22 ธ.ค.57 ที่อาคารรัฐสภา นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ แถลงข่าวถึงกรณี ข้อเสนอการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยตรง ที่มีการคัดค้านอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มองว่าการเลือกนายกฯ และ ครม.โดยตรงนั้น เป็นเหมือนกับการให้กำเนิด "ซูเปอร์ประธานาธิบดี" ที่มีอำนาจล้นฟ้า ว่า แนวคิดที่เสนอไปแม้จะเป็นมติของทางเสียงข้างมากในคณะกรรมาธิการฯ แต่ก็ยังมีแนวคิดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งองค์ประกอบของเนื้อหาที่คณะกรรมาธิการฯ นำเสนอไปนั้น ไม่ได้ต้องการให้มีซูเปอร์ประธานาธิบดี ซึ่งการพูดออกมาในลักษณะนี้ ตนมองว่าไม่เป็นธรรมกับคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และเป็นข้อกล่าวหาที่อันตรายมาก ตนขอยืนยันว่า การเลือกตั้งนายกฯ โดยตรงนั้น มีกระบวนการตรวจสอบที่ดีกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะการแยกอำนาจการบริหารจะชัดเจนกว่าที่ผ่านมา ในกรณีเรื่องซุปเปอร์ประธานาธิบดีนั้น ตนยอมรับว่ายังมีความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน เพราะตำแหน่งประธานาธิบดีคือ การเรียกประมุขของประเทศและต้องเป็นหัวหน้ารัฐบาลด้วย ซึ่งประเทศไทยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้น ข้อเสนอการเลือกนายกฯ โดยตรง จึงไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี หรือระบบซุปเปอร์ประธานาธิบดี ตามที่มีนักวิชาการบางคนได้มีการระบุ
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า กรณีที่นายบวรศักดิ์ ได้อภิปรายปิดท้ายการพิจารณาข้อเสนอของ สปช.ที่ได้มีการตั้งคำถามถึงจุดเสี่ยงเกี่ยวกับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ในประเด็นความเสี่ยงเชิงโครงสร้างที่ว่า ครม.ที่มาจากการเลือกตั้งตามข้อเสนอนั้น อาจมีอำนาจมากกว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้ระบบแบ่งแยกอำนาจเด็ดขาด โดยทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ นั้น จะเสนอกฎหมายไม่ได้ เสนองบประมาณไม่ได้ แต่ระบบที่เสนอเป็นระบบแบ่งแยกอำนาจเทียม เพราะห้าม ครม.เป็น ส.ส.และห้ามยุบสภาแต่ให้เสนอกฎหมายได้ ซึ่งเรื่องนี้ นายสมบัติ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะที่ถูกต้องคือ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีอำนาจในการเสนอร่างกฎหมายงบประมาณต่อสภาได้ อีกทั้งกลไกและกระบวนการของการแบ่งแยกอำนาจนั้น จะแตกต่างจากกลไกของระบบรัฐสภา จึงต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า เมื่อยึดหลักแบ่งแยกอำนาจแล้ว ต้องออกแบบเพื่อให้การตรวจสอบเพื่อกำจัดฝ่ายบริหารที่ประพฤติมิชอบให้มีประสิทธิภาพด้วย ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้ เป็นเพียงข้อเสนอที่พูดถึงหลักการ แต่ยังไม่ได้มีการลงไปในรายละเอียด เพราะเวลาในการจัดทำข้อเสนอมีจำกัด ซึ่งข้อเสนอบางอย่างของคณะกรรมาธิการฯ จะถูกวิจารณ์ได้ ซึ่งตนก็เพียงทำหน้าที่ในการเสนอแนะ ส่วนจะกำหนดอยู่ในร่างหรือไม่นั้น ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะพิจารณา
ทั้งนี้ นายสมบัติ ยังกล่าวถึงข้อเสนอของ กมธ.ปฏิรูปการเมือง ในส่วนขององค์กรอิสระ โดยจะมีการนำประเด็นปัญหาที่มีในอดีตมาแก้ไข เช่น กรณีการจัดการเลือกตั้งที่ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งมีข้อพิจารณาคือ ให้อำนาจ กกต.ในการกำหนดวันเลือกตั้งได้เอง โดยไม่ต้องเสนอให้ ครม.พิจารณา นอกจากนั้นแล้วในเรื่องการพิจารณาคดีความที่เกี่ยวข้อง ที่ก่อนหน้านี้ต้องส่งศาลให้พิจารณา แต่ท้ายสุดศาลพิจารณาแล้วมีมติยกฟ้อง อาจมีข้อเสนอแนะในการจัดตั้งศาลเลือกตั้งก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในการแถลงข่าว นายสมบัติได้มีการแจกเอกสารเพื่อประกอบการแถลงข่าว เพื่อตอบคำถามที่นายบวรศักดิ์ ได้อภิปรายปิดท้ายการพิจารณาข้อเสนอของ สปช.เกี่ยวกับจุดเสี่ยงในข้อเสนอดังกล่าว โดยระบุว่า กรณีที่ทางนายบวรศักดิ์ มีความเห็นว่าข้อเสนอของทาง กมธ.ฯจะทำให้มีความขัดแย้งมากขึ้น และจะมีการทุ่มซื้อเสียงอย่างรุนแรง ทาง กมธ.ฯ เห็นว่า ทางออกคือ จะมีการเลือกตั้งแยกออกจากกับการเลือกตั้ง ส.ส.และมีแนวทางไว้ว่า จะมีการเลือกตั้งในรอบที่สอง หากการเลือกตั้งในครั้งแรก ไม่มีพรรคใดได้เสียงเกินครึ่ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะใครทุ่มซื้อเสียงทั้งสองรอบ โดยทาง กมธ.มีแนวคิดว่า การซื้อ ส.ส.เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี ง่ายกว่าการซื้อเสียงโดยตรงทั่วประเทศ ส่วนที่มีการพูดว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นระบบ "ซุปเปอร์ประธานาธิบดี" นั้น ทาง กมธ.เห็นว่า เป็นการใช้ข้อมูลที่ผิดมาสร้างวาทกรรม โดยใช้ศัพท์ทางวิชาการให้ดูน่าเชื่อถือเท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี