ขวางนายทุนขุดทอง
ไม่ยอมเซ็นให้สัมปทาน
บีบ”วีระชัย”พ้นสปก.
มีรายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ถึงสาเหตุแท้จริงที่นายวีระชัย นาควิบูลย์วงศ์ เลขาธิการสำนักงานปฎิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) ลาออกก่อนเกษีณยอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ว่า เพราะถูกกดดันอย่างหนัก ในเรื่องการทำงาน โดยเฉพาะกลุ่มคนใกล้ชิดนายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รมว.เกษตรฯที่ต้องการส่งคนของตนเองขึ้นมาเป็นเลขา สปก.เนื่องจากมีเอกชนรายใหญ่เข้ามาวิ่งเต้นที่จะเข้าไปทำเหมืองแร่ทองคำ ที่จ.เพชรบูรณ์ และจ.พิษณุโลก ในพื้นที่สปก.โดยที่ผ่านมา นายวีระชัย ไม่ยินยอมและไม่อนุญาตให้เข้าทำสัมปทานเหมืองแร่ทองคำในพื้นที่สปก.เพราะเกรงจะเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมกระทบกับชาวบ้านเหมือนเหมืองแร่ทองคำ วังสะพุง จ.เลย ที่ยังแก้ปัญหาในพื้นที่อยู่ ซึ่งเห็นว่าหากอนุญาตจะส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมทำให้ประขาชามีการชุมนุมประท้วงต่อต้านกันอีก “ บ.เอกชน จึงได้กดดันผ่านคนใกล้ขิดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯและได้กดดันทุกอย่าง อีกทั้งมีการพยายามผลักดันแก้กฏหมายสปก.เพื่อให้สามารถเปลี่ยนเป็นโฉนดที่ดินได้อีกด้วย ทำให้ นายวีระชัย ขอลาออกในที่สุดเพราะหากมีการแก้กฏหมายสปก.จริงจะสร้างปัญหาผลกระทบวงกว้างต่อพื้นที่สปก.ที่กันไว้เป็นเขตเกษตรกรรมของประเทศ จึงน่าจับตามองหลังจากนี้ว่าสปก.มีการเคลื่อนไหวทำเรื่องนี้ ต่อไปอย่างไร และการแต่งตั้งโยกย้ายของกระทรวงเกษตรฯจะเกิดอีกมากในอนาคตหากไม่ได้พิจารณาในด้านความสามารถและความเหมาะสมเป็นหลักจะเป็นเหมือนสมัยที่นักการเมืองกุมอำนาจกระทรวงเกษตรฯตามเดิม”แหล่งข่าว กล่าว
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ รมว.เกษตรระบุว่าไม่ได้กดดันให้เลขาธฺการ สปก.ลาออกแต่ประการใด
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำและเครือข่ายแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง 14 จังหวัดภาคใต้ นำโดย นายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานแนวร่วมกู้ชีพชาวสวนยาง เดินทางมายังอาคารรัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือต่อประธาน สนช. ขอให้ถอนร่าง พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ.2525 ฉบับแก้ไข ออกจากพิจารณาของ สนช. โดยคัดค้านการเอาต้นยางมาใส่ไว้ในพ.ร.บ.สวนป่า เนื่องจากอาจมีความไม่ชอบมาพากล เหตุใดกรมป่าไม้ จึงใส่ต้นยางพาราไว้ในบัญชีแนบท้าย ทั้งนี้ผลจากกฏหมายดังกล่าว ทำให้การตัดโค่นต้นยางของประชาชนทุกครั้ง ต้องขออนุญาตจากกรมป่าไม้ทุกครั้ง ซึ่งสวนยางทั่วประเทศไม่ยอมแน่นอน เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการเปิดช่องทางให้มีการรีดไถโดยเจ้าหน้าที่รัฐได้ ก่อให้เกิดภาวะซ้ำเติมความทุกข์ที่ชาวสวนยางกำลังได้รับอยู่ในขณะนี้
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติ ลงมารับหนังสือ พร้อมกับกล่าวว่า จะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องเพื่อมาพิจารณาปรับปรุงการแก้ไขกฏหมายต่างๆให้เป็นธรรม
ด้านที่ศาลากลางจังหวัดกระบี่ นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมสมาพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องประชุมวิดิโอคอนเฟอร์เร้นกับ รมว.เกษตร ร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง
และนายบุญส่งให้สัมภาษณ์ว่า การแก้ไขปัญหายางพาราในขณะนี้ ขณะนี้ยังไม่ตรงกับความต้องการ เพราะการนำเม็ดเงินไปซื้อยางเพื่อชี้นำตลาดที่กิโลกรัมละ 61 บาทนั้น เกษตรกรได้รับผลประโยชน์แค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ยังมีเกษตรกรอีก 90 เปอร์เซ็นต์ ที่ขายยางในตลาดได้แค่ 45-46 บาทเท่านั้น เพราะเกษตรกรไม่ได้เข้าร่วมกับสหกรณ์ หรือชุมนุม ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องหาแนวทางในการชี้นำตลาดให้ครอบคลุมมากขึ้น
ส่วนราคาน้ำยางอยู่ที่ 47 บาท ซึ่งสูงกว่าราคายางแผ่น เพราะมีพ่อค้ารับซื้อแล้วนำเข้าไปขายในโครงการชี้นำตลาดของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลต้องให้กลุ่มเกษตรกรต่างๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วม ได้เข้าไปในโครงการนี้ก็จะช่วยเกษตรกรได้มากขึ้น
ด้าน ด.ต.ชัยวัฒน์ เส้งนุ้ย รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ซึ่งเป็น 1 ในแกนนำในการเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ กล่าวว่า ในวันที่ 15 มกราคมนี้ จะมีการเปิดประชุมสภาสมัยสามัญ ประจำปี 2558 ทางสมาชิกสภา อบจ.ตรังทั้ง 30 คน จาก 30 เขต เตรียมยื่นกระทู้สอบถามนายสมศักดิ์ ปะริสุทโธ เหมทานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และนายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง ถึงแนวทางการแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำในท้องถิ่นว่าทางจังหวัดจะสามารถทำงานแบบบูรณาการกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำผลิตภัณฑ์ยางพาราในพื้นที่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างไร เพื่อแก้ปัญหาราคายางพาราที่กำลังตกต่ำสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวสวนยางพาราอย่างหนักในขณะนี้
โดยจะขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตรังเข้าตอบกระทู้ถามด้วยตนเองให้แก่สมาชิกสภาอบจ.ตรังได้รับทราบ พร้อมกับเรียกร้องไปยังนายกิจ หลีกภัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตรังให้ดำเนินการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีวิทยุกระจายเสียงเพื่อให้ประชาชนได้รับฟังถึงแนวทางการแก้ปัญหาของทางจังหวัดและของท้องถิ่นต่อไป พร้อมกับเชิญตัวแทนเกษตรกรเข้าร่วมสังเกตและรับฟังการกระทู้ถามของผู้ว่าราชการจังหวัดตรังด้วย และจะนำผลการซักถามดังกล่าวพร้อมติของสภา เสนอต่อไปยังรัฐบาล, คณะกรรมการยางจังหวัดและคณะกรรมการยางแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแนวทางในการแก้ปัญหายางพาราทั้งระบบต่อไป โดยคาดหวังว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความสนใจรับฟังเสียงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน แต่หากไม่ได้ผลก็พร้อมจะยกระดับออกมาร่วมเคลื่อนไหวกับชาวสวนยางทั่วประเทศเรียกร้องบนถนนไปยังรัฐบาลให้เร่งแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี