วิษณุยันรบ.ไม่ยุ่งรธน.
กั๊กประชามติ
ชี้ใช้เงินเยอะ-เสียเวลา
สมบัติไม่ขัดถูกตีตก
ปมเลือกตรงนายกฯ
ไฟเขียว260ล.ปฏิรูป
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญทั้ง 36 คน ในส่วนของรัฐบาลจะเหมือนกับองค์กรอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พรรคการเมือง สามารถมีข้อเสนอต่างๆได้ แต่รัฐบาลยังไม่จำเป็นต้องเสนอความเห็น ปล่อยให้กมธ.ยกร่างฯ คิดไปสักระยะก่อนจึงค่อยเสนอว่า จะเห็นด้วยหรือไม่ อย่างไร วันนี้กมธ.ยกร่างฯยังไม่ได้ทำอะไร การที่รัฐบาลออกมาพูดตอนนี้จะถือว่าเร็วไป จึงต้องปล่อยให้เห็นหน้าตาแกงส้มอย่างที่ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ เคยกล่าวไว้ เพราะยังมีเวลาอีกมากพอสมควร
‘วิษณุ’เตือนอย่าเหาะเกินลงกา
“เวลานี้ใครอยากพูดอะไรก็สามารถเสนอได้ แต่รัฐบาลเองจะพูดให้น้อยที่สุด ขณะที่หลายคนบอกว่า พวกเขาร้อนวิชา มีการออกมาแสดงความเห็นต่อการยกร่างฯที่หลากหลาย ที่จริงภาษาไทยยังมีอีกคำหนึ่งซึ่งเด็กรุ่นใหม่อาจไม่รู้จัก เก่ากว่าเรือแป๊ะ คือคำว่า เหาะเกินลงกา เพราะเมื่อตอนที่ นางสีดา ถูกจับตัวไป พระรามได้ออกตามหา แต่พระรามกลัวว่า นางสีดา จะไม่รู้ จึงให้หนุมานเอาแหวนไปให้ นางสีดา เมื่อเห็นแหวนจะได้จำได้ หนุมานจึงดีใจเร่าร้อนวิชา ตีลังกาเหาะเหินเดินอากาศปรากฎว่า เหาะจนเลยเมืองลงกา ซึ่งแปลว่าวันนี้อาจมีลักษณะแบบนี้บ้างก็ไม่ว่ากัน แต่อีกหน่อยช่วยดึงกลับมาลงเมืองลงกาให้ได้ ไม่เช่นนั้นนางสีดาจะไม่รู้ การปฏิรูปก็จะไม่สำเร็จ รวมไปถึงการร่างรัฐธรรมนูญก็จะไม่สำเร็จ”นายวิษณุ กล่าว
ต้องรอบคอบทำประชามติรธน.
นายวิษณุ ยังกล่าวถึงการทำประชามติว่า การทำประชามติจะสำคัญหรือไม่ อยู่ที่ว่าจะสามารถตอบโจทย์ได้หรือไม่ว่า ทำไปทำไม การทำประชามติเพื่อให้เกิดการยอมรับ ซึ่งนำไปสู่การผูกมัดอะไรหลายอย่าง ถือเป็นข้อดี แต่เรื่องดังกล่าวก็มีจุดอ่อน เพราะจะทำให้กระบวนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญล่าช้าและต้องใช้เงินมากเท่ากับการจัดเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม หากจะทำประชามติ ต้องสร้างความเข้าใจและอธิบายในทุกมาตรา ไม่เช่นนั้นจะเหมือนกับรัฐธรรมนูญปี2550 ที่ประชาชนไม่เข้าใจ จนเกิดปัญหาถกเถียงกันภายหลัง
สมบัติออกโรงโต้“บวรศักดิ์”
ด้าน นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกรรมาธิการ(กมธ.)ปฏิรูปการเมือง สภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)แถลงชี้แจงกรณี ศ.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่กล่าวผ่านการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ แสดงความกังวลต่อข้อเสนอของคณะกรรมาธิการฯในประเด็นการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีโดยตรง โดยระบุว่า ข้อเสนอของกรรมาธิการฯ ไม่ใช่รูปแบบของระบบประธานาธิบดี เนื่องจากนายฯไม่ถือเป็นประมุขของประเทศและอำนาจนายกรัฐมนตรี รวมถึงคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง ไม่ได้มากไปกว่าประธานาธิบดี หรือ “ซูเปอร์ประธานาธิบดี” ตามข้อสังเกตของ นายบวรศักดิ์ ดังนั้นการอ้างข้อมูลและเทียบเคียงกับระบบประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถือเป็นความเข้าใจผิดและมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูล ซึ่งตนกังวลต่อการตั้งข้อสังเกตของ นายบวรศักดิ์ ที่อาจทำให้สังคมเกิดความสับสนและเกิดความเข้าใจผิดได้
ถ้ากมธ.ยกร่างฯตีตกไม่ว่าอะไร
“ผมยอมรับได้ หาก กมธ.ยกร่างฯไม่ยอมรับข้อเสนอของผม เพราะพูดมาตลอดว่า ผมมีหน้าที่เสนอ ส่วนจะใช้หรือไม่ ไม่ใช่อำนาจของผม หาก อนุกมธ.ใน กมธ.ยกร่างฯมีข้อเสนอเกี่ยวกับระบบเลือกตั้งที่ดีกว่า แล้วผมเห็นว่าดีก็ยินดีจะยกมือสนับสนุน การออกมาชี้แจงครั้งนี้เพื่อจะบอกว่า ข้อเสนอของ กมธ. ปฏิรูปการเมือง ไม่ใช่ระบบประธานาธิบดี ถ้าสู้กันต้องสู้ด้วยสติปัญญา ไม่ใช่การบิดเบือนข้อมูล นี่มันไม่ใช่ ข้อมูลมันไม่ตรง แล้วเราก็ไม่มีโอกาสชี้แจง กลายเป็นประชาชนได้รับข้อมูลข้างเดียว” นายสมบัติ กล่าว
เชิญสื่อไทย-เทศฟังยกร่าง12มค.
ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงความคืบหน้าการทำงานของ กมธ.ยกร่างฯ ว่า ขยายเวลาให้คณะอนุ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญที่มี นางกาญจนรัตน์ ลีวิโรจน์ เลขากมธ.ยกร่างฯ เป็นประธาน เพื่อให้จัดทำให้สมบูรณ์มากขึ้น จนถึงวันที่ 11 มกราคม2558 เมื่อเสร็จแล้วให้นำเสนอสู่การพิจารณาของ กมธ.ยกร่างฯ ในวันที่ 12มกราคม โดยไม่ต้องส่งกลับไปยังคณะอนุกมธ.สารัตถะทั้ง 10คณะพิจารณาอีก
ทั้งนี้ กมธ.ยกร่างฯจะเชิญสื่อมวลชน ทั้งของไทยและต่างประเทศ เข้ารับฟังการพิจารณายกร่างฯ รายมาตรา ตั้งแต่วันที่ 12มกราคมเป็นต้นไป แต่จะมีการยกเว้นในบางภาคบางหมวดที่ประเด็นละเอียดอ่อน โดย กมธ.ยกร่างฯมอบหมายให้ นายมานิจ สุขสมจิตร รองประธาน กมธ.ยกร่างฯคนที่2และนายมีชัย วีระไวทยะ กมธ.ยกร่างฯ ร่วมกันพิจารณากฎเกณฑ์และจะหารือกับสื่อมวลชนอีกครั้ง นอกจากนี้ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ ก็มีความคิดที่จะเชิญทูตานุทูตเข้าร่วมรับฟังการพิจารณาด้วยเช่นกัน
สปช.อนุมัติงบปฏิรูป260ล้าน
ผู้สื่อข่าวรายงาด้วยนว่า นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ได้เห็นชอบการจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายสนับสนุนการปฏิบัติงานของ สปช.และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน 256,184,600,บาท ยแบ่งค่าใช้จ่ายออกเป็น 3ส่วน คือ1.ค่าใช้จ่ายของกรรมาธิการวิสามัญสปช. 24 คณะ 182,400,000บาท แบ่งเป็นคณะละ 7.6ล้านบาท โดยคำนวณค่าจ่ายเฉลี่ยเท่ากันทุกคณะประกอบด้วย รายการค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พักและค่าพาหนะ จำนวน 24,000,000 บาท แบ่งเป็นคณะละ 1ล้านบาท ค่าอาหารเลี้ยงรับรองต่อกรรมาธิการวิสามัญ สปช. จำนวน 86,400,000 แบ่งเป็นคณะละ 3.6ล้านบาท ค่าจ่ายการส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของกรรมาธิการวิสามัญสปช. จำนวน 24,000,000 แบ่งเป็นคณะละ 1ล้าน ค่าใช้จ่ายการสัมมนาของคณะกรรมธิการวิสามัญ สปช.24,000,000ล้านบาท 2.คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 1 คณะ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ได้งบประมาณทั้งสิ้น 50,684,600ล้านบาท ปะกอบด้วย ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก และค่าพาหนะ จำนวน 975,000บาท ค่าอาหารเลี้ยงรับรองกรรมาธิการและคณะอนุฯ 23,709,600บาท ค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมและสนับสนุนการทำงานของกรรมาธิการยกร่างฯ 10,000,000บาท ค่าใช้จ่ายในการสัมมนา 16,000,000 บาท 3.อนุกรรมาธิการวิสามัญประจำ 77จังหวัด รวม 23,100,000บาท แบ่งเป็นจังหวัดละ 3แสนบาท
“ประวิตร”ย้ำต้องเดินตามโรดแมป
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้า คสช.ให้สัมภาษณ์ถึงการทำงานของ คสช.และรัฐบาลว่า ทั้งคสช.และรัฐบาลที่ทำงานมาจนถึงทุกวันนี้ก็ได้ปรับปรุงการทำงานมาตลอด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ได้มอบนโยบายให้ทุกสัปดาห์และมีการตรวจสอบดูแลว่า มีการปรับปรุงแก้ไขสิ่งที่ดำเนินการมาว่า มีการพัฒนาอย่างไร ทั้งนี้ ต้องเห็นใจนายกฯเพราะเหนื่อยยากมาตลอดตั้งแต่วันที่ 22พฤษภาคมที่ผ่านมา
ต่อข้อถามว่า ปี2558จะปรับตำแหน่งครม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เรื่องนี้ต้องสอบถามนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว เพราะนายกฯเป็นผู้ประเมินตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม คสช.และรัฐบาลได้วางโรดแมปและเดินตามแผนงาน ซึ่งการเลือกตั้งปลายปี2558 จะเกิดขึ้นหรือไม่ต้องขึ้นอยู่กับการปฏิรูป แต่ทางคสช.และรัฐบาล เดินตามโรดแมปที่วางไว้อย่างแน่นอนและไม่มีการเปลี่ยนแปลง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี