'ถาวร'เสนอ6ข้อแก้ปัญหายาง วอนเปิดใจฟังอย่าทำให้ผิดหวัง
วันเสาร์ ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558, 17.54 น.
Tag :
31 ม.ค. 58 นายถาวร เสนเนียม อดีตสส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความลงยังเฟซบุ๊ค "
ส.ส. ถาวร เสนเนียมและคณะทำงานสาขาพรรค" แสดงความคิดเห็นถึงการแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางด้านการเกษตร ว่า การแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางด้านการเกษตรทุกชนิดเป็นปัญหาหนักของรัฐบาลมากกว่าปัญหาทางการเมืองเพราะเป็นความเดือดร้อนของคนทุกเสื้อสี ทุกกลุ่มการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเรื่องราคายางพาราที่ประชาชนผู้มีอาชีพทำสวนยางพาราทั่วประเทศได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก
นายถาวร ระบุว่า เริ่มจากรัฐบาลประกาศว่าจะเร่งแก้ไขให้ราคายางพารากิโลกรัมละ 60 บาท แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ หลังจากถูกกดดันจากเกษตรมากขึ้นรัฐบาลกลับให้สัญญาว่าจะทำให้ยางพารามีราคาสูงถึง 80 บาทภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2558 แม้ผมและคนอื่นๆ จะให้กำลังใจรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคายางพารา แต่ผมคาดว่ารัฐบาลทำสำเร็จยาก เพราะรัฐบาลไม่เปิดใจกว้างรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ผมและหลายฝ่ายขอเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดใจกว้างรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากกลุ่มชาวสวนยางพารา กลุ่มแรงงานผู้กรีดยางพารา กลุ่มผู้รับซื้อยางพารา กลุ่มอุตสาหกรรมยางพารา และกลุ่มผู้ส่งออกยางพาราไปขายยังต่างประเทศ แต่ที่ผ่านมารัฐบาลรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ส่งออกยางพาราและข้าราชการเท่านั้น จึงเป็นเหตุให้เเก้ไขปัญหาไม่ได้ เพราะไม่ใช่การระดมความคิดจากทุกฝ่าย มิหนำซ้ำรัฐบาลยังทำสัญญาขายยางพารา 2 แสนตันเศษให้บริษัทไห่หนาน แต่กลับไปทำสัญญาให้เสียเปรียบ เป็นเหตุให้ส่งมอบยางพาราที่ซื้อขายไม่เป็นไปตามสัญญา ซึ่งอาจมองว่าเป็นการทุจริตหรือไม่ก็มือไม่ถึง ที่สำคัญมีการตรวจพบการทุจริตในการสต็อกยางในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อรัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศกลับเพิกเฉยมิได้ดำเนินการใดๆ กลับเก็บเงียบ เพราะเจ้าหน้าที่ที่ร่วมกันทุจริตในรัฐบาลนั้น ก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลนี้ จึงเป็นการไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาการทุจริตและปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน
"ในวันที่ 21 และวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมารัฐบาลจัดประชุมผู้ส่งออกยางพารา แต่ขาดฝ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหายางพารา การระดมสมอง การแก้ไขปัญหาจึงไม่สมบูรณ์ครบถ้วนจากทุกฝ่าย ผมจึงขอเสนอแนะเรียกร้องไปยังรัฐบาล ดังนี้ 1. ยกเลิกสัญญาที่ขายยางที่ทำกับบริษัท ไชน่า ไห่หน่าน เพราะเป็นสัญญาที่ส่อทุจริต และขัดต่อกฎหมายรวมถึงขัดต่อความความสงบเรียบร้อย 2. เปิดเผยรายละเอียดของสัญญาที่ทำกับ บริษัท ไชน่า ไห่หนาน ให้สาธารณะชนทราบ 3. ยางที่อยู่ในสต๊อกจำนวน 2 แสนตันห้ามนำออกขายโดยเด็ดขาด 4. เก็บสต๊อกยางอีกเพิ่มอีก 3 แสนตัน ประกอบด้วยน้ำยางข้น 1 แสนตัน ยางก้อน 1 แสนตัน และยางแท่ง 1 แสนตัน และห้ามขายภายใน 5 ปี หากรัฐบาลจะขายต้องแจ้งให้ผู้สต็อกยางพาราทราบล่วงหน้าก่อน 30 วัน โดยรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบดอกเบี้ยทั้งหมด ยางจำนวน 3 แสนตันนี้รัฐบาลจะต้องชดเชยเพิ่มจากราคาตลาด กิโลกรัมละ 15 บาท ผมคาดว่าจะใช้เงินไม่เกิน 4 หมื่น 5 พันล้านบาท 5. รับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการเกี่ยวกับยางพาราให้มากขึ้น โดยการจัดประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้ประกอบการและส่งเสริมให้ผู้ประกอบการแสดงศักยภาพในทางอุตสาหกรรมออกมาอย่างเต็มที่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว 6. แก้ไขระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุ เพื่อให้นำเอายางพารามาใช้ทำถนนได้ ไม่ต้องติดล็อคจากของเดิม"
นายถาวรระบุต่อว่า สิ่งที่ได้รับจากข้อเสนอแนะดังกล่าวนั้น จะทำให้ 1. ยางจะหายไปจากท้องตลาด 3 แสนตัน 2. รัฐบาลอาจจะไม่ต้องชดเชยราคายางพาราให้กับชาวสวนยางอีกต่อไป เพราะกลไกการตลาดทำให้ราคายางสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ และเป็นช่วงฤดูปิดกรีด เพราะยางผลัดใบ 3. ในแง่จิตวิทยาราคายายางพาราจะสูงขึ้นก่อนในเบื้องต้นทำให้รัฐบาลใช้เงินน้อยลง
ที่กล่าวมาข้างต้นคือข้อเสนอของผมที่เสนอไปยังรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา ผู้รับผิดชอบในการบริหารประเทศ พลเอกประวิทย์ วงษ์สุวรรณ หม่อมอุ๋ย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายอำนวย ปะติเสทั้งหมดนี้เป็นความจริงใจที่ผมอยากเห็นรัฐบาลเปิดใจกว้างเพื่อรับฟังข้อคิดและข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย เพราะการแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจไม่ใช่เป็นการใช้อำนาจบังคับบัญชาทหารในกองพัน ที่ผ่านมาพี่น้องชาวสวนยางให้ความร่วมมือกับรัฐบาล คสช. มาตลอด ชาวสวนยางหลายคนที่มาชุมนุมต้องเสียชีวิต บางคนพิการ และหลายคนเสียสละเงินทอง เสียสละเวลา เพื่อขับไล่รัฐบาลทรราช เพื่อคาดหวังว่าใครก็ตามที่มาแก้ปัญาหาต้องรับฟังประชาชน ดังนั้นอย่าให้ประชาชนต้องผิดหวัง