รวบแล้วมือโปรยใบปลิว
2นปช.ป่วน!
อ้างทำเอง-ไม่มีเบื้องหลัง
โวยถูกปิดกั้น-อยากแสดงออก
มือดีพ่นสเปรย์ต่อต้านใน‘มช.’
คสช.สั่งกองทัพติดตามปฏิรูป
พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.สำราญราษฎร์ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมนายสิทธิทัศน์ เหล่าวานิชธนาภา อายุ 54 ปี อาชีพสถาปนิก และนายวชิร หรือบอย ทองสุข อายุ 38 ปี ชาวจ.เพชรบุรี ในคดีโปรยใบปลิวโจมตีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)รอบบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลางเหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ทางบก.สส.บช.น.ส่งตัว 2 ผู้ต้องหาให้เจ้าหน้าที่ทหารนำตัวไปปรับทัศนคติแล้ว โดยสน.สำราญราษฎร์สั่งให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 2 คนจากศาลทหาร ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 โทษจำคุกไม่เกิน 7ปี ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ทหารส่งตัวกลับมาให้ทางสน.สำราญราษฎร์ ก็จะนำตัวส่งฝากขังต่อไป
ใช้อัยการศึกรวบมือโปรยใบปลิว
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. พ.อ.คชาชาต บุญดี ผบ.ป.1 รอ. นำกำลังทหารจากกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ (ป.1รอ.) ใช้อำนาจตามกฎอัยการศึก เข้าควบคุมตัวนายสิทธิทัศน์ที่บ้านเลขที่ 18 ซอยเพชรเกษม 48 แยก 16-1 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กทม.
นอกจากนี้ยังยึดของกลางอุปกรณ์การพิมพ์ใบปลิว เช่น เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อเอชพี 1 เครื่อง ปากกาเมจิกสีดำ มีดคัตเตอร์ ไม้บรรทัดยาว ตลับหมึกปริ้นเตอร์ เสื้อยืดลายพรางทหาร 1 ตัว เสื้อยืดคอกลมสีดำสกรีนข้อความ”เสรีชนคนราชดำเนิน” 1 ตัว หมวกลายพรางทหาร 2 ใบ เข็มขัดสีดำพร้อมซองปืนและซองกุญแจมือ 1 ชุด และรถเบนซ์รุ่นซี 200 สีดำ ทะเบียน1 กม 200 กทม.
ยอมรับเป็นกลุ่มแนวร่วมนปช.
ส่วนนายวชิรควบคุมตัวได้จากจ.เพชรบุรี ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ 100 สีน้ำเงิน ทะเบียน กมร 4 นครปฐม ที่ใช้โปรยใบปลิวได้ภายหลัง จากนั้นได้ควบคุมตัวทั้ง 2 คนไว้ภายในกรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ เพื่อทำการปรับทัศนคติ โดยทั้งสองคนให้การรับสารภาพและยอมรับว่าเป็นอดีตกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)
นายสิทธิทัศน์ รับว่า เริ่มเขียนใบปลิวโจมตีคสช.ตั้งแต่เวลา 19.00 น. วันที่ 22 พ.ย.
ก่อนถ่ายเอกสารไว้รวมแล้วกว่า 7,000 แผ่น จนกระทั่งเวลา 03.00 น.วันที่ 23 พ.ย. ก็นัดนายวชิรคนขับรถของตัวเอง ให้มาเจอกันที่ซอยสำราญราษฎร์ ก่อนส่งถุงใส่ใบปลิวให้นายวชิร เพื่อขับรถจักรยานยนต์คันดังกล่าวโดยไม่ติดป้ายทะเบียน นำไปโปรยบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
อ้างทำเองไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง
ส่วนสาเหตุให้กระทำการดังกล่าวนั้นทางผู้ต้องหาอ้างว่าเนื่องจากเคยร่วมชุมนุมกับกลุ่มนปช.มาก่อนตั้งแต่ปี 2553 จากนั้นเมื่อมีการชุมนุมของกลุ่มกปปส.ก็ได้มาสังเกตการณ์ด้วย จนกระทั่งคสช.ยึดอำนาจ ตนรู้สึกว่าถูกปิดกั้นสิทธิจึงอยากแสดงออกอะไรบางอย่าง และไม่ได้มีใครอยู่เบื้องหลัง
พ่นสีสเปรย์ต้านคสช.ใน’มช.’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันกระแสการต่อต้านคสช. ภายในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.)ยังเกิดขี้นต่อเนื่อง โดยช่วงเช้ามืดมีมือดีนำสีสเปรย์มาพ่นเป็นข้อความว่า “No coup” หรือการต่อต้านรัฐประหาร บริเวณพื้นถนนหน้าตึกนิติศาสตร์ใหม่ และถนนหน้าตึกคณะสังคมศาสตร์ รวมถึงบริเวณถนนระหว่าง หน้าอาคารคณะเกษตร-คณะวิจิตรศิลป์ ภายในมช.
อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยฯนำทินเนอร์มาลบล้างสีทั้งหมด นอกจากนั้นยังพบว่ามีการปล่อยข่าวทางโลกออนไลน์ว่า จะมีกลุ่มนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มช.จัดกิจกรรมราดน้ำมันเผาตัวเองเพื่อต่อต้านการทำรัฐประหาร และการเสาวนาเรื่อง “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” แต่หลังจากตรวจสอบแล้วไม่พบว่ามีการจัดกิจกรรมดังกล่าวแต่อย่างใด
ตร.-ทหารเต้นประชุมเร่งล่าตัว
ต่อมาทาง พล.ต.ต.มนตรี สัมบุณณานนท์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วย ร.ศ.ดร.ธนารักษ์ สุวรรณประกิต รองอธิการบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพการศึกษา มช. พ.อ.โภคา จอกลอย หัวหน้ากองข่าว มทบ.33 ประชุมหารือเพื่อตรวจสอบว่าเป็นกลุ่มใดและจะเชิญตัวมาอบรมพูดคุยปรับทัศนคติต่อไป ส่วนเรื่องการจัดกิจกรรมใดๆของนักศึกษาหรือคณาจารย์จะไม่มีการสั่งระงับแต่ต้องอยู่ในขอบเขต
ด้าน ร.ศ.ดร.ธนารักษ์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรมใดเป็นกรณีพิเศษก็จะต้องมีการขออนุญาต รวมทั้งหากเป็นคนภายนอกก็ต้องขออนุญาตเช่นกัน ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่าเป็นการจัดกิจกรรมของกลุ่มใดในมช. จึงได้สั่งฝ่ายรักษาความปลอดภัยให้มีการเฝ้าระวังไว้ รวมทั้งได้รับการประสานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารขอเข้ามาสังเกตการณ์ด้วย
มช.ยันไม่ปิดกั้นแต่อย่าล้ำเส้น
“นักศึกษาและประชาชนสามารถแสดงออกอย่างเต็มที่ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยไม่เคยมีการปิดกั้น เพียงแต่มีข้อเสนอแนะว่าการแสดงออกบางอย่างควรจะต้องมีหลักคิดด้วยว่า การใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงบางอย่างก่อให้เกิดความแตกแยกขัดแย้ง หรือเกิดผลเสียมากกว่าผลดีหรือไม่ก็อยากให้พิจารณาว่าควรทำหรือไม่”ร.ศ.ดร.ธนารักษ์ กล่าว
ม.เที่ยงคืนจี้ยกเลิกอัยการศึก
จากนั้นเวลา 16.30น.ตัวแทนคณาจารย์มหาวิทยาลัยเที่ยงคืนร่วมอ่านแถลงการณ์เรียกร้องสังคมร่วมกดดันคสช.ยกเลิกอัยการศึกพร้อมคำสั่งคสช. โดยอ้างว่าเป็นการปิดกั้นและคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน นอกจากนี้แถลงการณ์ยังอ้างความเห็นต่างคือปัจจัยสำคัญนำสังคมไทยแก้ไขปัญหาอย่างสงบ
“บิ๊กป้อม”สั่งขยายผลจับใบปลิว
ในขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ในฐานะรมว.กลาโหม และรองหัวหน้าคสช.กล่าวถึงกรณีการจับกุมตัวผู้ที่โปรยใบปลิวโจมตีการทำงานของรัฐบาลและคสช.ว่า รับรายงานแล้วขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวน และสอบถามที่มาที่ไปว่าเป็นอย่างไร ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยบอกแล้วว่าผู้ที่กระทำนั้นมีไม่กี่คน
สำหรับกรณีที่รัฐบาลและคสช.จะเปิดเวทีให้นักศึกษาได้แสดงคิดเห็นนั้น รัฐบาลได้เปิดเวทีให้กับนักศึกษา แต่ไม่สามารถที่จะบังคับนักศึกษากลุ่มใดหรือคนใดมาเข้าร่วมได้ เพราะเป็นเรื่องสิทธิมนุษยชน ดังนั้นทางรัฐบาลและคสช.จึงเปิดเวทีให้นักศึกษาและนักวิชาการที่ต้องการแสดงออกทางความคิดเข้ามาร่วมในเวทีดังกล่าวนี้ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการปฏิรูปต่างๆ
ขอฝากสื่อมวลชนไปบอกกับนักศึกษากลุ่มนั้นๆให้เข้ามาร่วมเวทีกันให้มากๆ
ห้ามพูดด่าคสช.-เลิกอัยการศึก
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีความกังวลว่าหากนักศึกษามากันเป็นจำนวนมากจะเกิดความวุ่นวายนั้น ตนยังไม่เห็นว่าจะเกิดความวุ่นวาย เพราะหากมาก็ต้องมาแสดงออกทางความคิดว่าตนเองต้องการการปฏิรูปอย่างไร ก็ขอให้พูดอยู่ในกรอบ แต่ถ้ามาตำหนิการทำงานของรัฐบาลและคสช. รวมถึงเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาพูดอีก เนื่องจากไม่ใช่เรื่องการปฏิรูป
นายกฯลั่นไม่ใช่เป็นเผด็จการ
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีถูกมองว่ากำลังเป็นเผด็จการเกินไปหรือไม่ว่า “เผด็จการตรงไหน ถามว่าคำว่าเผด็จการคือการยึดอำนาจ ผลประโยชน์ การค้า การลงทุนหยุดทั้งหมด เป็นสินทรัพย์ของตัวเองเป็นของผู้นำ ผมทำอะไรสักอันแล้วยัง มีอะไรเป็นของผมหรือยัง สลึงหนึ่งได้สักอย่างไหม แล้วผมก็ต้องมาหงุดหงิดบ้าง อารมณ์เสียบ้าง ต้องมาคำถาม แต่ผมทำเพื่ออะไร เพื่อใครดูเจตนาผมหน่อย อย่ามาบอกผมอย่างนี้ อย่างนั้น ผมไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นแต่ถ้ามันเกิดก็ต้องไปว่ามา”
แย้มไม่ใช่รัฐประหารครั้งสุดท้าย
เมื่อถามว่า ส่วนตัวนายกรัฐมนตรีต้องการให้การรัฐประหารวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมาเป็นการรัฐประหารครั้งสุดท้ายใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าไปสนใจว่า จะรัฐประหาร แต่จะทำอย่างไร ให้ประเทศชาติไม่มีความวุ่นวาย มันก็ไม่มีใครหาเหตุที่จะเข้ามาแก้ปัญหา หรือทำอย่างอื่นได้ ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนเข้ามา เข้ามาได้แต่ต้องทำให้เป็นแบบนี้ ที่มีธรรมาภิบาลไม่ทุจริต โปร่งใส มันมีเผด็จการ 2 อย่าง ลองไปหามาว่าเผด็จการรัฐสภาคืออะไร
คสช.ย้ำใครปลุกระดมต้องโดน
ส่วนพล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่าหากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯสร้างวาทกรรมที่ทำให้เกิดความแตกแยกจะไม่อนุญาตให้ให้เดินทางออกนอกประเทศว่า ความจริงไม่ว่าใครก็ตามที่พูดหรือสร้างวาทกรรมสร้างความแตกแยกทางคสช.ก็มีมาตรการจัดการแตกต่างกันไปเพราะนายกฯมี 2 สถานะคือสถานะที่ทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปให้ได้ และสถานะที่บริหารงานให้เป็นไปตามโรดแมปการปฏิรูปประเทศ ซึ่งการออกมาเคลื่อนไหวรวมถึงปลุกระดมให้ประชาชนออกมาทะเลาะย่อมเป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปแน่นอน
เผยไม่ห้าม”ปู”ไปต่างประเทศ
“อดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ เราต้องให้เกียรติท่าน เราไม่ได้ห้ามไม่ให้ออกนอกประเทศยังสามารถเดินทางไปไหนได้ตามปกติ หากจะเดินทางออกนอกประเทศก็ขออนุญาตคสช.ซึ่งทุกคนทราบดีว่าต้องทำอย่างไร และคสช.ไม่ได้เลือกปฏิบัติกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้นเพราะไม่ว่าใครที่แสดงความเห็นออกมาแล้วมีคนออกมาเคลื่อนไหวคนๆนั้น ต้องรับผิดชอบ”พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
สั่งเหล่าทัพติดตามช่วงปฏิรูป
ขณะที่พ.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ 9/2557 ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมเป็นประธาน ว่า ในช่วงท้ายของการประชุมพล.อ.ประวิตรเน้นย้ำกับหน่วยขึ้นตรงกลาโหม และเหล่าทัพให้มีความพร้อมในการปฏิรูปและตระหนักถึงความสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร เตรียมการช่วยเหลือประชาชนและหน่วยงานต่างๆ ขอให้ติดตามสถานการณ์ รัฐบาลตั้งใจเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินเพื่อลดความขัดแย้ง กองทัพต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาลดความขัดแย้งของคนในชาติ ผลักดันให้เกิดการปฏิรูป สนับสนุนงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติเพื่อให้เกิดความพร้อมในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี