เรียกถกแม่น้ำ5สาย
‘ประยุทธ์’เร่งผลงาน
กมธ.แหยงปมร้อน
ไม่กล้าแตะเลิกอปท.
ผู้ตรวจฯรับได้ยุบรวม
เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จะมีการประชุมร่วมกันของแม่น้ำ 5 สายว่า ด้วยโรดแม็พระยะที่ 2 ประกอบด้วยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ภายในสัปดาห์แรกของเดือน ก.พ.นี้ โดยในเบื้องต้นคาดว่าจะเป็นวันที่ 4 กุมภาพันธ์แต่รอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช.เป็นผู้แถลงกำหนดวัน เวลาและสถานที่ประชุมที่ชัดเจนอีกครั้ง
ทั้งนี้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ ว่า จะให้มีการประชุมแม่น้ำ 5 สาย เดือนละครั้ง สำหรับการประชุมครั้งนี้คงจะพูดคุยกันว่า การดำเนินการของแต่ละองค์กรมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง พร้อมกับแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
เล็งถกตั้งคณะทำงานร่วมรบ.-สปช.
นายสุวพันธุ์ ยังกล่าวถึงการทำงานร่วมกับระหว่างรัฐบาลกับ สปช. ซึ่งอาจมีการตั้งคณะกรรมการประสานงานร่วมกัน ว่า คงต้องรอฟังข้อมูลการประชุมแม่น้ำ 5 สายก่อนว่า การดำเนินงานของสปช.เป็นอย่างไร เพื่อที่รัฐบาลจะช่วยพิจารณาว่า จะต้องปรับส่วนใดหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้เท่าที่ตนทราบ สปช.คงจะปรับรูปแบบคณะกรรมาธิการกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ (วิป สปช.) ซึ่งตนยังไม่ทราบว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ในส่วนของรัฐบาลยังคงเป็นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรฐมนตรี และตน เป็นผู้ประสานงานกับสปช. โดยมีพูดคุยหารืออย่างต่อเนื่อง
กับฝ่ายสปช. และนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.
กมธ.เตรียมพิจารณาหมวดท้องถิ่น
ด้านนายบรรเจิด สิงคะเนติ กรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญว่า การประชุมวันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้จะเข้าสู่การพิจารณาสาระสำคัญในหมวดการปกครองท้องถิ่น (อปท.) โดยภาพรวมจะพิจารณาหลักการและสาระสำคัญ ซึ่งกรรมาธิการฯ ได้ปรับปรุงเพิ่มเติมบางส่วนในรายละเอียด แต่เนื่องจากยังไม่เข้าสู่การพิจารณาจึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายได้
ไม่แตะปมร้อนยุบรวม”อปท.”
“หลักการของหมวดนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 แต่จะปรับปรุงรายละเอียดให้ทันสมัยและสอดคล้องกับบริบทของสังคมมากขึ้น ทั้งนี้กมธ.จะไม่พูดถึงประเด็นที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันเรื่องการยุบรวมองค์การปกครองท้องถิ่น(อปท.) เพราะรัฐธรรมนูญเป็นหลักการที่เขียนเป็นแนวทางเท่านั้น คาดว่าจะพิจารณาหมวดการปกครองท้องถิ่นให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้าก่อนจะเข้าสู่การพิจารณาในส่วนของการปฎิรูปต่อไป” นายบรรเจิด กล่าว
ผู้ตรวจฯพอรับได้ยุบรวมกสม.
ในขณะที่นายศรีราชา วงศารยางกูร ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงข้อเสนอของกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญที่จะให้ผู้ตรวจการแผ่นดินควบรวมกับกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)เป็นผู้ตรวจการแผ่นดินและพิทักษ์สิทธิของประชาชนว่า ในส่วนของผู้ตรวจการฯ พอรับได้เพราะเท่าที่ดูก็ยังคงอำนาจพบกันครึ่งทางจึงคิดว่าไม่มีอะไรเสียหาย แต่เรื่องการทำงานจะดีกว่าเดิมหรือไม่ก็ต้องรอดูเพราะเหมือนกับการทดลอง ส่วนการปฏิบัติจริงจะเหมือนทฤษฏีหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราพร้อมปฏิบัติตาม
“ยะใส”ค้านตัดช่องร้องทุกข์
แต่นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์คณะนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต และผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) ออกมาคัดค้านการยุบรวมกสม.กับผู้ตรวจการแผ่นดินว่า ตนไม่เห็นด้วยเพราะจะเป็นการตัดช่องทางร้องทุกข์ของประชาชนให้แคบลง รวมถึงการตรวจสอบอำนาจรัฐจะมีความละเอียดน้อยลง แม้ว่าทั้ง 2 องค์กร จะทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนคล้ายกันในบางกรณีได้ แต่วัตถุประสงค์และเป้าหมายในการตรวจสอบข้อร้องเรียนแตกต่างกันอย่กสมางสิ้นเชิง
ชี้รูปแบบการทำงานแตกต่างกัน
“กสม.จะเน้นการตรวจสอบสอบการละเมิดสิทธิและคุ้มครองส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ส่วนผู้ตรวจการแผ่นดินจะเน้นการตรวจสอบการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ ขั้นตอนในการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนของทั้ง 2 องค์กรจึงมีรายละเอียดวิธีการที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะการละเมิดสิทธิและการใช้อำนาจมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐในระดับชาวบ้านคนยากคนจน คนชายขอบมีสถิติเพิ่มขึ้นทุกวัน การมีกลไก มีช่องทางที่หลากหลายให้ชาวบ้านพึ่งพาจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น”นายสุริยะใสกล่าว
จี้กมธ.ทบทวนมติ’ยุบรวม’
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาแม้ทั้ง 2องค์กรจะมีปัญหาในการทำงานก็ควรหาวิธีปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเขตอำนาจที่ไม่ทับซ้อนกัน ที่มาที่น่าเชื่อถือความรวดเร็วในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของประชาชน รวมทั้งอำนาจของทั้ง2 องค์กร ควรมีอำนาจผูกพันกับเจ้าหน้าที่รัฐและรัฐบาลมากกว่าที่ผ่านมา ตนจึงอยากให้ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญทบทวนมติดังกล่าว รับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย การยุบทิ้งเป็นเรื่องไม่ยาก แต่การสร้างองค์กรให้ได้รับการยอมรับนั้นเป็นเรื่องยากต้องใช้เวลา เพราะต้องมีกระบวนการทบทวนปรับปรุงพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
ปชป.ค้านตั้งกจต.การเมืองจุ้น
ส่วนนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่กมธ.ยกร่างฯเสนอให้ตั้งคณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เป็นข้าราชการประจำ จำนวน 7 คน จากหลายกระทรวง จัดการเลือกตั้งแทนคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ตนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ที่ผ่านมาต้องย้อนดูว่า อะไรเป็นข้อผิดพลาดจากการจัดการเลือกตั้งในอดีต กระทรวงเหล่านี้ไม่ใช่องค์กรอิสระเหมือนกับกกต.รัฐบาลสามารถแทรกแซงได้ง่าย เพราะฉะนั้น กกต.จึงสมควรที่เป็นผู้จัดการเลือกตั้งทั้งหมดจะดีกว่า ส่วนการจัดตั้งกจต. จะเป็นการลดภาระ กกต.นั้น ตนเห็นว่าที่ผ่านมากกต.ก็จัดการเลือกตั้งทั่วประเทศ ทั้งในระดับท้องถิ่นและในระดับประเทศมาแล้วและไม่มีปัญหาอะไร
“ปนัดดา”ไม่เห็นด้วยลต.ผู้ว่าฯ
ขณะที่มล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงข้อเสนอเรื่องให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดแทนการคัดสรร ว่า ตนไม่เห็นด้วย ซึ่งต้องขอเรียนว่าที่ไม่เห็นด้วยนี้ไม่ใช่เพราะหวงอำนาจ ไม่ใช่เพราะเป็นคนมหาดไทยเดิมแต่อย่างใด แต่เพราะประเทศของเราใช้ระบบภาษีอากรแบบแชร์ร่วมกันทั้ง 76 จังหวัด รวมกรุงเทพมหานคร และพัทยา ซึ่งภาษีนี้แต่ละจังหวัดไม่ได้ร่ำรวยเท่ากัน ถ้าเป็นจังหวัดปกครองตนเอง เลือกตั้งผู้ว่าของใครของเขา แล้วรัฐบาลข้างหน้าที่จะมีหลังการเลือกตั้งจะบริหารจังหวัดอย่างไร
ปัดหวงอำนาจแต่ให้คิดรอบคอบ
มล.ปนัดดา กล่าวว่าซึ่งที่ผ่านมาเรานำภาษีมาแชร์กัน บางจังหวัดที่ชำระสูงก็เอาไปเฉลี่ยช่วยเหลือจังหวัดที่มีรายได้น้อยกว่า ตนไม่อยากให้มองข้ามเรื่องนี้ไป เรามีรัฐบาลที่ต้องบริหารจัดการทั้ง 76 จังหวัด บวกกทม.เรื่องนี้ต้องคิดให้รอบคอบ ขอเรียนว่าตนไม่ได้ค้านแบบหัวชนฝา หรือยึดว่าตัวเป็นมหาดไทยเก่า แต่ค้านเพราะมองเห็นปัญหา ตนไม่ได้หวงอำนาจ แต่ตนมองถึงความเท่าเทียมของคนในประเทศ ระบบภูมิภาคคือระบบเสริมสร้างความเป็นหนึ่งประเทศไทยเดียวกัน บนพื้นฐานของระบบภาษีอากรที่ทุกจังหวัดร่วมกันแชร์ทั้งประเทศ เรารักจังหวัดของเราได้ แต่เราต้องรักประเทศของเรามากยิ่งกว่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี