22 ม.ค.58 การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธานในการประชุม โดยมีวาระเร่งด่วน เพื่อดำเนินการกระบวนการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง กรณีไม่ระงับยับยั้งปล่อยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวตามมาตรา 6 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราวปี 2557 ประกอบมาตรา 64 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542
และเมื่อเวลา 10.24 ศาสตรจารย์วิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะ ผู้กล่าวหา ระบุว่า การอภิปรายแถลงปิดคดีด้วยวาจา ยืนยันว่า รัฐบาลใช้การเลือกรับจำนำข้าว ที่สูงกว่าราคาตลาดมาใช้ในการหาเสียง จนได้รับเลือกตั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ รัฐบาลก่อนๆ ได้มีโครงการประกันความเสี่ยง ขณะที่ ป.ป.ช.ได้ท้วงติงรัฐบาลแต่ยังยืนยันเดินหน้า ซึ่งอ้างว่า รัฐบาลได้หาเสียง ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ ซึ่งถือว่า เป็นประชานิยม
นายวิชา กล่าวว่า โครงการดังกล่าว ไม่ใช่ รับจำนำ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ประชาคมโลก มองว่า เป็นพ่อค้าผูกขาด ซึ่งเชื่อว่า มีวาระซ่อนเร้น
จากการไต่สวนของ ป.ป.ช. พบว่า มีการเล่นแร่แปรธาตุ ทำเป็นกระบวนการ ยากที่จะตรวจสอบ ซึ่งพบว่า มีการระบายข้าว ให้พวกพ้อง แต่อ้างว่า จีทูจี แต่ เอามาขายให้ภายในประเทศ ซึ่งป.ป.ช.จับได้ ในเวลาต่อมา
รัฐบาล ยังยืนยันว่า เป็นโครงการที่ดี จะทำต่อไป และไม่เกิดความเสียหาย และป.ป.ช.ได้มีหนังสือทักท้วง หลังจากนั้น ได้เตือนไปอีกครั้ง ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือ 4 ครั้ง ว่า ใช้เงินแผ่นดิน นอกจากนี้ ผู้ตรวจบัญชีฯ ว่า มีความผิดปกติ แต่รัฐบาล ยังยืนยันจะทำต่อไป อ้างว่า เป็นโครงการที่ใช้ในการหาเสียง ต่อมา วุฒิสภา ได้ยื่นไม่ไว้วางใจ
ทั้งนี้ ป.ป.ช.จึงตีแผ่ จับทุจริตเชิงนโยบาย ถือว่า ชัดเจนที่สุด ตั้งแต่จับทุจริตมา แม้จะมีการตั้งกรรมการต่างๆ ขึ้นมาตรวจสอบ แต่ใช้เพื่อฟอกตัว
นายวิชา ระบุว่า ป.ป.ช.ก่อนจะกล่าวหาใคร ต้องชัดเจน ซึ่งป.ป.ช.ชี้มูลว่า ผู้ถูกกล่าวหา นำหลักฐานด้วย นั่นคือ รายงานการปิดบัญชี ตั้งแต่การดำเนินโครงการรับจำนำข้าว 2554-2557 ขาดทุนกว่า 518,000 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่แต่งตั้งจากนายกฯ และครม. ต่อมา ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร้องต่อกองปราบปราม ดำเนินคู่สัญญาโครงการับจำนำข้าว ที่ 1.ผิดชนิดข้าว 2. ข้าวเสีย 3.ข้าวไม่ตรงตามชนิดข้าว ซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรม
ต่อมา 29 ต.ค.57 รมต.คลัง เผยว่า ภาระการใช้หนี้ คาดว่าขาดทุน 6-7 แสนล้าน ผลตกที่ประชาชน อาจใช้เวลามากถึง 30 ปี จนรัฐบาลชุดปัจจุบันต้องออกพันธบัตรหลายแสนล้านบาท ในการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว ครั้งที่ 136,000 ล้านบาท กลับไม่โต้แย้ง แต่ครั้งที่ 2 ระบุว่า มีผลขาดทุน 202,000 ล้านบาท กลับโต้แย้ง ว่า ไม่ได้ขาดทุนถึงขนาดนั้น
นอกจากนี้ เครือข่ายชาวนาไทย เพื่อเรียกร้องค่าจำนำข้าว โดยโครงการรับจำนำข้าวครั้งที่ 1 ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท แต่ 1 ล้านครอบครัว ยังไม่ได้รับเงินจำนำข้าว กว่า 110,000 ล้านบาทเศษ ซึ่งชาวนาไม่อาจทนรอเงิน จึงฆ่าตัวตาย ไปหลายราย ตามข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ และแม้ คสช.จะได้ยึดอำนาจ และได้สั่งจ่ายเงินแล้ว แต่ชาวนายังไม่คลายทุกข์ แต่ยังติดตาหลอกหลอก เพราะข้าว 17 ล้านตัน ยังอยู่ในโกดัง ดังนั้น จึงเป็นภาระของรัฐบาล ที่ต้องหาทางระบายข้าว ซึ่งต้องใช้เวลาหลายปี ทำให้พ่อค้ารับซื้อข้าวในราคาที่ต่ำอย่างที่ไม่มีปรากฎมามก่อน แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ ผู้ถูกกล่าวหาเอง ก็ไม่ได้กล่าวขอโทษแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ปปช. ระบุว่า "รัฐบาลผู้ถูกกล่าวหา 'รัฐบาลจำนำข้าว ชาวนาจำนำชีวิต ประเทศจำนำหนี้"
โครงการจำนำข้าว "กระทบต่อชาวนาอย่างกว้างขวาง หากจะดำเนินการต่อไป จะส่งผลร้ายต่อประเทศ"
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี