ไม่ให้เพิ่มพยานโกงข้าว
“ปู”หน้าหงาย
สนช.ลุยเปิดคดีถอด9มค.
ปปช.-ทนายโต้กันดุเดือด
“ไทยสปริง”บุกจี้ฟ้องแพ่ง
เรียกค่าเสียหาย”ยิ่งลักษณ์”
นายกฯโดดคุมสอบทุจริต
การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. เป็นประธาน มีวาระพิจารณาเรื่องถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ประกอบมาตรา 64 ของพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 ตามการชี้มูลความผิดของป.ป.ช. กรณีปล่อยปละละเว้นให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าว
“พรเพชร”โต้ไร้อำนาจ-นัดเปิดคดี9มค.
ก่อนเข้าวาระนายพรเพชรชี้แจงกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์โต้แย้งข้อบังคับการประชุม สนช.หมวด 10 ว่าด้วยการถอดถอนระบุสนช.ไม่มีอำนาจนั้น ยืนยันว่าสนช.มีอำนาจถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 และพ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช. จึงจำเป็นต้องตราข้อบังคับการประชุม สนช. 2557 ที่ให้อำนาจสนช.มีอำนาจถอดถอนบุคคลไว้ นอกจากนี้ยังยืนยันว่าการดำเนินการกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เลือกปฎิบัติ และแตกต่างจากคำร้องถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กรณีแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มาส.ว. โดยกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ชี้มูลตามรัฐธรรมนูญปี 2550 และความผิดตามพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน 2534 จากนั้นที่ประชุมลงมติกำหนดวันแถลงเปิดคดี วันที่ 9 มกราคม 2558 เวลา 10.00 น.
ทนายฟ้องสนช.ปปช.เมินหลักฐาน
ต่อมาที่ประชุมพิจารณาคำขอเพิ่มเติมพยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหา โดยนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าชี้แจงว่า หลักฐานที่ขอให้สนช.พิจารณาเพิ่มเติมมี 72 รายการ ที่เคยยื่นต่อป.ป.ช.ไปแล้ว แต่ป.ป.ช.ไม่ได้นำมาพิจารณา จึงต้องการให้สนช.พิจารณาเพิ่มเติม อยากขอความเป็นธรรมให้อดีตนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าคุณธรรมในหัวใจของสนช.จะให้ความเป็นธรรมกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งหลักฐานเพิ่มเติมเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) รายงานของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.)รวมถึงข้อสั่งการของอดีตนายกรัฐมนตรีให้ติดตามเรื่องโครงการจำนำข้าวเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีเวลาใดของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ปล่อยให้เกิดทุจริตในโครงการ
“วิชา”ตอกหน้าหงายยื่นแค่28รายการ
ขณะที่นายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช.กล่าวว่า การที่ทีมทนายความระบุว่า เอกสาร 72 รายการส่งให้ป.ป.ช.แต่ป.ป.ช.ไม่รับพิจารณานั้น ขอยืนยันว่าเอกสารที่ส่งมาทั้งหมด ป.ป.ช.ไม่เคยปฏิเสธการพิจารณา อย่างไรก็ตาม เอกสารที่ทีมทนายความส่งมาให้ป.ป.ช.มีเพียง 28 รายการเท่านั้น ไม่ใช่ 72 รายการได้แก่ รายการที่ 1-25 เรื่องคำสั่งของสำนักนายกรัฐมนตรี รายการที่ 31และ 40 เรื่องผลประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และรายการที่72 เรื่อง เอกสารหลักเกณฑ์การคิดค่าเปลี่ยนแปลงสภาพข้าวหรือค่าเสื่อมราคาข้าวตามคำให้การของนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรมว.พาณิชย์ ส่วนเอกสารอีก 44 รายการ ไม่เคยยื่นต่อป.ป.ช.เลย
ด้านนายนรวิชญ์ชี้แจงกลับว่า เอกสาร 28 รายการที่ป.ป.ช.ระบุว่ายื่นต่อป.ป.ช.แล้ว แต่ในความจริงกลับไม่มีการนำมาพิจารณาอยู่ในสำนวน ส่วนอีก 44 รายการ ได้แก่ รายการที่ 26-30 รายการที่ 32-38 และรายการที่ 41-71 นั้น ยอมรับว่ายังไม่ได้ยื่น เนื่องจากเอกสารบางส่วนรวมอยู่ในคำชี้แจงของอดีตนายกรัฐมนตรีแล้ว และบางส่วนถูกป.ป.ช.ปฏิเสธการสอบปากคำพยานบุคคล เช่น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และนายสมชาติ สร้อยทอง อดีตอธิบดีกรมการค้าภายใน ทำให้เอกสารเหล่านี้ไม่ถูกนำมาพิจารณา ดังนั้น ทีมทนายต้องการให้สนช.นำหลักฐานเหล่านี้มาพิจารณาเพิ่มเติม ทำให้นายวิชาตอบโต้กลับว่า การตัดพยานบุคคลเช่น ร.ต.อ.เฉลิมทิ้งเพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องสอบปากคำ แต่ไม่ได้ปิดโอกาสให้ทีมทนายความยื่นเอกสารเพิ่มเติม แต่เอกสารทั้ง 44 รายการ เมื่อไม่ได้ยื่นมาป.ป.ช.ก็ไม่สามารถพิจารณาให้ได้
“ปู”ชวดมติสนช.ไม่รับหลักฐานเพิ่ม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังชี้แจงเรื่องเอกสารเพิ่มเติมเสร็จแล้ว นายพรเพชรวินิจฉัยว่า ในส่วนพยานเอกสาร 28 รายการที่มีอยู่ในสำนวนป.ป.ช. แต่ป.ป.ช.ไม่ได้นำมาพิจารณาให้นั้น ถือเป็นเอกสารที่สนช.สามารถนำมาพิจารณาเพิ่มเติมให้ได้ ตามข้อบังคับการประชุม สนช.ที่ 155 ส่วนเอกสารอีก 44 รายการ ที่ไม่ได้อยู่ในสำนวนป.ป.ช.ขอให้ที่ประชุมลงมติว่าจะอนุญาตให้สนช.นำหลักฐานทั้ง 44 รายการ มาพิจารณาเพิ่มเติมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม นายนรวิชญ์ขอให้นายพรเพชรนำเอกสาร 28 รายการที่วินิจฉัยอนุญาตให้นำมาพิจารณาเพิ่มเติมด้วย มาให้ที่ประชุม สนช.ลงมติรวมด้วยว่าจะอนุญาตให้นำเอกสารทั้งหมดมาพิจารณาเพิ่มเติมหรือไม่
ภายหลังลงมติ ที่ประชุม สนช.ไม่อนุญาตให้เพิ่มเอกสารทั้ง 72 รายการ ตามที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ร้องขอมา จากนั้น นายพรเพชรแจ้งที่ประชุมว่า หากสมาชิก สนช.ต้องการยื่นข้อซักถามต่อคู่กรณีให้มายื่นข้อซักถามได้ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน-วันที่ 8 มกราคม 2558 ก่อนสั่งปิดประชุมเวลา 12.40 น.
มั่นใจสนช.นำหลักฐานมาพิจารณา
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวหลังเข้าชี้แจงที่ประชุม สนช.ว่า ทีมทนายความทำดีที่สุดแล้ว แม้ที่ประชุมจะไม่อนุญาตให้เพิ่มพยาน แต่ถือว่าที่ประชุมรับทราบว่ามีเอกสารพยานหลักฐานทั้งหมดอยู่ในสำนวน เพียงแต่ป.ป.ช.ไม่นำขึ้นมาพิจารณา ซึ่ง ประธาน สนช.ระบุว่าเมื่อเอกสารอยู่ในสำนวนป.ป.ช.แล้ว สนช.ก็ยืนยันว่าเอกสารพยานหลักฐานจะถูกนำขึ้นมาพิจารณาแน่นอน ทำให้ตนมั่นใจ ส่วนวันแถลงเปิดคดีวันที่ 9 มกราคม 2558นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์จะชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่ต้องหารือกันอีกครั้ง
เมินไทยสปริงจี้ใช้หนี้จำนำข้าว
ส่วนที่นักวิชาการคณะนิติศาสตร์นำโดย นายแก้วสรร อติโพธิ ทำจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดผู้ที่มีส่วนกระทำการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และให้ชดใช้เงินค่าเสียหาย 5.1 แสนล้านบาทนั้น นายนรวิชญ์กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ตามหลักกฎหมายไม่สามารถเอาผิดย้อนหลังได้
ยื่นสนช.บี้นายกฯฟ้องแพ่งรบ.ปู
วันเดียวกัน นายแก้วสรร อติโพธิ ตัวแทนกลุ่มไทยสปริง เข้ายื่นหนังสือต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขอให้ติดตามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายจากผู้เกี่ยวข้องการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ โดยนายแก้วสรรระบุว่า ในความรับผิดชอบทางแพ่ง นายกรัฐมนตรียังมีหน้าที่ต้องตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ และรัฐมนตรีทั้งคณะที่ประมาททำให้เกิดความเสียหาย เพื่อเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
เตือนเมินข้อเสนอระวังถูกสอบ
นายแก้วสรรกล่าวย้ำว่า ทางกลุ่มเปิดเว็บไซด์ให้ประชาชนเข้ามาลงชื่อสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 18 ธันวาคม จากนั้นจะนำรายชื่อทั้งหมดพร้อมจดหมายไปยื่นต่อนายกฯ เพื่อให้รีบฟ้องแพ่งก่อนหมดอายุความ 2 ปี ถ้าปล่อยให้สิ้นอายุความ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องรับผิดชอบและต้องถูกป.ป.ช.สอบสวน
“ถ้านายกฯอยากติดคุก อยากรับผิดแทนก็เชิญอยู่เฉยๆ วันนี้เรามาบอกสนช.เพื่อให้ไปบอกกับนายกฯว่ารู้หน้าที่นี้หรือไม่ ยืนยันว่าเราไม่ได้เจตนาก่อความบาดหมาง และจะไม่มีการรณรงค์ทางกายภาพจนเกิดความไม่สงบด้วย”นายแก้วสรรกล่าว
“ยรรยง”เปิดหนังสือ”ฟังชาวนาบ้าง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ เปิดตัวหนังสือ “ฟังชาวนาบ้าง” เพื่อสะท้อนความรู้สึกชาวนาไทย หลังถูกปิดโครงการรับจำนำข้าว โดยระบุตอนหนึ่งว่า หนังสือเล่มนี้สะท้อนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับชาวนา ปัญหาและอุปสรรคของชาวนาไทยที่ได้รับความเดือดร้อน รวมถึงนโยบายและมาตรการสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โครงการนี้ทำให้ชาวนาลืมตา อ้าปากได้
ร้องสอบ“ปู-ปุ้ม”ปมโรดโชว์ฯ
วันเดียวกัน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองโฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่าย ปี 2556-2557 เข้ายื่นหนังสือต่อนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการ Road show สร้างอนาคตประเทศไทย 2020 ของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งนายสุรนันท์ เวชชาชีวะ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
โดยนายวัชระตั้งข้อสังเกตถึงกระบวนการดำเนินงานและการใช้งบดังกล่าวว่า เป็นการว่าจ้างโดยใช้วิธีพิเศษไม่เปิดให้แข่งขันราคาอย่างเปิดเผยและเป็นธรรม ไม่เปิดเผยราคากลาง และเหตุใดการลงนามอนุมัติงบประมาณที่มีจำนวนเงินสูงกว่า 100 ล้านบาท สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจึงมอบหมายให้ข้าราชการตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานลงนามแทนเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
สั่งยธ.ตั้งกก.ปราบโกง-ว๊ากอย่าจับผิด
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตว่า ให้กระทรวงยุติธรรมไปดำเนินการแล้ว อย่ามาคอยจับผิด
ตนเห็นใจทุกฝ่าย ก็ไม่รู้ว่าใครจะผิดจะถูกก็เลยเละจนถึงวันนี้ แต่ถามว่าถ้าจะมีคนที่ทุจริต ตนจะรู้ได้อย่างไร มีโครงการตั้งกี่ล้านโครงการดูไม่ทั่วถึง ถ้าใครรู้เห็นก็แจ้งมา อย่าพูดลอยๆ ไม่มีหลักฐานระวังเขาจะฟ้องเอา ไปหาหลักฐานมา หรือไปแจ้งคณะที่มีอำนาจตรวจสอบ จะได้ดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะกรรมการทุจริตชุดดังกล่าวนายกฯจะนั่งเป็นประธานเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสวนขึ้นมาทันทีว่า เป็นสิ พูดไปแล้วไง ไม่ว่าตนจะเป็นหรือไม่เป็นก็รับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะตนเป็นนายกฯ ทุกเรื่องมาลงที่ตนหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี