ขู่‘ปู’หนีอาญาโกงข้าว
เจอหมายจับ
อสส.ส่งฟ้องใน1เดือน
เชือดเสียบบัตรแทนกัน
ปปช.นัดลงมติสัปดาห์นี้
สนช.ลุยสอยอดีต38สว.
ไม่ยึดคดี‘นิคม-ขุนค้อน’
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 มกราคม ถึงขั้นตอนประสานงานกับอัยการสูงสุด (อสส.) ในการนำตัว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ว่าต้องรออัยการสูงสุดร่างสำนวนคำฟ้องคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯ ทราบว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน เมื่ออัยการสูงสุดร่างสำนวนเสร็จแล้วจะประสานงานมายังป.ป.ช.ให้ทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ถูกฟ้องทราบ เ พื่อให้เดินทางไปรายงานตัวต่ออัยการสูงสุดในวันที่จะส่งฟ้องคดี
เตือน“ปู”คิดหนีเจอหมายจับ
“หากผู้ถูกฟ้องไม่ไปรายงานตัวตามวันเวลาที่กำหนด อัยการสูงสุดจะประสานมายังป.ป.ช.อีกครั้ง ให้ดำเนินการนำตัวมาให้ได้ในการส่งฟ้อง ซึ่งป.ป.ช.อาจติดต่อไปยังผู้ถูกฟ้องโดยตรง หรือถ้าพบว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ก็จะประสานงานกับพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการออกหมายจับต่อไป แต่เชื่อว่า ผู้ถูกฟ้องพร้อมที่จะสู้คดีในกระบวนการยุติธรรม”นายสรรเสริญกล่าว
จ่อแจ้งข้อหาเสียบบัตรแทนกัน
เลขาธิการ ป.ป.ช.ยังกล่าวอีกว่า ในสัปดาห์นี้ องค์คณะไต่สวนสำนวนคดีอาญากรณีอดีตส.ส.เสียบบัตรแทนกันได้รวบรวมหลักฐานเสร็จในเบื้องต้นแล้ว จะสรุปข้อเท็จจริงเข้าสู่ที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่ พิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาแก่อดีตส.ส.ที่มีความผิดในการเสียบบัตรแทนกัน ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา157 นอกจากนี้ จะพิจารณาไปถึงอดีตส.ส.บางส่วนที่อยู่ในคลิปเหตุการณ์ที่มีการเสียบบัตรแทนกันว่า มีส่วนร่วมเสียบบัตรแทนกันด้วยหรือไม่ ซึ่งถือเป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่สามารถเหมารวมเอาผิดอดีตส.ส.ทั้งสภาฯได้
ชี้คดีสอย2ปธ.ไม่ใช่บรรทัดฐาน
ด้าน นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะได้รับมอบหมายจากป.ป.ช.ให้เป็นตัวแทนไปแถลงเปิดคดีอดีต 38สว.แก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มาส.ว.โดยมิชอบต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเดือนกุมภาพันธ์ กล่าวถึงการพิจารณาคดีถอดถอนอดีต 38 ส.ว.ว่า ไม่สามารถนำผลการลงมติไม่ถอดถอนคดีถอดถอนนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา มาเป็นบรรทัดฐานในคดี 38 อดีตส.ว.ได้ว่า จะไม่มีความผิดเหมือนกัน แม้ว่ามีฐานความผิดเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเหมือนกันก็ตาม เพราะการทำความผิดของอดีต 38สว.มีพฤติการณ์ทำผิดที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ผลการลงมติคดีนี้อาจเหมือนหรือแตกต่างกับคดีนายนิคมหรือนายสมศักดิ์ก็ได้
มั่นใจพยานหลักฐานมัดแน่น
ขณะที่ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานป.ป.ช.กล่าวว่า ป.ป.ช.มั่นใจข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในสำนวนคดี 38อดีตส.ว.ที่ส่งไปให้สนช.พิจารณาถอดถอน แต่จะเอาผิดได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ สนช.อย่างไรก็ตาม คดีนายนิคมและนายสมศักดิ์กับคดีอดีต 38 ส.ว.มีข้อเท็จจริงแตกต่างกัน เพราะคดีนายนิคมและนายสมศักดิ์เป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานที่ประชุม แต่คดีอดีต 38 ส.ว.เป็นเรื่องการลงมติ ซึ่งใน 38 คน ก็มีพฤติการณ์ทำผิดแตกต่างกัน บางคนเข้าชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว บางคนไปลงมติในมาตราที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนที่ให้อดีตส.ว.ลงสมัครเลือกตั้งได้ โดยไม่ต้องเว้นวรรค หรือบางคนทั้งเข้าชื่อเสนอกฎหมายและลงมติในเรื่องที่เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนด้วย ดังนั้น ฐานความผิดทั้ง 38 คนจึงไม่เหมือนกัน จึงขึ้นอยู่กับที่ประชุม สนช.จะมีมติอย่างไร
สนช.ลุยสอยอดีต38สว.1เดือนรู้ผล
สอดคล้องกับความเห็นของนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน สมาชิก สนช.กล่าวถึงกระบวนการพิจารณาคดีถอดถอนอดีต 38 ส.ว. แก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบว่า เรื่องอดีต 38 ส.ว.เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของ สนช.แล้วต้องเดินหน้าขั้นตอนถอดถอนต่อไป แม้ที่ผ่านมา สนช.จะลงมติไม่ถอดถอน นายนิคมและนายสมศักดิ์ แต่คงไม่ใช่เป็นบรรทัดฐานกำหนดว่า สนช.จะลงมติไม่ถอดถอนอดีต 38 ส.ว.ด้วย คงนำเป็นเพียงดุลยพินิจประกอบการพิจารณาเท่านั้น เพราะต้องฟังข้อมูลการแถลงเปิดคดีจาก ป.ป.ช.เป็นหลักก่อนว่า มีเหตุผลการถอดถอนอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่ทราบ อดีต ส.ว.ทั้ง 38 คนต่างมีฐานความผิดไม่เหมือนกัน คาดว่า สนช.คงใช้เวลาพิจารณาคดีไม่เกิน 1 เดือน นับจากการแถลงเปิดคดีในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ก็น่าจะรู้ผลลงมติ หากไม่มีการเล่นเกมยืดเยื้อ
“ที่ผ่านมา ป.ป.ช.ทำงานเหนื่อยยาก ใช้เวลานานในการไต่สวนแต่ละคดี อยู่ๆสังคมจะเอาข้อเท็จจริงในคดีหนึ่งมาเปรียบเทียบว่าเป็นบรรทัดฐานกับอีกคดี ก็คงไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ป.ป.ช.ก็คงไม่ต้องทำอะไรแล้ว ดังนั้น สนช.ต้องฟังข้อมูลและเหตุผลจาก ป.ป.ช.ก่อนใช้ดุลยพินิจของแต่ละคนว่าจะดำเนินการถอดถอนหรือไม่ อย่างไร” นายทวีศักดิ์ กล่าว
ส่ง“ดิเรก”เปิดคดี-เบาใจไม่สอย2ปธ.
ท่าทีของอดีต 38 สว.ที่ถูกปปช.ยื่นถอดถอนนั้น นายดิเรก ถึงฝั่ง สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) 1 ใน 38 อดีต ส.ว.ที่ถูกยื่นถอดถอนกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบเปิดเผยว่า ตนได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทน 38 สว.ในการแถลงเปิดคดีต่อ สนช.ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ ก็จะชี้แจงโดยยึดข้อกฎหมายและข้อเท็จจริง ขอยืนยันว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้สมาชิกรัฐสภาแก้ไขได้ อีกทั้ง การลงมติในมาตราใดๆ ยังได้รับเอกสิทธิคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญด้วย มั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด ซึ่งกรณีสนช.มีมติไม่ถอดถอนนายนิคมและนายสมศักดิ์ ทำให้อดีต 38 ส.ว.สบายใจขึ้นระดับหนึ่ง
“เจษฎ์”คาดทำคดีอีกไม่กี่เดือน
ส่วนนายเจษฎ์ โทณะวณิก กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญกล่าวถึงกรณีการเดินทางออกนอกประเทศของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคดีอาญาว่า ตามหลักแล้วบุคคลมีสิทธิเสรีภาพในการเดินทางเสมอ แต่ก็จะมีข้อยกเว้นกรณีที่ศาลเห็นว่าบุคคลนั้นมีพฤติการณ์เสี่ยงหลบหนี หรืออัยการยื่นร้องต่อศาลขอคัดค้านการเดินทาง ซึ่งคือกระบวนการในสภาวะบ้านเมืองปกติ แต่ปัจจุบันมีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ควบคุมอำนาจอยู่ ทำให้การเดินทางออกนอกประเทศของอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลที่ต้องคดีอาญานั้นต้องทำเรื่องขออนุญาตคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ก่อน อยู่ที่ดุลยพินิจของคสช.ว่าจะอนุญาตหรือไม่
ส่วนระยะเวลาพิจารณาคดีอาญาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังถูกอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีทุจริตจำนำข้าว เเละเตรียมส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาฯหากเป็นสถานการณ์ปกติ จะใช้เวลาประมาณ 1 ปี แต่คดีนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน อาจใช้เวลาพิจารณาคดี เพียงไม่กี่เดือนก็ได้
“พะจุณณ์”ปัดใบสั่ง’ผู้มีบารมี’
มีความเห็นจากพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตหัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ และนายทหารคนสนิทพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในฐานะ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวระบุสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) รับใบสั่งจากผู้มีบารมีให้ลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดย ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง เชื่อว่าสนช.ทุกคนช่วยกันวิเคราะห์หาความสมเหตุสมผล ไม่มีใครสั่งได้ ถึงเวลานี้คนส่วนใหญ่ของประเทศน่าจะแยกแยะออกว่า รัฐบาลที่ผ่านมามีความผิดจริงหรือไม่
ซัดคนหนุน’ปู’ลงขันใช้หนี้ด้วย
“ผมอยากพูดว่า หากพวกเห็นต่างหรือใครคิดว่ารัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ทำถูกต้องแล้ว ไม่ทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว หรือใครว่าไปไล่ล่า ก็ควรไปช่วยกันรวบรวมเงินมาลงขันใช้หนี้ค่าข้าว ที่ไปกู้มา 6-7 แสนล้านบาทให้ด้วย พวกผมจะได้ไม่ต้องมาวางบรรทัดฐานของประเทศที่ถูกต้อง อย่างที่ทำอยู่ทุกวันนี้ เชื่อว่าคนไทยจะรู้ด้วยตัวเองว่า นี่คือข้อบกพร่องอย่างร้ายแรงของนักการเมืองไทย จะเห็นจากผลสำรวจหัวหน้าชุมชนที่ออกมา ก็เห็นว่า สนช.ทำถูกต้องแล้ว และมีความหวังว่าต่อไปการเมืองน่าจะดีขึ้น จะเห็นว่าขณะนี้คนทั่วไปเข้าใจดีขึ้น เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการเมืองที่ผ่านมา”พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าว
หนุนรธน.ใหม่กำจัดนักโกงเมือง
พล.ร.อ.พะจุณณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะออกแบบมาลงโทษนักการเมืองที่เลว และปกป้องไม่ให้คนชั่วเข้ามาสู่การเมือง โดยจะมีมาตรการกำหนดบทลงโทษที่เรียกว่า “เห็นผิดรับโทษรวดเร็ว และรุนแรง” เพื่อสกัดนักการเมืองที่เลวทุกขั้นตอน ซึ่งต่อไปนักการเมืองจะเข้ามาเล่นการเมืองต้องระวัง จะทำอย่างเดิมไม่ได้อีกแล้ว จากภาวะปกติไม่สามารถถอดถอนนักการเมืองได้เลยในช่วงอยู่ในตำแหน่ง หรือให้หยุดทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพื่อให้หยุดสร้างความเสียหายต่อรัฐ แต่ไม่เคยได้ผล นักการเมืองยังใช้อำนาจในหน้าที่ต่อไป ภายใน 1 ปีเมื่อมีรัฐธรรมนูญใหม่ การเมืองต้องดีขึ้น และยืนยันว่าไม่ได้เขียนรัฐธรรมนูญมาไล่ล่าใคร แต่ต้องการขจัดนักการเมืองเลวตามตัวบทกฏหมายที่ถูกต้องและมีคุณธรรม
คสช.ยันสถานการณ์ยังปกติ
ขณะที่พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.และโฆษกกองทัพบกกล่าวถึงสถานการณ์หลัง สนช. ลงมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ และอัยการสูงสุดสั่งฟ้องคดีอาญาในเวลาไล่เลี่ยกันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือการแสดงออกที่มีแนวโน้มนำไปสู่เหตุวุ่นวาย มีเพียงการแสดงความคิดเห็นทั่วไปของผู้เห็นต่างเหมือนที่ผ่านมา ถือว่ายังได้รับความร่วมมือจากประชาชนส่วนใหญ่เป็นอย่างดี ส่วนกรณีมีบางคนอาจแสดงความเห็นชี้นำเพื่อเชื่อมโยงว่า คสช.อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ สนช. นั้น ไม่เป็นความจริง. ยืนยันทุกองค์กรมีเอกภาพของตน ไม่มีใครชี้นำได้
“ปู”ยังไม่ขอไปต่างประเทศ
พ.อ.วินธัยกล่าวย้ำว่า ขณะนี้น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่ได้แจ้งคสช.เพื่อขอเดินทางออกนอกประเทศแต่อย่างใด ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือบุคคลที่เคยถูกคสช.ให้เข้ารายงานตัวจะเดินทางออกนอกประเทศ มีแนวทางปฏิบัติเดิมของ คสช.อยู่แล้ว คือต้องขออนุญาตบอกกล่าวตามขั้นตอน สำหรับการดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวมยังเป็นไปตามปกติ โดยมีกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.)ดูแลร่วมกับตำรวจและฝ่ายปกครอง มีการติดตามประเมินสถานการณ์ตลอดเวลาอยู่แล้ว
พท.นิ่งรอดูผลกรรมตามสนอง
สำหรับท่าทีของพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)ซึ่งถูกจับตาว่าอาจออกมาเคลื่อนไหว หลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกถอดถอนและอัยการฯสั่งฟ้องคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าว โดยนายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย และอดีตประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล)ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยจะอยู่นิ่ง ไม่ปลุกระดม ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย อยากให้บ้านเมืองสงบ เรารู้ตั้งแต่ต้นว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ กระบวนการยุติธรรมเสียหายหมด ใครทำผิด ถูก รู้อยู่แก่ใจ คิดว่าผลกรรมจะตอบสนองเอง กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย บ้านเมืองมันไปไม่ได้
เชื่อยิ่งลักษณ์ไม่หนีพร้อมสู้คดี
นายอำนวย ยังเชื่อมั่นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไม่หนีออกนอกประเทศแน่นอน เพราะอดีตนายกฯยืนยันจะสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน มองว่าสมควรอย่างยิ่งที่ต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรม หากพูดว่าปรองดอง แต่ไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมก็ไม่ปรองดอง ต้องทำควบคู่กันไป อยากฝากให้คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ดูเรื่องนี้ด้วย
พ้อเป็นเด็กดีแต่จบไม่สวย
“เราเสียใจกับเรื่องนี้มาก เพราะกระบวนการยุติธรรมดูเร่งรีบรวบรัด ตัดตอน ขาดความรอบคอบในการพิจารณาตัวบทกฎหมาย ทั้งที่เราอยู่ในความสงบ ให้ความร่วมมือทุกอย่าง แต่ท้ายสุดเรื่องก็จบแบบนี้ เราเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายมาตลอด ที่เรานิ่งเพราะอยากให้เป็นประชาธิปไตย และกลับไปสู่โหมดการเลือกตั้งโดยเร็ว อยากให้กรรมาธิการยกร่างฯ เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย หากไม่เป็นประชาธิปไตยก็จะยุ่งไปอีก”นายอำนวย กล่าว
รอสัญญาโรดแมป-ไม่ทำทวง
สอดคล้องกับ นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและกลุ่ม นปช.จะไม่เคลื่อนไหวแน่นอน เพราะจะกลายเป็นตัวป่วนขาดความชอบธรรม แต่จะรอสัญญาตามโรดแม็พ ที่คสช.ให้ไว้ว่าจะมีการเลือกตั้ง เรารอได้ แต่ถ้า คสช.ไม่ทำตามสัญญา เราก็ต้องทวงถามสัญญาดังกล่าว วันนี้ขอให้รัฐบาลรีบแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชนก่อน เพราะตอนนี้พืชผลทางเกษตรราคาตกต่ำแทบทุกอย่าง
ฮึ่มทดเจ็บเก็บใจไว้รอเลือกตั้ง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวทำนองเดียวกันว่า แม้น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยจะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่จะไม่นำเรื่องดังกล่าวมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อจุดไฟความขัดแย้งเพิ่มขึ้นอีก ช่วงนี้เป็นเวลาที่น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทย ต้องแสวงหาความยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ตัวเองผ่านการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมเท่าที่มี ส่วนความรู้สึกของประชาชนแต่ละบุคคลคงห้ามกันไม่ได้ และหวังว่าเมื่อประเทศเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์และพรรคเพื่อไทยจะได้รับความยุติธรรม อยากเห็นประชาธิปไตยกลับมาสู่ประเทศไทยโดยเร็ว ทุกคนทราบดีว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องทดเจ็บเก็บไว้ในใจ เพื่อรอเวลาแสดงออกในคูหาเลือกตั้งเมื่อถึงเวลา
จวกบริวาร“ปู”บิดเบือนมติสนช.
ขณะที่นายสุริยะใส กตะศิลา ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.)เห็นต่างว่า ขณะนี้กลุ่มผู้สนับสนุนน.ส.ยิ่งลักษณ์กำลังบิดเบือนผลลงมติถอดถอนว่ากลั่นแกล้งเล่นงานคนในตระกูลชินวัตร เป็นการเลือกปฏิบัติ ถือเป็นการอธิบายความแบบตัดตอน การถอดถอนเป็นปลายเหตุ แต่ต้นเหตุเพราะมีการทุจริตในโครงการจำนำข้าวจริง ความเสียหายร้ายแรงที่เกิดขึ้นไม่ว่าใครจะมาเป็นนายกฯ นามสกุลอะไรก็ตาม ต้องรับผิดชอบต่อนโยบายที่ผิดพลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่ชัวร์ทัวร์นกขมิ้นจบสิ้นมค.
ด้าน นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เปิดเผยความคืบหน้าสำนวนคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งส.ส. ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกกรณีเดินทางลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน (ทัวร์นกขมิ้น) โดยใช้ทรัพยากรของรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐไปหาเสียงระหว่างที่มีพระราชกฤษฎีกา การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2กุมภาพันธ์2557 ว่า สำนวนดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนของอนุกรรมการสืบสวนสอบสวน กกต.ซึ่งกกต.ทั้ง 5 คน ยังไม่มีใครเห็นรายละเอียดของสำนวน ส่วนจะพิจารณาแล้วเสร็จภายในเดือนมกราคมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอนุกรรมการฯ กกต.ไม่สามารถก้าวก่ายหรือแทรกแซงการทำงานของอนุกรรมการฯได้
เล็งออกกฎหมายพิเศษล้างหนี้
ในเรื่องการชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าวนั้น แหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีได้หารือกับนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง ที่จะออกกฎหมายพิเศษล้างหนี้จากการขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่ผ่านมา ซึ่งมีผลขาดทุนไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท โดยการดำเนินจะทำเหมือนการออก พ.ร.ก. แก้ไขปัญหาหนี้เสียของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จำนวน 1.4 ล้านล้านบาท เพื่อให้มีความชัดเจนกว่าที่ผ่านมา คาดว่าการออกกฎหมายดังกล่าว จะดำเนินการได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ หลังคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าว ที่มีนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงคลังเป็นประธาน สรุปปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวรอบวันที่ 30 กันยายน 2557 จากที่ก่อนหน้านี้ปิดไปถึงรอบวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มีผลขาดทุน 6.82 แสนล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวว่า การปิดบัญชีรอบถึงวันที่ 30 กันยายน 2557 เป็นฐานความเสียหายในการออกกฎหมายพิเศษล้างหนี้จำนำข้าว เนื่องจากมองว่าสะท้อนความเสียหายได้ใกล้เคียงที่สุด เพราะจะมีการนำข้อมูลตรวจสอบปริมาณข้าวของ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาใช้ประกอบการปิดบัญชี ซึ่งจะตีราคาข้าวตามคุณภาพข้าว จากที่ก่อนหน้านี้คิดราคาข้าวหักแค่ค่าเสื่อมปีละ 10% ซึ่งจะหักแค่ 4 ปี หรือไม่เกิน 40% รวมถึงกรณีข้าวหายก็จะหักเป็นขาดทุนทันที จากที่ก่อนหน้านี้ยังไม่มีการคิดในส่วนนี้
คาดตามใช้หนี้ไม่ต่ำกว่า20ปี
สำหรับการปิดบัญชีใหม่คาดว่า จะมีผลขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งประเมินว่าอาจต้องใช้เวลาชำระหนี้ไม่ต่ำกว่า 20 ปี โดยในกฎหมายพิเศษจะระบุเวลาใช้หนี้ชัดเจน และจำนวนหนี้ที่ต้องชำระในแต่ละปี โดยจะจัดสรรมาจากงบประมาณรายจ่ายแต่ละปี
ด้านนายสมหมายเปิดเผยว่า ปัจจุบันรัฐบาลเป็นหนี้จากโครงการรับจำนำข้าวไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท มีข้าวเหลืออยู่ในโกดังกว่า 10 ล้านตัน เสียหายไม่น้อยกว่าครึ่ง ทำให้ขายข้าวไม่ออก ไม่มีเงินมาใช้หนี้ และหนี้ที่เป็นอยู่ก็สะเปสะปะ งบประมาณมีไม่พอ ต้องทยอยใช้อย่างน้อยอีก 20 ปี จึงต้องบริหารใช้หนี้ให้ชัดเจน โดยรวมเป็นก้อนเดียวและจัดงบประมาณมาชำระหนี้ระยะยาว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี