28 ม.ค.58 ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า วันนี้ถือเป็นการประชุมครั้งแรกในการจัดตั้งกระบวนการพูดคุยสันติสุขอย่างเป็นทางการ ซึ่งเราได้มีการปรับปรุงแนวทางการแก้ไขปัญหา ภายหลังวันที่ 22 พ.ค.57 เป็นต้นมา เพื่อให้กระบวนการพูดคุยเป็นไปตามขั้นตอนหรือหลักการสากล ซึ่งเราจำเป็นต้องสร้างความรับรู้กับต่างประเทศให้เห็นถึงการแก้ไขปัญหา และปัญหานี้เป็นปัญหาภายในของเราเอง เป็นความเห็นต่างของประชาชนในประเทศของเรากันเอง โดยเฉพาะเป็นประชาชนที่นับถือศาสนาพุทธและศาสนาอิสลาม ดังนั้น อาจจะมีความละเอียดอ่อนมากพอสมควร ในการแก้ปัญหาเหล่านี้
ทั้งนี้ หลังจากวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา เราได้มีการจัดระเบียบแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้ โดยแก้ที่ พ.ร.บ.2 ฉบับ จาก พ.ร.บ.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ พ.ร.บ.กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นการปรับกระบวนการแก้ไขปัญหาภาคใต้ใหม่ มีการขับเคลื่อนโดยคณะกรรมการขับเคลื่อน และในส่วนของรัฐบาลจะดำเนินการระดับนโยบายให้ชัดเจนขึ้น โดยนำยุทธศาสตร์เดิมข้อหนึ่งมาแสวงหาทางออกอย่างสันติวิธี จึงจำเป็นต้องมีการพูดคุยหารือเพื่อสร้างความรับรู้ต่างประเทศ ว่าเราแก้ปัญหาอย่างไร ไม่ได้มีการใช้กำลังทหารในการปราบปราม แต่เป็นการใช้กฎหมายกับผู้ใช้ความรุนแรงและผู้ที่ทำร้ายประชาชนที่บริสุทธิ์ ไม่เช่นนั้นเราจะไม่ได้รับความเข้าใจจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) หรือองค์กรต่างๆ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาหลังจากมีการปรับรูปแบบในการอำนวยการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ทั้ง ศอ.บต.และ กอ.รมน.มาร่วมกันทำงานภายใต้รัฐบาล และเอาแผนงานโครงการต่างๆ การบังคับใช้กฎหมาย การพัฒนา มาร่วมกันบริหาร และลงไปทางเดียวกัน ทำให้การแก้ปัญหาไปสู่รูปแบบที่ชัดเจนขึ้น ที่ผ่านมาอาจจะแยกกันทำ ซึ่งรัฐบาลที่แล้วเน้นหนักเรื่องการพัฒนา ส่วนเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมอบให้ทางทหาร ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ฉะนั้นวันนี้ทั้งสองส่วนจะต้องมาทำงานด้วยกัน
นายกฯ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมในครั้งนี้ได้มีการหารือ 3 ขั้นตอน โดยขั้นตอนที่ 1.เป็นเรื่องเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องมีการพูดคุย เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ ทั้งในส่วนของ สมช.แนวทางของ คสช.และรัฐบาลในปัจจุบัน ต้องแก้ปัญหาให้ยุติโดยเร็ว เพราะเราต้องเตรียมการไปสู่ประชาคมอาเซียน และเป็นความเดือดร้อน สูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน สร้างความตื่นตระหนกต่อประชาชนคนไทยโดยรวม มีผลเสียต่อการบริหารประเทศชาติเป็นอย่างมาก และถือเป็นวาระแห่งชาติ
ฉะนั้น การพูดคุยของ สมช.ในวันนี้ ได้กำหนดการพูดคุยไว้เป็น 3 ระดับ 1.ระดับนโยบาย นายกฯ เป็นหัวหน้า เลขาฯ สมช.เป็นเลขาฯ ของคณะใหญ่ระดับนโยบาย 2.คณะขับเคลื่อน พล.อ.อักษรา เกิดผล เป็นหัวหน้าทีมพูดคุย ซึ่งส่วนนี้จะประกอบไปด้วยเรื่องของกฎหมาย การพัฒนา และ กอ.รมน.ซึ่งจะมีรายชื่อชัดเจนออกมาอีกที และ 3.เป็นส่วนของพื้นที่ให้ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า โดยแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นคนขับเคลื่อน โดยทั้งหมดจะต้องเดินตามกรอบนโยบายที่สั่งการลงไป
"การพูดคุยจะต้องสร้างความไว้วางใจ โดยให้ทางมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการหากลุ่มต่างๆ ที่เห็นต่าง อย่าไปเรียกชื่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่ได้ คนที่มาทำอะไรนี้เป็นคนไทยทั้งนั้น ฉะนั้นขอให้ใช้คำว่าผู้เห็นต่างหลายกลุ่มแล้วกัน อย่าไปให้เครดิตใครทั้งสิ้น มันเป็นเรื่องของภายในประเทศ อย่าไปเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้อง ซึ่งตรงนี้เป็นการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ต้องหาคนที่ต้องการจะยุติความรุนแรงให้ได้อย่างแท้จริง หมายความว่ากลุ่มไหนก็ตามต้องมา จะแยกพวกกันไม่ได้ จะแยกเป็นฝ่ายทหาร ฝ่ายการเมืองไม่ได้ ต้องไปรวมกันให้ได้ อันนี้เป็นหน้าที่ของทางมาเลเซีย ซึ่งเขาก็รับปากว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ให้ เมื่อหามาได้แล้วก็ต้องพูดคุยกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ จะลดความรุนแรงตรงนั้นตรงนี้ได้ก่อนไหม เอาเล็กๆ ไปก่อน หยุดการใช้ระเบิดได้ไหม เพื่อให้ชัดเจนว่าใช่หรือไม่ ถ้าจะพูดเหมารวมไปทั้งหมดอย่างที่ผ่านมาคงไม่ได้ เขาก็ใช้ความรุนแรงมากดดันเราอยู่เรื่อยๆ ฉะนั้นตรงนี้ที่อยู่ในขั้นตอนที่หนึ่งต้องรีบทำ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เมื่อชัดเจนว่ามาครบทุกพวกทุกกลุ่มแล้ว และทุกคนมีความเห็นชอบร่วมกันว่าจะยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น และนำปัญหาต่างๆมาแก้ไขในระยะต่อไปก็เข้าไปสู่ขั้นตอนที่ 2 ของการพูดคุย คือการลงสัตยาบัน เป็นการลงสัตยาบันธรรมดา ที่เป็นลักษณะของข้อตกลงว่าจะยุติความรุนแรง แสวงหาทางออกร่วมกันด้วยสันติวิธี กำหนดโรดแมปการดำเนินการในแต่ละเรื่อง ซึ่งครั้งที่แล้วสองส่วนไปทำทีเดียว มีการเซ็นลงนามมันไม่ใช่ มันทำไม่ได้ เพราะทุกฝ่ายไม่ได้เห็นร่วมกัน
ทั้งนี้ เมื่อเริ่มลงสัตยาบันได้ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนที่ 3 คือการเดินตามโรดแมป ซึ่งกำหนดขั้นต้นไว้คือ 1.ยุติความรุนแรงและจะดูแลคนเหล่านี้อย่างไร 2.เรื่องกฎหมายกระบวนการยุติธรรม ที่มีการเรียกร้องต่างๆ ซึ่งเราก็รับฟังมาก่อน และจะนำมาหารืออีกที 3.เรื่องการพัฒนาลดความเหลื่อมล้ำ และ 4.เรื่องของอัตลักษณ์ ประเพณี วัฒนธรรม ที่ต้องมาพูดคุยกัน
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกที่ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งอาจจะมีหลายปัญหา รวมถึงเรื่องกฎหมายอิสลาม ตนได้รวบมาทั้งหมดเพื่อตั้งเป็นหัวข้อ เพื่อเดินตามโรดแมปเป็นเรื่องๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี