อัยการฯสั่งไม่ฟ้องคดีจำนำลำไย 'ชวลิต-บิ๊กขรก.'พ้นผิดทางวินัย
วันพุธ ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557, 18.29 น.
Tag :
26 พ.ย. 57 รายงานข่าวกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยความคืบหน้าคดีทุจริตโครงการจำนำลำไยปี46/47 ใช้วงเงินรับจำนำ 4.7 พันล้านบาทว่าหลังจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.มีมติสั่งดำเนินคดีอาญากับข้าราขการระดับสูง 11 คนของกระทรวงเกษตรฯโดยมีนายชวลิต ชูขจร ปลัดกระทรวงเกษตรฯอดีตเป็นคณะกรรมการเตรียมแผนงานโครงการรับจำนำในฐานะเป็นผอ.กองแผนงาน ได้รับมอบหมายให้ทำแผน เสนอนายบรรพต หงษ์ทอง อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรมว.เกษตรฯ โดยปปช.ชี้ว่าคณะกรรมการเตรียมแผนและคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง โดยส่อเจตนาคัดเลือกบริษัทเอกชน(บริษัทปอเฮง อินเตอร์เทรด จำกัด)เข้าดำเนินการโครงรับจำนำลำไย โดยไม่มีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อน และปปช.ส่งคดีให้อัยการสูงสุด ส่งฟ้องเอาผิดทางอาญา
โดยล่าสุดที่ประชุมอัยการสูงสุดได้ประชุมทางลับและ มีมติ 0ต่อ9 ไม่ส่งฟ้องและตามขั้นตอนภายใน30วันต้องส่งเรื่องกลับให้ ปปช.ไปดำเนินการฟ้องร้องเอง เนื่องจากเห็นว่าคณะกรรมการเตรียมแผนโครงการและคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ได้เสนอให้ นายบรรพต และนายสมศักดิ์ ปิดจุดรับซื้อลำไยเข้าโครงการในช่วงราคาลำไยในตลาดสูงขึ้นแล้วซึ่งในขณะนั้นใช้วงเงินแทรกแซงราคาไปเพียง 1.1 พันล้านบาทและให้ทยอยส่งมอบลำไยอบแห้งให้กับประเทศจีน แต่ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯในขณะนั้นไม่อนุมัติปิดจุดรับซื้อทำให้โครงการขาดทุนจากลำไยค้างสต็อกถึง 60 เปอร์เซนต์หรือ 4.6 หมื่นตัน จากโครงการแทรงแซงลำไยทั้งหมด9 หมื่นตัน
ก่อนหน้านี้ปปช.ได้มีมติไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอที่จะฟังได้ว่านายสมศักดิ์ ได้กระทำความผิดให้ข้อกล่าวหาตกไป ส่วนการกระทำของนายบรรพต หงส์ทอง ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ในขณะนั้นมีมูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง
โดยกระทรวงเกษตรฯได้ปิดบัญชีโครงรับจำนำลำไย รัฐเสียหาย 3 พันล้านบาทซึ่งมีรายได้จากการเผาทำลายลำไยทั้งหมด เป็นถ่านชีวมวลมาหักกลบบัญชีบางส่วนแต่รัฐบาลต่อมายังรับภาระจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับธนาคารกรุงไทย อีกกว่า 2 พันล้านบาทหลังจากที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้อนุมัติวงเงิน 4.2 พันล้านบาทใช้หนี้เงินกู้ไปแล้ว
รวมทั้งอนุกรรมการข้าราชการพลเรือนกระทรวงเกษตรฯ(อกพ.)โดยมีนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรฯเป็นประธานอกพ.ได้มีมติเสียงส่วนใหญ่ให้นายชวลิต และข้าราชระดับสูงกระทรวงเกษตร พ้นความผิดทางวินัย ในข้อหาทุจริตซึ่งเข้าเงื่อนไขตามพรบ.ล้างมลทิน ปี 50. เพราะคดีนี้อาจเข้าข่ายประวิงเวลาถ้า อกพ.ไม่มีความชัดเจน
แหล่งข่าวกล่าวว่าโครงการจำนำลำไย เป็นต้นแแบของโครงการจำนำข้าว ที่เป็นนโยบายของรัฐบาลแต่นักการเมืองและผู้บริหารระดับสูง ไม่มีความผิดมีแต่ข้าราชการระดับล่างที่ผิด ส่วนเอกชนจะกลายเป็นบริษัทล้มละลายเพื่อไม่ต้องชดใช้ความเสียหายที่เกิดกับรัฐ