ่งที่ท่านพูด ผมมองว่าเป็นวาทะกรรม ก็ให้พูดไป" ส่วนบอกว่าจะลงเลือกตั้งครั้งต่อไปนั้น ผมไม่รู้ ไม่เกี่ยวกับผม ไปถาม กกต.ผมไม่ได้ไปเลือกตั้งด้วย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่าขณะนี้นักการเมืองอยู่ในสถานะที่สามารถพูดเรื่องการเมืองได้หรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าเรื่องเหล่านี้ให้ คสช.พิจารณาอยู่และกติกามีอยู่แล้ว ถ้าเมื่อไหร่ที่สร้างผลกระทบความวุ่นวายต่างๆ กติกา ก็มีตามระดับจากน้อยไปหามาก เดี๋ยวอยากไปต่างประเทศ ก็ไม่ได้ไป อยากพูดก็พูดในประเทศ ห้ามไปที่อื่น ต่อไปก็ห้ามทำธุรกรรมทางการเงิน กติกา มันมีอยู่แล้ว หากคำพูดทำให้คนออกมาต่อต้านโดยตรงกับรัฐบาลไม่ได้ ถ้าพูดในบ้านก็พูดไป"นายกฯระบุ
ด้าน นพ.เจตน์ ศิรธนานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.)กล่าวหลังการประชุมว่า ที่ประชุมวิปพิจารณา เรื่อง การถอดถอนนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา กรณีปมแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว.และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว จะเข้าสู่วาระการพิจารณาของสนช.ในวันที่ 27 และวันที่ 28พ.ย.นี้ โดยวิปสนช.มีมติกำหนดวันแถลงเปิดสำนวนของ นายสมศักดิ์และนายนิคม ในวันที่ 8 ม.ค.2558 และแถลงเปิดคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในวันที่ 9 ม.ค.2558
“หลังจากการแถลงเปิดคดีแล้วจะเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งข้อซักถามคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ซักถาม จำนวน21คน มีสัดส่วนจากวิป สนช. 5คน และจากตัวแทนกมธ.ชุดต่างๆ 16 คนจากนั้น จึงเข้าสู่การแถลงปิดคดีทั้ง 2 ฝ่ายและลงมติถอดถอนหรือไม่ ซึ่งขั้นตอนทั้งหมด จะใช้เวลาไม่เกิน30วัน ตามข้อบังคับการประชุมสนช.โดยจะรู้ผลว่าสามารถถอดถอน นายสมศักดิ์ นายนิคมและน.ส.ยิ่งลักษณ์ในช่วงเดือน ก.พ.ได้หรือไม่”น.พ.เจตน์ กล่าว
ส่วน นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวถึงบุคคลที่จะเข้าชี้แจงในการเปิดสำนวนคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคดีถอดถอน นายสมศักดิ์ และนายนิคมว่าที่ประชุม ป.ป.ช.ได้มอบหมายให้ตน นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.และนายธรรมนูญ เรืองดิษฐ์ ผู้ช่วยเลขาธิการป.ป.ช.ไปชี้แจง ส่วนกรณีที่มีการขอเพิ่มพยานในคดีถอดถอนดังกล่าวนั้น ในวันที่ 27 พ.ย. สนช.จะนำร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ....เข้าการพิจารณา ทาง ป.ป.ช.จะเข้าชี้แจงคัดค้านการขอเพิ่มพยานกรณีดังกล่าวและวันที่28 พ.ย.ก็จะเข้าคัดค้านการขอเพิ่มพยานกรณีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์เช่นกัน
และยืนยันว่าขณะนี้ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ยื่นเรื่องถอดถอนอดีต ส.ว. 38 ราย กรณีเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นเกี่ยวกับที่มาของ ส.ว.ไปยัง สนช.ต้องรอผลประชุม ป.ป.ช.วันที่ 25พ.ย.นี้ก่อน
ขณะเดียวกันนายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการป.ป.ช.กล่าวหลังประชุมป.ป.ช.พิจารณาเรื่องกล่าวหาร้องเรียนการทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ว่า จากการตรวจสอบ 3 จังหวัดคือนครราชสีมา มุกดาหาร และอำนาจเจริญ รวม 76 แห่ง วงเงิน 277,500,000บาท ซึ่งเป็นงบแปรญัตติที่กลุ่มการเมืองไปติดต่อสถานศึกษาเพื่อนำงบไปให้โดยวางแผนให้บริษัทร้านค้าในกลุ่มการเมืองได้รับงาน ซึ่งมีพิรุธคือเป็นกลุ่มเดียวกันทั้งหมด ทั้งวัสดุและพื้นคอนกรีตไม่ได้มาตรฐาน
“ป.ป.ช.พิจารณาเห็นว่าเขตพื้นที่ภาคอีสานมีพยานหลักฐาน เชื่อมโยงพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวหา มีมูลเพียงพอต่อการไต่สวนข้อเท็จจริงจึงมีมติแต่งตั้งผม และนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการป.ป.ช.เป็นคณะอนุกรรมการไต่สวน เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาครวมทั้งตัวแทนสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ร่วมคณะอนุกรรมการไต่สวน ถือเป็นมิติใหม่ในความร่วมมือขององค์กรอิสระไต่สวนคดีนี้”นายประสาท ย้ำ
นอกจากนี้จะได้แจ้งคำสั่งให้ผู้ถูกกล่าวหาที่เกี่ยวข้องได้รับทราบต่อไป ทั้ง อดีตเลขาธิการ สพฐ. ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาและมัธยมศึกษา รวมทั้ง ผอ.โรงเรียนที่ เกี่ยวข้องในการทุจริต จะแบ่งเป็นคณะย่อยเพื่อไต่สวนข้อเท็จจริงในภูมิภาค หรือจังหวัดที่เกิดเหตุ เพื่อความรวดเร็ว ถ้าพบมีจังหวัดใดที่ส่อไปในทางทุจริตในการก่อสร้างสนามฟุตซอลจะทำการไต่สวนเพื่อขยายผลต่อไป ส่วนเขตพื้นที่ภาคเหนือ และภาคอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมแล้ว นำเสนอคณะกรรมการป.ป.ช.เพื่อพิจารณาโดยด่วนอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี