‘ปู’โวยถูกจองเวรเหมือนพี่
เป่าหูสหรัฐ
ซัดรธน.จ้องล้มล้างเพื่อไทย
‘บิ๊กตู่’ตอกกลับหัดเคารพกติกา
ลั่นไม่เอาประเทศชาติไปล่าใคร
ระทึก!ปปช.จ่อสอย‘เสียบบัตร’
เมื่อวันที่ 26 มกราคม เว็บไซต์สถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้รายงานภารกิจการเดินทางมาเยือนประเทศไทยของ นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก และอุปทูต ดับเบิลยู. แพทริค เมอร์ฟี ในระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม โดยมีการเข้าพบผู้นำทางการเมืองทุกกลุ่มและตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาล รวมทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนย้อนหลังจากกรณีละเลยการปฏิบัติหน้าที่จนสร้างความเสียหายและการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
“ปู”เป่าหูสหรัฐ-โวยถูกจองเวร
ทั้งนี้ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า ตัวแทนสหรัฐได้สอบถามถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย โดยเฉพาะกรณีล่าสุดที่สนช.ลงมติถอดถอน ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เล่าให้ฟังถึงมีที่มาที่ไปและมีขบวนการอย่างไร และการที่ยังหาตัวคนผิดไม่ได้ แต่กลับมีการลงโทษกับคนกำกับนโยบายแล้ว ซึ่งถือเป็นกระบวนการถอดถอนที่สังคมโลกยอมรับไม่ได้
แฉเขียนรธน.จ้องล้มล้างพท.
นอกจากนี้ ฝ่ายสหรัฐยังได้สอบถามถึงการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงตอบไปว่าการเขียนกติกาใหม่ชัดเจนว่า เขาต้องการล้มล้างพรรคเพื่อไทย (พท.) อย่างที่เคยทำมาตลอด ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงมีชะตากรรมไม่ต่างจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายเหมือนลอกแบบกันมา ต่อไปก็จะมีเหตุการณ์ทำนองว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องรับผิดชอบชดใช้ประเด็นนั้นประเด็นนี้ตามมา
อ้างสหรัฐห่วงปชต.ไทย
นายสุรพงษ์ ยังกล่าวด้วยว่า สหรัฐแสดงความเป็นห่วงสิ่งที่เกิดขึ้น อดีตนายกฯที่มาจากการเลือกตั้งต้องโดนถอดถอนจากคนที่มาจากการแต่งตั้ง ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย เรื่องนี้จะส่งผลกระทบแน่นอน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นการลงทุน ต่างชาติไม่กล้าคบค้าสมาคมด้วย เพราะถ้าเกิดปัญหาขึ้น อาจไม่ได้รับความเป็นธรรม และยังบอกด้วยว่าความสัมพันธ์กับประเทศไทยจะดีขึ้นก็ต่อเมื่อเรามีประชาธิปไตยที่แท้จริง เป็นมาตรฐานสากลของโลก ขณะเดียวกัน สหรัฐได้สอบถามถึงการเลือกตั้งด้วยว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตนจึงบอกไปว่าคงต้องรอให้เขาเขียนกติกาใหม่ที่มั่นใจว่าตัวเองจะชนะ ถึงมีการเลือกตั้ง แต่ถ้าเขียนออกมาแล้วประชาชนไม่ยอมรับก็เหนื่อยหน่อย เรื่องรัฐธรรมนูญที่ร่างกันอยู่ เราก็ให้ความเห็นไปว่าเขียนกันเรียบร้อยแล้ว ที่ทำกันอยู่ว่าไปรับฟังความเห็นที่โน่นที่นี่ล้วนเป็นการจัดฉาก เล่นลิเกเท่านั้น
“มาร์ค”แจงโรดแมปร่างรธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากนั้นคณะของ นายแดเนียล ได้เดินทางเข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อรับฟังความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศไทย โดย นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยหลังหารือว่า สิ่งที่รัฐบาลสหรัฐอยากรู้คือแนวทางที่รัฐบาลไทยจะนำไปสู่โรดแมปที่ประกาศไว้ ซึ่ง นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงไปว่าร่างรัฐธรรมนูญของไทยน่าจะยกร่างเสร็จเดือนเมษายน-พฤษภาคม และจะเสร็จทั้งกระบวนการคงเป็นช่วงเดือนกันยายน ส่วนจะทำประชามติหรือไม่รัฐบาลยังไม่มีท่าทีชัดเจน แต่พรรคเห็นว่า ถ้าทำประชามติก็จะสร้างความยอมรับในรัฐธรรมนูญใหม่มากขึ้น และการเลือกตั้งครั้งต่อไป ก็ต้องแก้ปัญหาเดิมๆ ที่เคยเกิดในอดีต คือ เรื่องคอร์รัปชั่น ใช้อำนาจมิชอบ ซึ่งทางนายแดเนียลก็มีท่าทีมองไปข้างหน้า ไม่ได้พูดถึงเรื่องในอดีตแต่อย่างใด
บิ๊กตู่ชี้สหรัฐเดินสายไม่เกี่ยวคดีปู
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้าที่ นายแดเนียล จะเดินทางเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และ นายอภิสิทธิ์ นั้น ยังได้เดินทางเข้าพบตัวแทนฝ่ายรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายแดเนียล ได้เข้าหารือกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งเป็นการหารือในเรื่องทั่วไป ไม่เกี่ยวกับกรณีสนช.ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงขอร้องว่าอย่าเอามาพันกัน เท่าที่ทราบเอกอัครราชทูตสหรัฐ จะเดินทางมาประจำประเทศไทยในเดือนหน้า จึงมีการมาติดตามสถานการณ์ ซึ่งเราก็ถือโอกาสชี้แจงว่า ปัญหาอยู่ที่ไหน พัฒนาการไปถึงไหน เช่น การแก้ปัญหาค้ามนุษย์ ประมง ส่วนกระบวนการประชาธิปไตยกำลังเดินหน้าอยู่ รวมทั้งการเตรียมเลือกตั้ง การร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนที่เป็นจังหวะเดียวกับการถอดถอนนั้น สื่ออย่าไปวิเคราะห์และคิดไปเอง สหรัฐจะมาช่วงไหนเป็นเรื่องของเขา เราจะไปไหนก็เป็นเรื่องของเรา ทำไมต้องเอามาพันกัน
ชี้เรื่องปกติไม่เข้าพบนายกฯ
เมื่อถามว่า มีการติดต่อมาพบนายกฯบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “เขาจะมาพบผมทำไม เขาไม่พบผมเพราะเขาก็รู้อยู่ว่าผมมาอย่างไร การเมืองก็คือการเมือง ด้านเศรษฐกิจเขาก็มีการค้ากับเรา ฝึกร่วมรบก็ยังฝึกกับเรา เขาแยกแยะออกจากกัน แต่เรายังเอาหลายเรื่องมารวมกันอยู่เลย วันนี้หลายประเทศก็ยังค้าขายกับเราปกติ ประเทศที่ต่อต้านเรา ไม่เห็นชอบกับเรา แต่ก็ยังค้าขายกับเราได้”
เมื่อถามต่อว่า ผู้แทนสหรัฐได้พบกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ด้วย พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า เป็นเรื่องของเขา เขามีสิทธิจะพบ เขาต้องรู้ว่าต้องทำอย่างไร เราไม่ได้ไปห้าม เพียงแต่ตนขอร้องว่าอย่าไปเขียนว่าสิ่งที่ทำวันนี้เพื่อจะไปไล่ล่าอดีตนายกฯ มันไม่ใช่ ตนยืนยันอีกครั้งว่าเราทำเพื่อขับเคลื่อนประเทศ
ยันคสช.ไม่ได้จ้องจับใครติดคุก
พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำด้วยว่า การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาควบคุมอำนาจนั้น ไม่ได้ยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มีอำนาจเต็ม ต้องเข้าใจว่าช่วงนั้นบริหารงานไม่ได้ งบประมาณก็ใช้ไม่ได้ ถ้าตนไม่ออกมาแล้วเกิดรัฐบาลที่แล้วต้องออกไปอีก พรรคการเมืองเข้ามา รัฐบาลชุดที่แล้วจะประท้วงหรือไม่ ก็เหมือนเดิม แล้วจะปล่อยให้กลับไปกลับมาอย่างนั้นหรือ เราต้องไปปิดสถานการณ์ตรงนี้ให้ได้ เหมือนหยุดเลือดที่ไหลอยู่ ทำให้ประเทศเดินต่อไปได้ ทำให้คดีความและเรื่องที่ติดขัดเดินต่อไปได้
“เราไม่ได้เข้ามาเพื่อจับใครติดคุกหรือลงโทษ ทุกอย่างให้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ถ้าไม่ทำผิดก็ไม่ติดคุกไม่ถูกดำเนินคดี ประเทศนี้ไม่ใช่จะเอากฎหมายมาไล่ล่าด้วยคดีการเมือง การเมืองก็คือการถอดถอน ความผิดคือการรับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบถึงเรียกว่าคดีการเมือง สองคือคดีอาญาก็ต้องไปดูเรื่องการทุจริตต้องแยกกันให้ออก ถ้าแยกไม่ออกก็ยังเป็นอยู่แบบนี้ อยากให้เข้าใจกันสักที ผมไม่ได้ไล่ล่า ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ไม่ได้รักใครพิเศษ หรือเกลียดใครพิเศษ”นายกฯกล่าว
ลั่นไม่ใช้ประเทศชาติไล่ล่าใคร
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายแสดงความเป็นห่วงสถานการณ์การเมืองที่อาจเกิดความวุ่นวายหลัง สนช. มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ไม่ห่วงทุกคนต้องเข้าใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามกติกาและกฎหมาย และขอร้องสื่ออย่าไปเขียนว่าเป็นการไปไล่ล่าใคร อย่าลงทุนกันมากขนาดนั้นเลย ไม่ได้ต้องการไปไล่ล่าใครเป็นกรณีพิเศษแล้วต้องใช้ประเทศทั้งประเทศหรือประชาชนทั้งประเทศมาต่อสู้กัน ตนคงไม่ลงทุนขนาดนั้น ทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน กฎหมายว่าอย่างไร ถ้าทำไม่ได้ก็คือไม่ได้ อะไรทำได้ก็ทำ
ไม่จำเป็นต้องติดต่อ“ยิ่งลักษณ์”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ติดต่อมาบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ปฏิเสธว่า ไม่มีการติดต่อ เขาจะติดต่อมาเรื่องอะไร ยืนยันว่าไม่มีการโทรศัพท์มาพูดคุยหรือติดต่ออะไรมาทั้งนั้น
ถามต่อว่าช่วงนี้ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะขออนุญาตเเดินทางไปต่างประเทศได้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่าเรื่องนี้ต้องถามกระบวนการยุติธรรมก่อนจะว่าอย่างไร ปกติการจะห้ามคนเดินทางไปไหนมาไหนต้องใช้กฎหมาย ไม่ใช่อะไรก็จะถามคสช.ฝ่ายเดียว วันนี้ต้องถามฝ่ายกฎหมายว่าอย่างไร มีความผิดแล้วหรือยัง
เมื่อถามอีกว่าถ้าขั้นตอนกฎหมายไม่มีข้อห้ามก็มีสิทธิเดินทางไปต่างประเทศใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้ายังไม่ห้าม ก็ต้องมาดูว่าวันนี้ยังอยู่ในกระบวนการต่อสู้หรือไม่ วันนี้เรื่องการถอดถอนจากตำแหน่งเป็นเรื่องคดีทางการเมือง และยืนยันว่าไม่กระทบการปรองดอง ต้องแยกกันว่าอะไรคือการสร้งความปรองดอง อะไรคือคดีความทางกฎหมาย
ย้ำทุกคนต้องยอมรับกติกา
“ทุกคนต้องยอมรับกติกา ถ้าไม่ยอมทุกอย่างก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม ผมเคยบอกแล้วว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรให้เกิดปัญหา ไม่มีเรื่องเกิดขึ้นก็ไม่ต้องเข้ากระบวนการ ทุกคนก็ต้องเคารพเมื่อตัดสินอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น วันนี้สนช.ทำงานแทนสภา ก่อนหน้านี้ใช้สภาเป็นที่ถอดถอนไม่ใช่หรือ ถ้าจะบอกว่าสภานี้ไม่ได้รับการเลือกตั้งมา แต่สนช.เป็นของรัฐบาลนี้ ซึ่งเป็นรัฐบาลในวาระพิเศษ ทำหน้าที่แทนรัฐบาลจริง เมื่อแต่งตั้งสนช.ขึ้นมาก็ต้องทำงาน และสมาชิกที่อยู่ในสนช.ก็ไม่ใช่พวกผม ไม่ได้คัดมาเพราะพวกผม แต่คัดมาด้วยคุณสมบัติและความเหมาะสม เพียงแต่ต้องมีทหารและข้าราชการอื่นเข้ามาด้วย และการตัดสินก็เป็นไปตามกระบวนการและวิจารณญานของเขา ขึ้นอยู่กับการชี้แจงและการตอบคำถาม ถ้าไม่ผิดก็คือไม่ผิดจะไปสั่งอะไรเขาได้ ผมไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ไปไล่ล่าฆ่าฟันใคร”นายกฯกล่าว และย้ำว่า วันนี้เราต้องการความสงบสุขเรียบร้อยในบ้านเมือง ดังนั้น ไม่ว่าใครก็ออกมาเคลื่อนไหวไม่ได้ ไม่ใช่เฉพาะเรื่องคดีถอดถอน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น
ผบ.ทบ.ย้ำสถานการณ์ยังปกติ
ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)กล่าวถึงสถานการณ์หลังสนช.มีมติถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ไม่มีสถานการณ์ที่น่าหนักใจ ทุกอย่างถือว่าเรียบร้อยดี ส่วนการพิจารณาถอดถอนเป็นไปตามขั้นตอนและผ่านพ้นไปแล้ว ไม่มีผลกระทบ ทุกคนเข้าใจดี และคนส่วนใหญ่ต้องให้ความร่วมมือให้อยู่ในกรอบ เพื่อเกิดความเรียบร้อย
ผบ.ทบ.ยังปฎิเสธเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การลงมติถอนถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นความพยายามขจัดตระกูลชินวัตร ให้พ้นทางการเมือง พร้อมยืนยันว่าเป็นเรื่องของสนช.ที่ฟังเหตุผลและใช้วิจารณญาณตัดสินใจ ถ้าต้องดำเนินการต่อหรือสู้คดีก็เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย
ตบปาก“โอ๊ค”แสดงออกในกรอบ
ส่วนกรณี นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า อยากให้ระมัดระวังและขอให้ใช้วิจารณญาณในการแสดงความคิดเห็นใดๆก็ตาม หากก่อให้เกิดปัญหาตามมาก็ไม่ควรทำ ขอให้แสดงออกอย่างพอเหมาะพอควรอยู่ในกรอบ ขอให้ปฏิบัติตามนี้
“สิ่งใดที่เราพอรับได้ก็จะไม่ดำเนินการ แต่ผมฝากบอกว่า ถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เป็นไปตามโรดแมป คสช. ผมขอให้ช่วยกันแสดงความคิดเห็นอย่างระมัดระวัง ขอให้ช่วยกันรักชาติบ้านเมืองให้มากๆ” พล.อ.อุดมเดช กล่าว และว่า สำหรับการเดินทางออกนอกประเทศของน.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น ขั้นตอนการขออนุญาตยังเป็นไปตามเงื่อนไขเดิม
แม่ทัพภาค1เชิญ“สิงห์ทอง”เข้าพบ
วันเดียวกัน มีรายงานว่า นายทหารของกองทัพภาคที่ 1 โทรศัพท์ประสานเชิญตัว นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) เข้าพบพล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่กองทัพภาค 1 วันที่ 27 มกราคม เวลา 11.00 น. โดยนายสิงห์ทองเปิดเผยว่า ยังไม่ทราบว่าถูกเชิญตัวไปพบด้วยเรื่องใด ได้สอบถามไปแล้วแต่ผู้ที่โทรมาเชิญบอกเพียงว่าให้ไปคุยกับนาย แต่คิดว่าคงเพราะโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในประเด็นที่กองทัพขอความร่วมมือไม่ให้น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงข่าวภายหลังจากที่สนช.มีการลงมติถอดถอน
จ่อชี้มูลเสียบบัตรแทนกันคลิปมัดชัด
มีความเคลื่อนไหวในส่วนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีการพิจารณาสำนวนคดีส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญที่มาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มิชอบ โดยแหล่งข่าวจากป.ป.ช.เปิดเผยว่า หลังคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้คณะกรรมการป.ป.ช.ทั้งองค์คณะรับผิดชอบไต่สวนสำนวนคดีอาญา กรณีอดีตส.ส.เสียบบัตรแทนกัน มอบหมายเจ้าหน้าที่คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงไปรวบรวมพยานหลักฐาน จนถึงขณะนี้รวบรวมหลักฐานเบื้องต้นได้สมบูรณ์เรียบร้อย พร้อมสรุปรายงานที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาว่า พยานหลักฐานเพียงพอแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ คาดว่าจะเสนอเข้าที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.วันที่ 27 มกราคมพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาแก่อดีตส.ส.ที่มีความผิดในการเสียบบัตรแทนกัน ข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยพยานบุคคลยืนยันชัดเจนจากการดูคลิปเหตุการณ์ที่มีการเสียบบัตรแทนกันดังกล่าวจริง มีบุคคลที่เกี่ยวข้องอยู่ด้วย
“ในคลิปเห็นชัดว่าใครเป็นคนเสียบบัตร ใครเป็นคนเอาบัตรจำนวนหลายใบมายื่นให้ ก็ต้องรอผลที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ว่าจะมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่”แหล่งข่าวระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี