ที่ประชุมสนช.รับร่างพรบ.หอพัก ป้องกันท้องก่อนแต่ง-ยาเสพติด
วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557, 17.32 น.
Tag :
18 ธ.ค. 57 ที่อาคารรัฐสภา การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ครั้งที่ 30/2557 โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รอง ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานดำเนินการในการประชุม ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.หอพัก พ.ศ. ............ โดยมี พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นผู้ชี้แจง ระบุว่า โดยที่กฎหมายเกี่ยวกับหอพักได้ใช้บังคับมาตั้งแต่ปี 2507 ซึ่งสาระสำคัญและรายละเอียดเกี่ยวกับการประกอบกิจการหอพักไม่เหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบัน สมควรกำหนดแนวทางและวิธีการในการกำกับดูแลการประกอบกิจการหอพักให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชนที่อยู่ระหว่างการศึกษา ประกอบกับแผนปฏิบัติการกำหนดขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตาม พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 กำหนดให้โอนอำนาจในการกำกับดูแลการประกอบกิจการหอพักให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว มีเนื้อหาสำคัญคือ กำหนดให้หอพัก หมายความว่า สถานที่ที่รับเฉพาะผู้พักตามพระราชบัญญัตินี้เข้าพักอาศัยโดยมีการเรียกเก็บค่าเช่า โดยผู้พักได้แก่ ผู้ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาในสถานศึกษาทั้งของรัฐและของเอกชนที่จัดการศึกษาในระบบตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติในระดับไม่สูงกว่าปริญญาตรีและอายุไม่เกิน 25 ปีหอพักที่อยู่ภายใต้บังคับแห่งร่างพระราชบัญญัตินี้ คือ หอพักสถานศึกษาซึ่งได้แก่ หอพักที่ผู้ประกอบกิจการหอพักเป็นสถานศึกษา และหอพักเอกชนซึ่งได้แก่ หอพักที่ผู้ประกอบกิจการเป็นบุคคลทั่วไป โดยกำหนดให้หอพักมี 2 ประเภท คือ หอพักชายและหอพักหญิง เพื่อป้องกันมิให้มีการปะปนกันระหว่างผู้พักชายและผู้พักหญิง ทั้งนี้ ไม่ได้ตัดสิทธิผู้ประกอบกิจการหอพักที่จะสร้างหอพักชายและหอพักหญิงอยู่ในบริเวณเดียวกันแต่ต้องแยกอาคารและใบอนุญาตประกอบกิจการหอพักออกจากกัน
ส่วนหลักเกณฑ์การรับผู้พักนั้น หอพักสถานศึกษาสามารถรับผู้พักซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานหรือระดับอุดมศึกษาได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าผู้พักจะศึกษาอยู่ในสถานศึกษานั้นหรือไม่ก็ตาม รวมทั้งได้กำหนดข้อยกเว้นให้หอพักสถานศึกษาสามารถรับบุคคลทั่วไปเข้าพักเป็นการชั่วคราวได้ในระหว่างปิดภาคการศึกษาที่ไม่มีผู้พัก ส่วนหอพักเอกชนกำหนดให้รับผู้พักได้เฉพาะผู้ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เนื่องจากผู้พักดังกล่าวสามารถดูแลตนเองได้พอสมควร กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการหอพักต้องทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือระหว่างผู้ประกอบกิจการหอพักและผู้พักตามแบบที่คณะกรรมการส่งเสริมกิจการหอพักกำหนด เพื่อให้สัญญาเช่าหอพักมีมาตรฐานเดียวกัน โดยมีการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินค่าเช่าล่วงหน้าและเงินประกันไว้ในกฎหมายให้ชัดเจนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างผู้ประกอบกิจการหอพักและผู้พัก
นอกจากนี้ กำหนดให้ผู้ประสงค์จะประกอบกิจการหอพักสถานศึกษาและหอพักเอกชนต้องขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการหอพักจากนายทะเบียน คือผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้งในเขตพื้นที่ที่หอพักตั้งอยู่ โดยได้กำหนดให้บรรดาค่าธรรมเนียม ค่าปรับ และรายได้อื่น ๆ เกี่ยวกับการประกอบกิจการหอพักตามพระราชบัญญัตินี้ ตกเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกำหนดให้ใบอนุญาตประกอบกิจการหอพักสถานศึกษาใช้ได้ตลอดไปโดยไม่มีอายุ แต่จะสิ้นผลเมื่อผู้ประกอบกิจการหอพักถูกเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสถานศึกษาหรือเลิกกิจการ แล้วแต่กรณี และในกรณีผู้ประกอบกิจการหอพักดังกล่าวประสงค์จะประกอบกิจการหอพักต่อไป ให้ดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตเป็นหอพักเอกชน สำหรับใบอนุญาตประกอบกิจการหอพักเอกชนให้มีอายุห้าปีนับแต่วันที่ออกใบอนุญาต และกำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนในการพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาตประกอบกิจการหอพักของนายทะเบียนไว้ เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดแก่ผู้พัก โดยกำหนดเหตุที่จะเพิกถอนใบอนุญาตไว้เพียง 2 กรณีคือ หอพักไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงเกี่ยวกับการอนุญาตให้ประกอบกิจการหอพัก หรือ ผู้ประกอบกิจการหอพักขาดคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดไว้
จากนั้น นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิก สนช. ได้อภิปรายว่า กฎหมายเกี่ยวกับหอพักมีการบังคับใช้เป็นเวลานาน 50 ปี ซึ่งกฎหมายฉบับนี้เป็นการแก้ไขปัญหาของหอพักที่มีอยู่ เช่น หอพักเถื่อนที่ไม่ได้จดทะเบียนตามกฎหมาย หอพักที่ปล่อยให้มีการปะปนระหว่างชาย - หญิง หรือแรงงานต่างชาติ บางหอพักที่อยู่ในระหว่างปิดภาคการศึกษา ได้เปิดเป็นโรงแรมชั่วคราว ทำให้ชายหญิงที่เป็นคู่รักได้ใช้ห้องพักดังกล่าวในการมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งในเวลาค่ำคืนมีประชาชนใกล้เคียงได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่า ผู้ที่เข้าพักได้มีการมั่วสุมดื่มสุรา ดังนั้น ขอให้มีการพิจารณาให้รอบคอบ เพื่ออุดช่องโหว่ในปัญหาดังกล่าว และควรแก้ไขอำนาจคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองเด็กในระดับจังหวัด เพื่อรองรับบทบัญญัติในกฎหมายดังกล่าว ต่อมา นายกิตติชัย ไตรรัตนศิริชัย สมาชิก สนช. กล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการหอพักในสถานศึกษามีการดำเนินงานหลายแบบ เช่น มหาวิทยาลัยลงทุนและบริหารเอง มหาวิทยาลัยลงทุนแต่ให้เอกชนดำเนินการ หรือแม้แต่ภาคเอกชนลงทุนเองแต่อยู่ภายใต้กำกับของรัฐ ดังนั้น กฎหมายนี้จะครอบคลุมบรรดาหอพักที่ตนกล่าวมาแล้วหรือไม่ และเห็นว่า หอพักเอกชนที่อยู่รอบๆ สถานศึกษา ไม่มีการจัดพื้นที่ให้เหมาะสม ทำให้เกิดปัญหาการจราจรเนื่องจากว่า พื้นที่ของหอไม่สามารถรองรับรถยนต์ของผู้เข้าพักเป็นจำนวนมากได้ ดังนั้น ควรจะกำหนดพื้นที่ให้เหมาะสม รวมทั้งเสนอให้หอพักเอกชน ควรมีพื้นที่ส่วนกลางในการแลกเปลี่ยนเพื่อการเรียนรู้ ทางด้าน ศ. น.พ. ภิรมย์ กมลรัตนกุล สมาชิก สนช. ระบุว่า กฎหมายดังกล่าว ระบุว่า ผู้พักในหอพักตามร่างกฎหมายนี้คือผู้ที่มีการศึกษาต่ำกว่าหรือเทียบเท่าระดับปริญญาตรี ซึ่งมีอายุไม่เกิน 25 ปี นั้น ตนเห็นว่า ในหลายๆมหาวิทยาลัยได้กำหนดให้มีหอพักระดับปริญญาโทและปริญญาเอกอยู่ในพื้นที่เดียวกัน ดังนั้น อาจจะมีปัญหาในเชิงปฏิบัติ นอกจากนี้ ในร่างกฎหมายควรกำหนดให้เอาวัตถุประสงค์ในการดำเนินการมาเป็นเกณฑ์ในการแยกหอพักนักศึกษาออกจากหอพักทั่วไป มากกว่า จะใช้เกณฑ์ความเป็นเจ้าของตามร่างกฎหมาย อีกทั้งหอพักหลายหอก็ใช้วิธีการแยกชายหญิงเป็นโซนนิ่งออกจากกัน ซึ่งอาจจะผิดกฎหมาย ดังนั้น ตนเห็นว่าหากจะมีการแก้ไขในร่างกฎหมาย ควรจะแก้ไขให้เหมาะสมด้วย
หลังจากนั้น ทาง พล.ต.อ.อดุลย์ ได้ชี้แจงว่า ในปัจจุบันนี้ มีหอพักจำนวนทั้งสิ้นกว่า 50,000 แห่ง แต่มีหอพักที่มีการจดทะเบียนตามกฎหมายเพียง 12,000 แห่งเท่านั้น ซึ่งร่างกฎหมายฉบับนี้ เป็นการออกกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาผู้ประกอบการที่หลีกเลี่ยงกฎหมาย และจัดระบบเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร และปัญหามั่วสุมยาเสพติดในหอพักด้วย
ต่อมา ที่ประชุมได้ลงมติเกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าวผลปรากฏ มีมติเห็นด้วย 172 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 5 เสียง และได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว จำนวน 17 คน โดยมีระยะเวลาแปรญัตติ 7 วันและระยะเวลาทำงานของ กมธ. 30 วัน