เร่งสรุปสำนวนเครือข่าย'บิ๊กกิ๊ก' รอผสานปปง.เอาผิดคดีฟอกเงิน
วันเสาร์ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557, 15.16 น.
Tag :
20 ธ.ค. 57 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการติดตามพยานหลักฐานสรุปสำนวนคดีเครือข่าย พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผบช.ก.ว่า สำนวนคดีเกือบทั้งหมดได้ส่งไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ยังคงเหลือสำนวนคดีฟอกเงิน และการตรวจสอบอายัดทรัพย์สินที่เป็นของกลางทั้งพวกของเก่าและไม้แปรรูป เท่านั้น
ส่วนสำนวนคดีความผิดตามมาตรา 112 ในพื้นที่สน.สามเสน และสน.ลาดพร้าวนั้น ขณะนี้สำนวนของสน.สามเสน กรณีการดำเนินคดีน.ส.สุดาทิพย์ ม่วงนวล อายุ 48 ปี ความผิดตามมาตรา 112 ในนามคณะบุคคลน้ำทิพย์ และคณะบุคคลปณสุ แอบอ้างเบื้องสูงในการประมูลกิจการขายผักสด ผักต้ม และน้ำพริกต่างๆ ได้สรุปสำนวนทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว มีแค่การดำเนินคดีกับน.ส.สุดาทิพย์ เพียงคนเดียวเท่านั้น
ด้านสำนวนคดี สน.ลาดพร้าว ขออายัดตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในพื้นที่ สน.พระโขนง 2 ราย โดยมีนายชากานต์ ภาคภูมิ อายุ 34 ปี และนายณัฐพลหรือกอล์ฟ สุวะดี (อัครพงศ์ปรีชา) อายุ 29 ปี แอบอ้างเบื้องสูงยื่นหนังสือ 3 ฉบับ ให้สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เพื่อขอสิทธิ์เข้าสอบเพราะขาดเรียนเกินกำหนดนั้น ที่ภายหลังจากการตรวจสอบแล้วพบว่า ระหว่างที่นายชากานต์ขาดเรียนไปนั้น ได้ไปก่อเหตุแอบอ้างเบื้องสูงบังคับให้ผู้เสียหายให้ลดหนี้สิน 120 ล้านบาท เหลือเพียง 20 ล้านบาท ท้องที่สน.วัดพระยาไกร ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถส่งสำนวนให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พิจารณาได้ภายในสัปดาห์หน้าต่อไป
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ส่วนสำนวนคดีฟอกเงินนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการรอประสานข้อมูลจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) พร้อมกับให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเพิ่ม 2 ราย คือ พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี รองผกก.6 บก.ป. และนายทรงพล ทองสิน รวมถึงผู้ต้องหาที่อีก 3 รายที่เหลือ ก่อเหตุแอบอ้างเบื้องสูงบังคับผู้เสียหายให้ลดหนี้สิน 120 ล้าน เหลือเพียง 20 ล้านบาท ท้องที่สน.วัดพระยาไกร ยังเหลือผู้ต้องหาอีก 1 ราย คือนายนพพร ศุภพิพัฒน์ อายุ 43 ปี ผู้จ้างวาน และก่อเหตุแอบอ้างเบื้องสูงข่มขู่ทางหนี้ผู้เสียหาย 37 ล้านบาท ยังเหลือผู้ต้องหาที่หลบ 2 คน คือนายปรีชา ดาราไตร อายุ 44 ปี ผู้จ้างวาน และนายไพรเชษฐ์ เมธีสริยพงศ์ อายุ 45 ปี เจ้าของอู่รถเมล์ร่วมบริการสาย 8 นั้น หลักฐานที่ยังคงตรวจสอบยังพบว่าอยู่ในประเทศ แต่คาดว่าผู้ต้องหาทั้งหมดน่าจะหลบหนีออกไปนอกประเทศแล้ว ทั้งนี้ ยังไม่มีใครติดต่อขอเข้ามอบตัวแต่อย่างใด
พล.ต.ต.ศรีวราห์ กล่าวอีกว่า ส่วนการทำสำนวนคดีของกลางที่ยึดมาได้ในข้อหาฟอกเงิน ของพ.ต.ท.ทรงรักษ์ นายทรงพลจะเริ่มเมื่อใดนั้น ต้องรอให้ฝ่ายทหารตรวจสอบของกลางที่ยึดมา ร่วมกับกรมศิลปากร กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ก่อน คาดว่าจะทราบผลหลังปีใหม่แน่นอน เพราะกรมศิลปากรต้องนำไปดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เนื่องจากต้องมีการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ให้แน่ชัด ทั้งวิธีการยืนยันทำอย่างไร มีผู้เชี่ยวชาญมายืนยันให้แน่ชัดเกี่ยวกับวัตถุโบราณ มีการจดทะเบียนหรือไม่ รวมถึง ซากสัตว์ป่า งาช้าง ต้องดูให้ละเอียดทั้งหมด เมื่อทั้ง 4หน่วยงานตรวจสอบของกลางเสร็จสิ้นแล้ว ทางบช.น.จึงจะเริ่มทำสำนวนคดีในส่วนนี้ได้ ส่วนสำนวนคดีทางพฤติการณ์ทางบช.นทำอยู่แล้ว ทั้งนี้หลักฐานทางราชการพบว่าผู้ต้องหาทั้ง 2รายยังอยู่ภายในประเทศไทย แต่หลักฐานทางการสืบสวนพบว่าไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว ไม่มีการมาติดต่อมอบตัวจากผู้ต้องหา ส่วนลักษณะการฟอกเงินอยู่ในสำนวนไม่สามารถเปิดเผยได้
ส่วนกรณี ที่มีกระแสข่าวว่า บช.น. ชงสำนวนคดี ม.112 ให้เป็นคดีพิเศษนั้น พล.ต.ต.ศรีวราห์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่มีความคิดเห็น คดีพิเศษต้องรอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) มีความคิดเห็นไม่เกี่ยวกับในส่วนของบช.น. บช.นเพียงแค่ทำงานตามหน้าที่ หากดีเอสไอหรือ ตร. ต้องการให้คดี 112 เป็นคดีพิเศษเป็นเรื่องที่ต้องไปจัดการเอง ระหว่างนี้บช.น.ก็ทำตามหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาต่อไป
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้พบที่ดินที่จ.สมุทรสาคร จำนวน 2 แห่ง แต่ไม่ทราบว่าขนาดที่ดินมีความกว้างเท่าไหร่ หรือมีจำวนกี่ไร่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับพล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ โดยเจ้าของที่ดินใช้ชื่อว่า นายชอบ ไม่ทราบนามสกุล มีความเชื่อมโยงเป็นญาติของพล.ต.ท.พงษ์พัฒน์ ทั้งนี้โดยการพบที่ดินดังกล่าวจะแจ้งให้ทางทหารทราบเพื่อใช้กฎหมายอัยการศึก และส่งปปง.เพื่อทำการตรวจสอบโดยจะนำข้อมูลการตรวจสอบดังกล่าวไปไว้ในสำนวนคดีฟอกเงิน