สมุนแม้วแก้เกมสนช.
แถแทน‘ปู’
ตอบจำนำข้าวลงยูทูบ
พรเพชรนัดโหวตถอดถอน
‘ปู-นิคม-ขุนค้อน’23 ม.ค.นี้
วิษณุชี้มีรธน.ใหม่การเมืองดุ
หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่ได้เดินทางมาชี้แจงข้อซักถามของสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ในคดีถอดถอนจากความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าวด้วยตัวเอง แต่มอบหมายให้อดีตรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าวจำนวน 5 คน มาตอบคำถามแทนนั้น ทำให้สมาชิก สนช. เกิดความไม่พอใจ และมีมติให้ดำเนินการ
ซักถามโดยไม่มีคำตอบจากอดีตนายกฯ พร้อมทั้งไม่ให้ตัวแทนชี้แจงแทน โดยมีคำถามทั้งสิ้นจำนวน 35 คำถาม
สมุนแม้วแถแทนปูผ่านยูทูบ
ล่าสุด ทีมทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ จัดทำคลิป วีดีโอ ชี้แจงคำถามทั้ง 35 ข้อของ สนช.ลงในเว็บไซด์ของ ยูทูบ โดยมี อดีตรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าว ประกอบด้วย นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.พาณิชย์ นาย กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ และ นายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.เกษตร และสหกรณ์ เป็นผู้ชี้แจง
โดยในประเด็นการทุจริต นายนิวัฒน์ธำรง เป็นผู้ตอบคำถาม สนช. ดูคลิปได้ที่ http://youtu.be/j_1tCIX9oo8 ส่วนประเด็นเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ตอบโดย นาย กิตติรัตน์ ดูคลิปได้ที่ http://youtu.be/XICRMEkK2cE ส่วนประเด็นคำถามเรื่องกระบวนการของโครงการรับจำนำข้าว ตอบโดย นายยรรยง ชมคลิปได้ที่ http://youtu.be/VTUyS7uZti4 และประเด็นข้อกล่าวหาทางการเมือง โดย นายวราเทพ เป็นผู้ตอบชมคลิปได้ที่ http://youtu.be/07tcoswDX98
โดดป้อง’ปู’ไม่มาตอบ-ไม่ผิด
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวปกป้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ ไม่ได้ไปตอบข้อซักถามของคณะกรรมาธิการซักถามสนช.ด้วยตัวเอง
และว่า สนช.กลุ่มหนึ่งที่เป็นขาประจำในการคัดค้านรัฐบาลพรรคเพื่อไทยออกมาตำหนิว่าไม่แปลกใจ ที่ สนช.กลุ่มดังกล่าว อารมณ์ค้างจนต้องออกมาตำหนินายกฯยิ่งลักษณ์ ทั้งที่ข้อบังคับการประชุมสนช.ได้ให้สิทธิ์ไว้ และไม่ถือเป็นการผิดข้อบังคับแต่อย่างใด นายกฯยิ่งลักษณ์เคารพกฎกติกา แต่คนพวกนี้ไม่เคารพในกฎกติกา จึงออกมาโวยวาย ประชาชนทราบดีว่า คนพวกนี้สมรู้ร่วมคิดกันล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แล้วมานั่งหน้าสลอนรับประโยชน์ในตำแหน่งต่างๆ
เชื่อยุทธศาสตร์7-8-9 ล้ม รบ.ปู
นายอนุสรณ์ ชี้ว่า ตามแผนยุทธศาสตร์7-8-9 คือ7 พฤษภาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ขัดรัฐธรรมนูญ ให้นายกฯยิ่งลักษณ์พ้นจากเก้าอี้รักษาการนายกฯ 8 พฤษภาคม2557 ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด นายกฯยิ่งลักษณ์คดีทุจริตจำนำข้าว ส่งเรื่องวุฒิสภาฯพิจารณาห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปีโดยคนกลุ่มนี้ต้องการให้เกิดสูญญากาศทางการเมืองให้ประเทศไร้รัฐบาลและต่อมาในวันที่ 9 พฤษภาคม 2557 รีบร้อนตั้ง นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย เป็นประธานวุฒิสภาคนใหม่เพื่อดำเนินการผลักดันแต่งตั้งนายกฯมาตรา7 สะท้อนให้เห็นว่าคนพวกนี้ดำเนินการขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญแทรกแซงองค์กรอิสระจนบรรลุเป้าหมายทางการเมืองตามที่ต้องการ
โอดยังไล่ล่าทำลายเพื่อไทย
“ทฤษฎีสมคบคิดของบุคคลเหล่านี้ยังคงดำรงเป้าหมายอยู่ ถึงวันนี้คนพวกนี้ยังไม่ยุติการไล่ล่า ขณะนี้ประชาชนจับตาอย่างใกล้ชิดชนิดตาไม่กระพริบ เกรงว่าการทำรัฐประหารจะเสียของ ผลักโอกาสไม่ให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า แต่มุ่งเน้นตอบสนองความแค้นของกลุ่มตัวเอง ซึ่งไม่ใช่วิธีที่ถูกเลย จึงขอเรียกร้องผู้มีอำนาจในปัจจุบันควรใช้ความเด็ดขาด ยุติการกลั่นแกล้งทางการเมืองจนไร้ที่ยืน พรรคเพื่อไทยขอยืนยัน ไม่ปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมที่พิจารณาตามเนื้อผ้าที่ไม่ใช่พิจารณาจากหน้าตา” รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ย้ำ
นิพิฏฐ์ชี้เสียดายโอกาส’ปู’ไม่มาตอบ
ด้าน นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว ว่าน่าเสียดายที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยอมไปตอบคำถามของสนช.ข้อหาปล่อยให้มีการทุจริตจำนำข้าว น่าเสียดายโอกาส เพราะกระบวนการดังกล่าว เปรียบเหมือนการสืบพยานในชั้นศาล ซึ่งสำคัญกว่าการแถลงเปิดและปิดคดี หากเทียบกับคดีในชั้นศาลจะให้ความสำคัญของการตอบข้อซักถามในกระบวนการไต่สวนกับแถลงเปิดและปิดคดีถึง 80:20 เปอร์เซ็น เพราะกรณีนี้จะเป็นการตอบข้อสงสัยของ สนช.ที่เปิดโอกาสให้ชี้แจง ดังนั้นการที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาตอบเอง สมาชิกสนช.ที่ตั้งคำถามและคนที่รอฟังจะคาใจในคำถามที่ไม่มีคำตอบจากเจ้าตัว
ควรตอบให้สังคมหมดข้อกังขา
“น่าแปลกที่ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยและอดีตรัฐมนตรีคนใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ตีโจทย์ผิดที่แนะนำไม่ให้มาตอบด้วยตัวเองเพราะข้อหาละเลยให้เกิดความเสียหาย ไม่ใช่การทุจริต จึงควรมาตอบข้อสงสัยต่างๆต่อสังคมไทยให้หมดข้อกังขา กรณีนี้จึงเสียเปรียบมากกว่าได้ ซึ่งขั้นตอนทางกฎหมายในวิธีพิจารณาความทั่วไปจะระบุชัดว่า การพิสูจน์ว่าได้กระทำ หรือไม่ได้กระทำ เจ้าตัวเท่านั้นต้องมาพิสูจน์ด้วยตัวเอง จึงยังงงว่า ทำไมทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทยกับคนใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ถึงแนะนำเช่นนี้” นายนิพิฏฐ์ กล่าว
ดักคอสนช.ไม่ถอด ต้องตอบสังคม
ทั้งนี้ นายนิพิฏฐ์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาชี้แจงเองก็มีแนวโน้มที่จะถูกถอดถอนสูง และการที่เชื่อทีม กฎหมายและคนเหล่านี้เพียง7-8คนนี้ ทั้งที่บางคนก็มีคดีเกี่ยวกับการทุจริตในโครงการจำนำข้าว หรืออาจคิดว่าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์มาตอบเองอาจจะทำปืนลั่นใส่คนเหล่านี้ก็เป็นได้ คล้ายหวังดีประสงค์ร้ายหรือไม่ ดังนั้น จึงต้องจับตาว่าเมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มาตอบข้อซักถามเอง แต่หากสมาชิก สนช.ยังโหวตให้ผ่านคือไม่ถอดถอน ก็จะตอบสาธารณชนไม่ได้ว่าในเมื่อเขาถามในข้อสงสัยแต่เจ้าตัวไม่มาตอบ ทำไมจึงยังโหวตให้ผ่าน ดังนั้น สนช. ต้องมีคำตอบให้สังคมในกรณีนี้ด้วย
พรเพชรนัดแถลงปิดคดีปู22มค.
ในขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)มีคำสั่งนัดประชุมสมาชิก สนช.ในวันที่ 22 มกราคม2558 เวลา10.00 น. พิจาณาวาระเร่งด่วน เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา 6วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ในขั้นตอนการรับฟังคำแถลงการณ์ปิดสำนวนด้วยวาจาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้กล่าวหา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา โดยเมื่อวันที่16ม.ค.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พานิชย์ ยืนยันว่าในวันดังกล่าว น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางมาด้วยตนเอง
นัด’นิคม-ขุนค้อน’แถลงปิดคดี22ม.ค.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า นางนรรัตน์ พิมเสน เลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่ เลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ได้ออกหนังสือด่วนมากที่ สว (สนช)0007/(น 41) ถึงสมาชิก สนช.เนื่องด้วย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ได้มีคำสั่งนัดประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติครั้งที่5/2558 (เป็นพิเศษ)ในวันที่21 ม.ค.นี้ เวลา10.00น.เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนคือเพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอน นายนิคม ไวยรัชพานิช สมาชิกวุฒิสภาและนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา6วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว)พ.ศ.2557 ประกอบมาตรา64 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542โดยมีการรับฟังคำแถลงการณ์ปิดสำนวนด้วยวาจาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ผู้กล่าวหา
แถลงเปิดคดีถอดถอน 38 สว.
รวมถึง จะมีการพิจารณาเพื่อดำเนินการถอดถอนสมาชิกวุฒิสภา จำนวน38คน ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ประกอบมาตรา64แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 เพื่อกำหนดวันแถลงเปิดคดีของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้กล่าวหาและสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 38 คน ผู้ถูกกล่าวหา (ตามข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ.2557ข้อ 149)
นัด’ปู’มีคิวแถลงปิดคดี 22 ม.ค.
ส่วนกรณีการพิจารณาถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่งนั้น นายพรเพชร ได้นัดการประชุมในวันที่ 22 ม.ค.เวลา 10.00 น.ซึ่งจะเป็นการรับฟังคำแถลงการณ์ปิดสำนวนด้วยวาจาของคณะกรรมการป.ป.ช.ผู้กล่าวหา และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา นอกจากนี้ ได้นัดลงมติการถอดถอนหรือไม่ถอดถอน นายนิคม นายสมศักดิ์และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกจากตำแหน่ง ในวันที่ 23 ม.ค. เวลา 10.00 น.
ผู้ตรวจฯเผยยังติดปัญหา กม.อื้อ
ในวันเดียวกัน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จัดเสวนาเรื่อง“ผู้ตรวจการแผ่นดิน : บทบาทก้าวสู่ความท้าทายในอนาคต”ที่โรงแรม ดิเอมเมอรัลด์โคฟ เกาะช้าง จ.ตราด โดยมีนางผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีราชา วงศารยางค์กูร และพล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดินเข้าร่วมเสวนา โดยนางผานิต กล่าวตอนหนึ่งว่าการทำงานของผู้ตรวจฯ ยังมีปัญหาจุดอ่อนทางกฎหมาย เพราะบางหน่วยงาน ยังไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของผู้ตรวจฯ อีกทั้ง เมื่อผู้ตรวจฯมีการสอบจริยธรรมองค์กรใด องค์หนึ่งพอตรวจสอบแล้ว และเสนอเรื่องไป ก็ต้องรอให้กรรมการจริยธรรมขององค์กรนั้น ได้ทำการตรวจสอบภายในก่อนและส่งผลกลับมายังผู้ตรวจฯจึงทำให้มีปัญหาเรื่องระยะเวลา
นางผาณิต ยังชี้อีกว่าส่วนเรื่องการตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กฎหมายระบุให้ตรวจสอบได้เฉพาะเมื่อนักการเมืองเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้ว แต่ไม่สามารถตรวจสอบการแต่งตั้งได้ แม้นักการเมืองนั้นจะมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่ง ในส่วนนี้ ตนเห็นว่าควรต้องมีการแก้ไข ดูตัวอย่างเรื่องการถอดถอนนักการเมืองตลอดเวลาที่ผ่านมาการถอดถอนนั้น เกินครึ่งไม่สามารถกระทำได้ เพราะเสียงในสภาไม่ถึงนั่นเป็นเพราะกฎหมาย และระบบไม่เอื้ออำนวยดังนั้นสิ่งที่สำคัญ คือทุกคนต้องมีจิตสำนึกในคุณธรรมจริยธรรม
รับงานไม่เข้าตาปชช.ซัดรบ.ไม่หนุน
ด้านนายศรีราชา ยอมรับว่า ผู้ตรวจฯทำงาน ยังไม่ได้ตามที่คาดหวัง เพราะการบริหารของเรายังไม่มีความเข้มข้นพอ โดยก้าวต่อไป คงต้องกวาดบ้านภายในก่อน เพื่อให้มีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการตรวจสอบจริยธรรมของนักการเมืองเรารู้ว่ายังทำงานไม่เป็นที่เข้าตาของประชาชน และยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากพรรคการเมือง ส่วนการตรวจสอบจริยธรรมข้าราชการ ก็ยังทำได้ไม่ดีพอ เพราะรัฐบาลที่ผ่านมา ไม่เป็นแบ็คอัพให้เรา อาจด้วยเหตุนี้ จะทำให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจึงพยายามตั้ง สมัชชาคุณธรรม ขึ้นมาทำงานตรวจสอบ โดยจะเป็นองค์กรที่จะทำหน้าที่กำหนดมาตรฐานคุณธรรม จริยธรรมและธรรมาภิบาลของบุคคลสาธารณะ และหน่วยงานสาธารณะ เกรงจะทำให้เสียเวลา และงบประมาณ เพราะการพิจารณาบางคำร้องที่ผู้ตรวจฯ ดำเนินการมาอาจต้องเริ่มต้นใหม่ กรรมการที่ถูกตั้งขึ้นใหม่ก็อาจคลำทางไม่ถูก
แนะปลูกจริยธรรมกฐินสามัคคี
นายศรีราชายังกล่าวอีกว่ามองว่าการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมต้องเป็นหน้าที่ของทุกองค์กร ไม่ควรมีองค์กรใดรับผิดชอบเป็นหลักอย่าจองกฐินไว้คนเดียวแต่ควรให้เป็นกฐินสามัคคี โดยทุกภาคส่วน ต้องเข้ามาร่วมกันปฏิรูปคุณธรรมจริยธรรมในระดับชาติ ไม่เช่นนั้นจะเดินหน้าต่อไม่ได้และเห็นควรใช้วิธีการโซเชียลแซงชั่นหรือมาตรการลงโทษทางสังคมหากพบคนไม่ดี เราก็ไม่ต้องไหว้ หรือไม่พูดด้วย เป็นการปลุกจิตสำนึกแบบง่ายสังคมฟื้นตัวเร็วขึ้น ไม่ต้องใช้งบประมาณเลย การปฏิรูปนั้นถ้าเผื่อไม่ปฏิรูปประชาชนทั้งหมดก็ไปไม่รอด วัฒนธรรมการเมืองไม่ได้ ส่งเสริมให้คนมีประชาธิปไตย รัฐบาลควรปฏิรูป 2 สิ่งคือคุณธรรมจริยธรรม และเรื่องการศึกษาการเป็นประชาธิปไตย ต้องมาจากเบื้องลึกจิตวิญญาณของคน
ชงใช้ยาแรงเอาผิดนักการเมือง
ทั้งนี้ นายศรีราชา ยังระบุว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญ เหมือนกำลังเอาของเก่าคือ รัฐธรรมนูญปี 50 มาวิเคราะห์และแก้เป็นจุดๆ เหมือนปะผุรถ แต่จริงๆแล้วควรต้องออกแบบใหม่ตั้งแต่รากฐาน
ส่วนการคาดหวังว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะทำให้เกิดประชาธิปไตยยังเป็นเรื่องยาก เพราะประชาธิปไตยต้องมาจากรากฐานจิตใจ จิตวิญญาณของคน เหมือนการสร้างบ้านต้องวางโครงสร้างก่อน เราเคยคิดว่า การแก้ปัญหาการเมืองคือ การเข้ายากแล้วออกง่ายว่าหากพบว่านักการเมืองทุจริต ต้องถูกถอดถอนและต้องจ่ายค่าเลือกตั้งเพราะทำให้การเลือกตั้งเสียหาย ตัดสิทธิเลือกตั้ง ตัดสิทธิรับสมัครเลือกตั้งทั้งตัวนักการเมืองและครอบครัวด้วยอาจจะเป็นยาแรงแต่ เชื่อว่า จะทำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้ได้คนดีมาบริหารบ้านเมืองและคิดว่าเป็นหนทางเดียวที่ทำได้
วิษณุชี้ปฎิรูปสำเร็จปัญหาเบาลง
ต่อมาในช่วงบ่าย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้บรรยายพิเศษเรื่อง“องค์กรตรวจสอบ : ความหวังหลังการปฏิรูป”ช่วงหนึ่งว่าการปฏิรูปคือการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น มีคนตั้งคำถามว่าหวังจะเห็นอะไรจากการปฏิรูปก็มีคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่าปฏิรูปเพื่อให้ประเทศชาติมั่นคงประชาชนมั่งคั่งอย่างยั่งยืน หากการปฏิรูปสำเร็จจะสามารถผ่อนปัญหาที่จะเกิดในอนาคตที่หนักให้เป็นเบาได้หรือไม่ โดยตนลำบากใจที่จะพูดถึงความหวังหลังการปฏิรูปเพราะยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ แต่อย่างน้อย ก็ต้องมีอะไรออกมาเป็นรูปธรรมบ้างและจะต้องสถาปนาองค์กรหนึ่งขึ้นมารับไม้ต่อจาก สปช.ในเรื่องการปฏิรูปเพราะเราจะทิ้งทุกอย่างกลางครันไม่ได้
แนะเปิดทางประชามติลดขัดแย้ง
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า การร่างรัฐธรรมนูญมีปฏิทินให้เสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ แต่หากมีการลงประชามติก็จะยืดเวลาออกไป แต่เราไม่ได้ปิดกั้น เพราะในรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็มีการระบุให้แก้ไขได้ ก็เพื่อเปิดช่องให้มีการทำประชามติ แต่การทำประชามติมี 3 อย่างที่ต้องคำนึง คือ การยืดเวลางบที่ใช้ในการลงประชามติ และเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้ หากเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการลงประชามติก็จะต้องแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวโดยจะไม่เป็นการยื้อเวลาในการยกร่างรัฐธรรมนูญออกไปอีก เพราะสามารถทำได้เลย โดยค สช.สามารถทำเรื่องเสนอแก้ไขไปยัง สนช. ต้องรอให้เห็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อน
เชื่อมีรธน.ใหม่การเมืองดุ มีลองของ
“ขณะนี้เราควรตั้งความหวังหลังจากได้รัฐธรรมนูญใหม่ เพราะหลังการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแล้ว เชื่อว่า การเมืองจะมีความแหลมคม ดุเดือดขึ้นเพราะกติกาจะเปลี่ยนไป การลองดีลองของ ก็จะมีมากขึ้นจะมีการลองวิชาลองบทบัญญัติแต่ละมาตราว่าที่เขียนมาแก้ได้หรือไม่ วิธีทดสอบ ก็คือสร้างปัญหา เพื่อทดสอบการแก้ไขปัญหา จึงถือเป็นความยากลำบากของประเทศอีกครั้งหนึ่ง แต่อย่างน้อย หากรัฐธรรมนูญระบุว่าจะเข้มงวดเรื่องการชุมนุมห้ามเรื่องเฮตสปีชหรือการสื่อสารสร้างความเกลียดชังก็คงผ่อนหนักเป็นเบาได้ 1ใน100ต้องดูที่ว่าจะรับมือได้ขนาดไหนผู้เกี่ยวข้องก็รู้ กำลังคิดว่าจะรับมือได้แค่ไหนถ้าปฏิรูปดีก็สามารถเป็นเกราะป้องกันได้”นายวิษณุย้ำ
ปูดชงควบรวม กสม.-ผู้ตรวจฯ
ทั้งนี้ นายวิษณุ ยังกล่าวอีกว่า หลังจากนี้องค์กรที่จะตั้งความหวังหรือฝากผีฝากไข้ได้ ก็คือองค์กรตรวจสอบที่มีรัฐธรรมนูญรับรอง ที่จะตรวจสอบองค์กรที่ใช้อำนาจรัฐ โดยองค์กรที่ควรจะมี ก็คือ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เพราะมีลักษณะนี้ถือเป็นมาตรฐานสากลไปทั่วโลก แม้ตนไม่ได้เป็นกรรมาธิการร่างแต่ก็ เชื่อว่าผู้ตรวจฯจะยังอยู่ โดยมีอำนาจตรวจสอบ และรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ส่วนเรื่องการตรวจสอบคุณธรรมจริยธรรมนั้นวันนี้กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจะเอาออกไปจากผู้ตรวจฯแล้วโดยมีสมัชชาคุณธรรมทำหน้าที่ดังกล่าว เพราะผู้ตรวจฯถูกออกแบบให้ตรวจสอบและรับเรื่องร้องเรียน และเห็นว่างานคุ้มครองครองสิทธิมนุษยชน เป็นงานที่น่าจะผนวกกับผู้ตรวจฯ เพราะในหลายประเทศผู้ตรวจฯดูเรื่องสิทธิมนุษยชนด้วย คิดว่าความหวังหลังการปฏิรูปอยู่ที่องค์กรตรวจสอบแต่องค์กรตรวจสอบต้องปฏิรูปตัวเองให้มีความน่าเชื่อถือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี