19 ธ.ค. 57 เมื่อเวลา 13.00 น. ห้องประชุม กมธ. หมายเลข 213 - 216 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 2 ได้มีการจัดพิธีส่งมอบรายงานสรุปความคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ต่อคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สปช. สนช. เข้าร่วมพิธีดังกล่าว โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น
นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ ได้กล่าวในงานว่า ในวันนี้ทางสมาชิก สปช. ทุกคนมีความปิติเป็นอย่างมาก ที่ก้าวแรกตามบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญฯ ชั่วคราว ปี 2557 ที่จะต้องมีหน้าที่รวบรวมความเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อบรรจุในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ต้องให้เสร็จใน 60 วัน นับตั้งแต่การประชุมฯ ครั้งแรก ซึ่งความเห็นทั้งหมดนั้น ก็ได้มีความร่วมมือกันที่จะรวบรวมความคิดเห็น จากสมาชิก สปช. ผู้ทรงคุณวุฒิ และข้อเสนอแนะที่ได้มีการทยอยส่งจากภาคประชาชน ทุกกลุ่ม ทุกอาชีพอย่างกว้างขวาง หลังจากนั้น ทางคณะกรรมาธิการของ สปช. ทั้ง 18 คณะ ได้รวบรวมข้อเสนอ เพื่อให้สมาชิกอภิปรายและพิจารณาร่วมกัน ระหว่างวันที่ 15 - 17 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่งข้อเสนอทั้งหมดได้มีการกลั่นกรองเรียบร้อยแล้ว จึงได้มีการนำเสนอต่อคณะกรรมาธิการยกร่างฯ เพื่อที่จะบรรจุไว้ในร่างรัฐธรรมนูญต่อไป โดยจากนี้ไป ภารกิจของ สปช. จะยังคงเดินหน้าต่อไป โดยนำข้อเสนอต่างๆ ที่มีอยู่แล้วมาต่อยอด โดยจะแบ่งเป็น การปฏิรูปที่ไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมาย ซึ่งเริ่มต้นจัดทำได้เลย การปฏิรูปที่จำเป็นต้องออกกฎหมายหรือแก้ไขกฎหมาย และการปฏิรูปเชิงระบบโครงสร้างระยะยาว ที่อาจทำได้ไม่แล้วเสร็จในระยะเวลาหนึ่งปี แต่สิ่งที่น่าจะทำได้ทัน คือการวางกรองและแนวทางให้กับการปฏิรูป
"ผมเห็นว่า ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะถือว่าเป็นความท้าทายว่า ข้อเสนอต่างๆ จะผ่านหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้ ถึงแม้ว่าจะถอนหายใจเนื่องจากความโล่งใจแล้ว แต่หลังจากนี้ จะเป็นการกลั้นใจ เพื่อกำลังจะเดินไปข้างหน้า ดังนั้นหลังจากที่ผ่าน 60 วันในการเสนอแล้ว ก็จะก้าวไปสู่การนำเสนอเพื่อการปฏิรูปประเทศต่อไป" นายเทียนฉายกล่าว
ต่อมา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวว่า ตามมาตรา 34 ของรัฐธรรมนูญฯ ฉบับชั่วคราวปี 2557 ที่บัญญัติว่า ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญนำความเห็นหรือข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติ ความเห็นของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คณะรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และความเห็นของประชาชน รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณาด้วย นั้น ทาง สนช. ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 34 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ทำหน้าที่รวบรวมความเห็น ส่งไปยัง กมธ.ยกร่างฯ ซึ่งในการประชุม สนช. เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา สมาชิกได้มีมติเห็นชอบรายงานของคณะกมธ. ดังกล่าว ซึ่งในรายงานฉบับนี้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ข้อเสนอของคณะ กมธ. ของ สนช. จำนวน 17 คณะ ข้อเสนอความเห็นของสมาชิก สนช. และข้อเสนอที่จำแนกตามกรอบที่คณะกมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญกำหนดเอาไว้ด้วย
ทางด้าน นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้กล่าวภายหลังจากที่ทางประธานทั้งสองสภา ได้ส่งรายงานความเห็นฯ เพื่อประกอบการยกร่างฯ แล้วว่า ตนขอขอบคุณ ประธาน สปช. และประธาน สนช. ที่ได้กรุณาส่งมอบข้อเสนอแนะในการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งทุกคนทราบดีว่า กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นกรรมาธิการที่เป็นอิสระ ไม่อยู่ภายใต้หน่วยงานใด แต่การดำเนินการทั้งหมดมีความเกี่ยวพันกับทุกหน่วยงาน ซึ่งตัดขาดจากกันไม่ได้ ดังนั้น ทางคณะ กมธ.ยกร่างฯ จึงต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ดังนั้น ทางคณะ กมธ. ขอขอบคุณทุกคนที่มาให้ความคิดเห็น ซึ่งยังสามารถให้ความคิดเห็นได้จนถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ต้องจัดทำร่างฯ ให้แล้วเสร็จ เพื่อเสนอให้ สปช.ลงมติว่าจะรับร่างฯ หรือไม่
"ผมขอบคุณประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ และประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ได้ส่งมอบความเห็นและข้อเสนอแนะการยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งผมยืนยันว่า ไม่มีพิมพ์เขียว มีแต่พิมพ์ชมพู ซึ่งก็คือหน้าปกข้อเสนอของ สปช.และ สนช. ที่ส่งมอบมาในวันนี้ ประกอบกับการรับฟังความเห็นของประชาชนก่อนหน้านี้ จากการดำเนินการโดยกระทรวงกลาโหม และสำนักงานเลขาธิการรัฐสภา และพร้อมเปิดรับข้อเสนอไปจนกว่าจะร่างเนื้อหาแล้วเสร็จก่อนในวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 โดยพร้อมรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย เพราะการรับฟังความเห็นไม่ใช่พิธีการ แต่สามารถนำมาใช้ได้จริง ซึ่งการร่างเนื้อหาเป็นอำนาจการตัดสินใจของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และการยกร่างรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นจริงตั้งแต่ช่วงปีใหม่" นายบวรศักดิ์กล่าว
หลังจากนั้น ได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยนายเทียนฉาย ระบุว่า หน้าที่ของ สปช.ส่วนหนึ่งที่สำคัญ คือการให้ความเห็นต่อการร่าง รธน. ซึ่งข้อสำคัญที่คู่ขนานไปด้วยกัน นั่นก็คือการปฏิรูปด้านต่างๆ ในสังคมให้ดีขึ้น เพื่อให้ประเทศชาติมีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แม้การปฏิรูปจะเกิดขึ้นแล้ว จะยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมดก็ตาม แต่อย่างน้อยสิ่งที่อยากเห็นเมื่อเกิดการปฏิรูปแล้ว นั่นก็คือจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดและยุติธรรม พูดง่ายๆ ก็คือต้องไม่มีคำว่าสองมาตรฐาน โดยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ก็อาจมองเห็นการปฏิรูปได้ชัดขึ้น ทั้งเรื่องของกระบวนการ และวิธีการปฏิบัติต่างๆ แต่สิ่งที่ยากในการปฏิรูปให้สัมฤทธิ์ผลก็คือ การปฏิรูประบบต่างๆ เช่น การปฏิรูประบบรัฐวิสาหกิจ เพราะต้องใช้เวลาที่จะเห็นผล เป็นต้น ส่วนจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าแนวทางที่ได้เดินร่วมกันมาจะถูกต้อง ตนก็อยากฝากให้ไว้เป็นข้อคิด ว่าจะช่วยกันคิดช่วยกันทำอย่างไร โดยบอกว่า หลังปีใหม่จะมีการตกลงกรอบวิสัยทัศน์ประเทศไทย ที่จะนำประเทศไปสู่ทางที่ดีขึ้นด้วย
"เนื่องในช่วงเวลาเข้าสู่ปีใหม่ ทาง สปช. จะทยอยให้ของขวัญกับประเทศไทยตลอดปีหน้า โดยจะผลักดันการปฏิรูปในประเด็นต่างๆ ซึ่งของขวัญชิ้นแรกจะออกมาในสัปดาห์หน้า" นายเทียนฉาย กล่าว
ทางด้านนายบวรศักดิ์ แถลงว่า หลังรับข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน ก็จะหารือเพื่อตกลงกรอบการยกร่างรัฐธรรมนูญภายในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ จากนั้นจะส่งให้อนุกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ที่มีนางกาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์ เลขานุการคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นประธาน จัดทำประเด็น คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จะลงรายมาตรา ตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2558 เป็นต้นไป โดยกำหนดให้แล้วเสร็จและส่งให้ สปช. พิจารณาในวันที่ 17 เมษายน 2558 ซึ่ง สปช. ครม. และ คสช. สามารถส่งคำขอแก้ไขเพิ่มเติมได้จนถึงวันที่ 23 กรกฎาคม 2558 ซึ่งจะได้ร่างสุดท้ายของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากนั้นในวันที่ 6 สิงหาคม 2558 สปช.จะลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในวันที่ 4 กันยายน 2558 ซึ่งถ้าหากจะให้มีการดำเนินการทำประชามติก็จะทำให้เสียเวลาไปอีก 3 เดือน ส่วนการเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ารับฟังการประชุมของ กมธ.ยกร่าง รธน. นั้น โดยความคิดเห็นส่วนตัวนั้น ตนอยากให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังอยู่แล้ว แต่ก็ยอมรับว่า หากเปิดโอกาสให้สื่อหรือบุคคลภายในนอกเข้ารับฟัง การแสดงความเห็นบางเรื่องอาจจะเปลี่ยนแปลงไป เพราะถือว่ามีสื่อทำข่าวอยู่ ก็อาจได้ความคิดเห็นที่ไม่เป็นความจริง และในบางเรื่องก็ต้องเชิญสื่อออกอยู่ดี เพราะสื่อมวลชนอาจจะเห็นภาพที่ไม่ดีนักในระหว่างการประชุม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี