19 ธ.ค.57 ที่โรงแรมโนโวเทล รีสอร์ท จ.ภูเก็ต นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงข้อเสนอของหลายฝ่าย ที่ต้องการให้กระทรวงมหาดไทย จัดการเลือกตั้งแทน กกต.ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ให้การจัดการเลือกตั้งไปอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย เพราะหากให้กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้ง ข้าราชการประจำก็จะอยู่ภายใต้สังกัดการเมือง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเกรงใจ หรือการกระทำที่เอื้อประโยชน์ของฝ่ายการเมือง
ดังนั้น การจัดการเลือกตั้งจะต้องอยู่ในกำกับดูแลขององค์กรอิสระที่ไม่ขึ้นกับฝ่ายการเมืองใด ไม่เช่นนั้นจะทำให้เกิดความบริสุทธิ์และเที่ยงธรรมไม่ได้ และมองว่าการที่ให้กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้ง คิดว่าเป็นข้อเสนอที่ค่อนข้างถอยหลัง กลับไปสู่ยุคเดิมๆ เพราะความรู้ความเชี่ยวชาญจัดการเลือกตั้ง กกต.มีมากกว่ากระทรวงมหาดไทย เนื่องจากตอนที่กระทรวงมหาดไทยจัดรูปแบบการจัดการเลือกตั้งยังไม่ซับซ้อน หน่วยเลือกตั้งต่างๆ ก็ยังไม่มีมากมาย ปัญหาก็ยังไม่มีมากมายอย่างในปัจจุบัน กกต.สั่งสมประสบการณ์จัดการเลือกตั้งมาถึง 16 ปี ก็สมควรจัดการเลือกตั้งมากกว่ากระทรวงมหาดไทย
ส่วนข้อเสนอที่ให้มีศาลเลือกตั้ง รวมถึงการให้ใบเหลืองใบแดงไปอยู่ที่ศาลนั้น ตนก็ไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าคดีเลือกตั้งไม่ใช่คดีที่เอาเรื่องของข้อเท็จจริง หรือข้อกฎหมายมาตัดสินว่าใครถูกใครผิด การตัดสินโดยศาลสิ่งที่เกิดขึ้นจะต้องมีการหาหลักฐานมายืนยันว่ากระทำความผิด เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายมาต่อสู้เพื่อให้เกิดความยุติธรรม และการตัดสินจะตัดสินภายใต้กรอบกฎหมายที่มีอยู่ ซึ่งไม่สอดคล้องกับคดีเลือกตั้ง เพราะคดีเลือกตั้งการหาหลักฐานที่ชัดเจนว่าใครทำอะไรมันไม่ง่าย เพราะประชาชนที่เป็นผู้ร้องกับฝ่ายที่เป็นนักการเมืองสถานะไม่เท่าเทียมกัน อาจมีการใช้อำนาจอิทธิพล ตำแหน่งทางการเมืองมาข่มขู่พยาน ทำให้พยานเกรงกลัว หรือทำให้หลักฐานไม่มีเพียงพอให้ศาลตัดสินว่าถูกหรือผิดได้ค่อนข้างมาก
"ถ้าเรามองเฉพาะกรอบกฎหมายคิดว่าไม่เหมาะ เพราะนักการเมืองสามารถมองช่องว่างของกฎหมาย และหาทางเอาเปรียบภายใต้ข้อกฎหมายที่เอื้ออำนวยได้ หลายเรื่องที่ กกต.ตัดสินให้ใบแดง แต่พอไปถึงศาลกลับยกคำร้อง เพราะขอบข่ายความผิดทางกฎหมายไม่เกิดขึ้น วิธีคิดของ กกต.กับศาลต่างกัน แค่หลักฐานที่พอเชื่อได้ว่าทุจริตก็สามารถให้ใบแดงได้ แต่ถ้าศาลตัดสินให้ใบเหลืองใบแดง ท้ายสุดตกอยู่ภายใต้กับดักของกฎหมาย และเป็นที่พึงปรารถนาของฝ่ายการเมืองด้วยซ้ำ อีกทั้งมองว่า หากปล่อยให้สำนวนไปอยู่ที่ศาลก็จะทำให้คดีเกิดความล่าช้า พยานหลักฐานหายหรือพยานอาจถูกข่มขู่ให้กลับคำให้การได้" นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาการทุจริตการเลือกตั้งให้ได้ผลนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือ 5 ฝ่าย หรือเบญจภาคี ดังนี้ 1.กฎหมายเลือกตั้งต้องรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมือง และรู้ทันช่องว่างของกฎหมายที่ฝ่ายการเมืองใช้หาประโยชน์ 2.กกต.ทุกระดับต้องสร้างความไว้วางใจในการจัดการเลือกตั้ง โดยต้องมีการกลั่นกรองบุคคลที่จะเข้ามาเป็น กกต.ทุกระดับให้ได้รับการยอมรับ 3.ประชาชนต้องตื่นรู้และเอาจริงเอาจังกับการมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสการทุจริตเลือกตั้ง การซื้อเสียง เพื่อให้เกิดความสำเร็จในการจัดเลือกตั้ง 4.พรรคการเมืองจะต้องคัดกรองคนที่เหมาะสมมาเป็นผู้สมัคร และต้องกำกับนักการเมืองของพรรคไม่ให้มีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และ 5.ภาคประชาสังคมทั้งภาคเอกชน มูลนิธิต่างๆ ต้องมีความเข้มแข็ง ซึ่งก็จะทำให้ประชาชนมีความตื่นตัวไปด้วย
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ขณะที่ข้อเสนอให้ยุบ กกต.จังหวัดนั้น ตนไม่เห็นด้วย ควรให้มีอยู่ไว้เช่นเดิม แต่ต้องมีการออกแบบและปรับโครงสร้างที่มา และสัดส่วนของ กกต.จังหวัด ให้มีความเหมาะสม ความรู้ความสามารถ หลากหลาย โดยองค์ประกอบของผู้ที่มาดำรงตำแหน่ง กกต.จังหวัดนั้น ควรเป็นคนที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมหนึ่งคน มีความรู้ด้านการจัดการเลือกตั้งหนึ่งคน รู้ระเบียบบริหาร และการใช้อำนาจรัฐ หนึ่งคน มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับภาคประชาสังคมและการมีส่วนร่วมหนึ่งคน และมีความรู้เรื่องการเมืองระดับชาติอีกหนึ่งคน รวมทั้งหมด 5 คน แต่หากจะให้มีการเลือกตั้ง กกต.จังหวัดทั่วประเทศต้องมีการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด โดยต้องมีกระบวนการสรรหา คัดกรองกันใหม่ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น และไม่ให้ กกต.จังหวัด ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของฝ่ายการเมือง
"หากอนาคตมีการจัดการเลือกตั้งมองว่าควรให้ กกต.ชุดปัจจุบันเป็นผู้ที่หน้าที่จัดการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และมีความรู้เกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง หากมีการตั้ง กกต.ชุดใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งทันที อาจจะไม่เป็นผลดีต่อประเทศ เพราะยังไม่มีประสบการณ์ ไม่รู้ระบบการเมืองในปัจจุบัน ไม่รู้เท่าทันนักการเมือง แต่ท้ายขึ้นอยู่กับฝ่ายที่มีหน้าที่ออกแบบรัฐธรรมนูญว่าจะกำหนดอย่างไร" นายสมชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี