ศาลสั่งคุก‘ตู่-จตุพร’
หมิ่นมาร์ค‘ฆาตกร’
อ่วม2ปีไม่รออาญา
ดิ้นพล่านวาง2แสน
ยื่นสู้คดีชั้นอุทธรณ์
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 28 มกราคม ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดี อ.4176/2552 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท จากกรณี นายจตุพร ขึ้นเวทีชุมนุมกลุ่มเสื้อแดงเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม และ 17 ตุลาคม 2552 ปราศัยกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ประวิงเวลาในการทำความเห็นเสนอต่อสำนักราชเลขาธิการเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตามที่กลุ่มเสื้อแดงร่วมกันลงชื่อถวายฎีกา รวมทั้งกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ ในทำนองเป็นฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนระหว่างการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง ซึ่งในชั้นการพิจารณา จำเลยได้ให้การปฏิเสธ
ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้วเห็นว่า กรณีการเสนอความเห็นเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษจะต้องกระทำตามขั้นตอน โดยผ่านการเสนอความเห็นจากกรมราชทัณฑ์ รมว.ยุติธรรม และนายกรัฐมนตรี ก่อนเสนอไปยังสำนักราชเลขาธิการ ซึ่งจำเลยไม่สามารถนำสืบให้เห็นได้ว่า โจทก์มีเจตนาประวิงเวลาดำเนินการดังกล่าวให้ล่าช้าออกไป อีกทั้งจำเลยก็เป็นนักการเมืองย่อมรู้ขั้นตอนการดำเนินการ แต่กลับปราศรัยถึงโจทก์ในลักษณะโดยปิดบังขั้นตอนดำเนินการ ทำให้ประชาชนเข้าใจผิด เชื่อว่า โจทก์ทำการยึดพระราชอำนาจ ทั้งที่ไม่มีบุคคลใดจะกระทำเช่นนั้นได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการติชมเพื่อความเป็นธรรม แต่เป็นการทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย
ส่วนการปราศรัยกล่าวหาโจทก์ทำนองว่า เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชนนั้น ศาลเห็นว่า ตามคำเบิกความโจทก์ ยืนยันว่าในช่วงที่มีการชุมนุมไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ แต่เน้นหลักการประนีประนอมและกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดำเนินการตามขั้นตอน ขณะที่ถ้อยคำซึ่งจำเลยกล่าวปราศรัย เป็นการประมวลเหตุการณ์ต่างๆ เองโดยไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบยืนยัน ขณะที่คลิปเสียงที่จำเลยอ้างว่า เป็นเสียงของโจทก์ ที่กล่าวในช่วงที่มีการชุมนุม ก็มีการตรวจพิสูจน์แล้วว่า เป็นคลิปเสียงตัดต่อ ขณะที่ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวปราศรัย ก็มีลักษณะยั่วยุ ปลุกปั่น ให้ประชาชนเข้าใจว่าโจทก์กระทำการดังกล่าว การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการกล่าวเพื่อปกป้องสิทธิหรือประโยชน์ของตนตามสมควร แต่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ซึ่งสร้างความเสียหายแก่โจทก์ อันเป็นการกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น
จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลยฐานหมิ่นประมาท มาตรา 328 รวม 2 กระทงๆ ละ 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยแล้วเห็นว่า นอกจากเป็นการกระทำให้โจทก์เสียหายแล้วยังได้กระทบต่อสถาบันซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชน จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ พร้อมกับให้จำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.1008/2553 ที่ได้กล่าวหมิ่นประมาทโจทก์ ซึ่งศาลมีคำพิพากษาให้จำคุก 6 เดือนและปรับ 5หมื่นบาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังคำพิพากษา นายจตุพร ได้มอบหมายให้ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 2 แสนบาท ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ต่อสู้คดี ซึ่งศาลได้อนุญาตตามคำร้องขอ โดย นายวิญญัติ กล่าวว่า จะยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อไป ซึ่งมีหลายประเด็นที่เราเห็นแตกต่างจากคำพิพากษา แต่ก็เคารพในดุลพินิจของศาล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี