แจกตำบลล่ะล้าน!
ครม.หว่านแก้แล้ง58จว.
ปรับอ่วมชาวนาปิดถนน
เมื่อวันที่ 27 มกราคม เวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเรื่องการแก้ปัญหาภัยแล้ง ซึ่งการประชุมครั้งนี้ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง จัดทำแผนงานที่ได้รับการอนุมัติวงเงินกว่า 3 พันล้านบาทแล้ว โดยมอบให้กลุ่มคนในพื้นที่ทำนาปรังและพื้นที่แล้งซ้ำซาก รวมถึงมาตรการที่มีการสร้างอาชีพ และรายได้ให้เกษตรกร โดยการมอบเงินกองทุนไร่ละ 1,000 บาทด้วย นอกจากนี้ ยังมีมาตรการให้กู้เงิน แต่หากกู้ไม่ได้ก็จะชะลอการชำระหนี้ไปก่อน ซึ่งเป็นแนวทางแก้ปัญหาที่บรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวนาเกษตกรระดับหนึ่ง แต่หากจะให้พอใจทั้งหมดคงยาก เพราะต้องใช้จำนวนเงินสูงมาก
แจกตำบลละล้านแก้แล้ง58จว.
ด้าน นายอำนวย ปะติเส รมช.เกษตรฯ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์การเข้าโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง เดือนพฤศจิกายน 2557-30 เมษายน2558 วงเงิน 3,565 ล้านบาท โดยขอจากงบกลางของรัฐบาล เพื่อจัดให้แก่ชุมชนท้องถิ่นที่ประสบปัญหาภัยแล้งซ้ำซาก ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบแล้ง ปี 2557/2558 พื้นที่ 3,052 ตำบล ใน 58 จังหวัด เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยแล้ง ระยะที่ 2 โดยจะจัดเงินให้กับชุมชนโดยตรงตำบลละ 1 ล้านบาท เพื่อให้องค์กรท้องถิ่นบริหารกันเองตามความต้องการจริง ซึ่งหลักการสำคัญของโครงการ มีประมาณ 10 ข้อ อาทิ โครงการก่อสร้างพื้นฐานทางการเกษตร และสัดส่วนการจ้างงานในชุมชนเป็นหลักไม่น้อยกว่า 30% ของงบที่ได้รับ โดยจะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับโครงการที่ใช้เงินจากที่ได้จากหน่วยงานอื่น และต้องใช้แรงงานในท้องถิ่นไม่น้อยกว่า30% โดยการเบิกจ่ายจะผ่านทางธนาคารของรัฐในท้องถิ่น
ผู้เลี้ยงปลาปล่อยกระชังทิ้งร้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งเริ่มทวีความรุนแรงในหลายพื้นที่แล้ว อาทิ ที่ จ.บุรีรัมย์ น้ำในแม่น้ำมูลที่ บ้านคุ้มประมง ต.สตึก อ.สตึก ที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค ทำการเกษตรและประกอบอาชีพเลี้ยงปลาในกระชัง ปัจจุบันมีสภาพตื้นเขินจนมองเห็นตอม่อสะพานโผล่ เข้าขั้นวิกฤตสุดในรอบหลายสิบปี ส่งผลกระทบกับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากระชังในเขตพื้นที่ บ้านคุ้มประมง อ.สตึก ที่มีอยู่กว่า 70-80 ราย ประสบปัญหาในการประกอบอาชีพ ต้องปล่อยกระชังทิ้งร้างไปแล้วกว่า 20 กระชัง เนื่องจากความแห้งแล้งที่มาเร็วกว่าทุกปี ทำให้ประสบปัญหาน้ำไม่ไหลเวียน เน่าเสีย เป็นกรดก๊าซทำให้ปลาที่เลี้ยงไว้ไม่กินอาหาร และเริ่มทยอยน็อกตาย เสี่ยงกับปัญหาขาดทุน
สันดอนทรายโผล่กลางแม่น้ำโขง
ส่วนที่บริเวณกลางลำน้ำโขง จุดผ่อนปรน อ.ท่าอุเทนและเมืองหินบูน สปป.ลาว หลังจากระดับแม่น้ำโขงลดลงในช่วงหน้าแล้งอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดสันดอนทรายเป็นบริเวณกว้างกลางแม่น้ำ เริ่มส่งผลกระทบต่อการเดินเรือขนส่งสินค้าชาวไทย-ลาว ที่มีการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้ากัน มีเงินหมุนเวียนสะพัดเดือนละหลายล้านบาท ปัจจุบันหลังน้ำโขงแห้ง กระทบต่อการเดินเรือ ซึ่งจะทำให้ระยะทางเดินเรือไกลขึ้นเท่าตัว ต้องมีต้นทุนสูง รวมถึงบรรทุกสินค้าน้อยลง ทำให้อาจจะต้องมีการจัดหาพื้นที่ใกล้เคียง ในการชั่วคราว ในการขนส่งสินค้าชายแดน ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
คนเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งอ่างทอง สูบน้ำบาดาลลงนาสู้เลี้ยงเป็ดหลังภาวะแล้ง
เลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งจ่ายค่าสูบน้ำอ่วม
ส่วนที่ จ.อ่างทอง คนเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง บริเวณหมู่ 8 ต.องค์รักษ์ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ได้ทำการสูบน้ำจากบ่อบาดาลลงทุ่งนาเพื่อทำการเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งให้หากินในนาข้าวที่เก็บเกี่ยวแล้ว ซึ่ง นางยุพิณ จำเนียร อายุ 45 ปี บ้านเลขที่ 173/2 หมู่8 ต.องครักษ์ เจ้าของฝูงเป็ดไล่ทุ่ง เปิดเผยว่า หลังชลประทานหยุดจ่ายน้ำทำนาและคลองธรรมชาติได้แห้งขอด ทำให้ตนประสบปัญหาในการเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งที่มีอยู่ประมาณ 5,000 ตัวแยกเป็นเป็นใหญ่ที่ไข่แล้วจำนวน 2,000 ตัวและเป็นเล็กที่กำลังเจริญเติบโต 3,000 ตัวเนื่องจากอากาศที่ร้อนและไม่มีแหล่งน้ำทำให้เป็ดที่ไข่นั้นลดปริมาณลงกว่าครึ่ง ส่วนเป็ดเล็กก็เจริญเติบโตช้าและมีตายลงวันละ 2-3 ตัวเนื่องจากอากาศร้อน ตนจึงได้นำเครื่องมาสูบน้ำมาสูบน้ำจากบ่อบาดาลจำนวน 2 เครื่อง เสียค่าน้ำมันวันละ 300-400 บาท
ปรับชาวนาปิดถนนคนละ5พัน
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณาที่ 4 ศาลจังหวัดราชบุรี ได้พิจารณาคดีที่ชาวนาใน จ.ราชบุรี รวมตัวกันปิดถนนสายพระราม 2 ที่บริเวณหน้าตู้ยามตำรวจทางหลวงวังมะนาว ต.วังมะนาว อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เพื่อประท้วงเรียกร้องเงินโครงการจ่ายเงินจำนำข้าวของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 1-7 กุมภาพันธ์ 2557 เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินคดีกับผู้ที่นำรถและเต๊นท์มาขวางถนนจำนวน 3 ราย ประกอบด้วย นายประยงค์ คล้ายศิริ อายุ 48 ปี นายโชคชัย เกตุแก้ว อายุ 44 ปี และนางละเอียด โตกลึง อายุ 47 ปี ทั้งหมดเป็นชาวนาใน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี และคดีเข้าสู่ชั้นศาลพิจารณา ข้อหาร่วมกันกระทำความผิดปิดกั้นทางหลวงทางสาธารณะโดยการวางวัตถุหรือนำสิ่งใดมาขวางทางบนทางหลวง โดยศาลได้ตัดสินปรับคนละ 10,000 บาท แต่ยอมรับสารภาพลดให้กึ่งหนึ่ง จึงเหลือคนละ 5,000 บาท ไม่มีการรอลงอาญา ซึ่งหลังจากเสียค่าปรับแล้ว ศาลได้ปล่อยตัวออกมา
ขณะที่ ชาวนาทั้งสามราย ได้ขอขอบคุณศาลที่ปราณี ขอบคุณสภาทนายความ ที่ส่งทนายความมาช่วยดูแล นึกถึงชาวนาที่ทำความผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่เป็นแบบนี้เพราะเกิดความเดือดร้อน เรายอมรับผิดทุกอย่าง ผิดก็ว่ากันไปตามผิด แต่ทั้งนี้เราไปเรียกร้องสิทธิ์กับรัฐบาลที่แล้ว เรารับผิดแล้วเราทำตามกฏหมายหมายทุกอย่าง แล้วทางรัฐบาลนั้นจะให้อะไรกับชาวนาบ้าง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี