'ราเมศ'ค้านเลือกนายกฯโดยตรง 'นิพิฏฐ์'ติงกมธ.ยังขัดแย้งกันเอง
วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557, 19.02 น.
Tag :
18 ธ.ค. 57 นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงภาพรวมการปฏิรูปการเมืองว่า มองดูอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ ตนเห็นว่ายังมีการพูดคุยกันไม่ตรงประเด็นในแต่ละเรื่อง เพราะไม่เข้าใจสภาพปัญหาที่แท้จริง เช่น การเลือกนายกฯโดยตรง ตนมองว่าไม่สามารถใช้กับเมืองไทยได้ ไม่ตรงกับวิถีของประเทศไทย แต่เห็นว่าปัญหาที่ผ่านมา ในอดีตเสียงข้างมากในสภามักจะกล่าวอ้าง 15 ล้านเสียง ดังนั้นต้องยอมรับความจริงว่าอาจจะมีการนำเรื่องนี้ขึ้นมากล่าวอ้างได้อีก โดยเขาอาจจะหยิบยกกรณีนี้ไปเปรียบเทียบได้ แต่อย่างไรก็ตามคงจะต้องไปรอดูในที่ประชุมสมาชิกปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่ามีการอภิปรายอย่างไร เพราะตนเห็นว่าระบบรัฐสภาของไทยนายกฯต้องมาจากสภา ให้ส.ส.มีการเลือก แต่ตอนนี้ในส่วนของพระประชาธิปัตย์ยังห้ามประชุมอยู่ เราจึงไม่ได้หยิบยกขึ้นมาหารือกัน แต่เชื่อว่าความเห็นของคนในพรรคคงไม่แตกต่างกันมากนักในเรื่องของภาพรวม ซึ่งอาจจะเห็นตรงกันคือไม่เห็นด้วยกับการเลือกนายกฯโดยตรง ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องท้าทายความกล้าหาญของ สปช.ว่าจะอภิปรายความเห็นที่แท้จริงออกมาหรือไม่
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าความคิดเห็นของกมธ.แต่ละคณะยังขัดแย้งกันเองในเรื่องของระบบเลือกตั้ง ระบบการสรรหาองค์กรอิสระ หรือเรื่องการแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ทั้งนี้ตนเห็นว่าพื้นฐานความรู้ของกมธ.แต่ละชุดแตกต่างกัน ประสบการณ์ก็แตกต่างกัน จึงทำให้เกิดความไม่เป็นเอกภาพจำนวนมาก แต่ส่วนหนึ่งที่เห็นคือ หลายคนยังมีความคิดฝังใจว่า ระบบบ้านเมืองมีปัญหาเพราะการเมืองมีปัญหา มีการทุจริต ซื้อเสียง มองการเมืองแบบมีอคติ ทุกคนเห็นตรงกันว่าต้องปฏิรูปนักการเมืองทั้งๆที่ความจริงแล้ว เรื่องนี้เป็นเพียงหนึ่งในระบบการเมืองการปกครอง ซึ่งไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ตนคิดว่าหากจะมีการปฏิรูปก็ควรที่จะต้องมาปฏิรูปเรื่องพื้นฐานความรู้ของประชาชน ความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตย ระบบยุติธรรม ความเหลื่อมล้ำของรายได้ เศรษฐกิจ ตนยังไม่เห็นประเด็นไหนที่พูดมานี้ว่าจะมีการปฏิรูปอย่างจริงจัง เพราะฉะนั้นโอกาสที่จะมีการเปลี่ยนแปลงก็คงจะยากอยู่พอสมควร ความจริงแล้วตนอยากให้ปฏิรูปวัฒนธรรม ประชาธิปไตย ในการอยู่ร่วมกันของระบอบประชาธิปไตย เพราะก่อนหรือหลังการยึดอำนาจคนที่ไปลงเลือกตั้งก็เป็นคนกลุ่มเดิม และคนที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งก็ยังเป็นกลุ่มเดิมกลุ่มเดียวกัน ที่ยังไม่มีการปฏิรูปอย่างจริงจัง ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า รธน.ปี 2540 หรือ ปี 2550 เป็นรธน.ที่หลายฝ่ายยอมรับได้ ดังนั้นจะทำอย่างไรให้รธน.ปี 2557 ยึดโยงและหลายฝ่ายยอมรับได้ในเรื่องของหลักถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงเข้ามาใช้