กกต.ร่อนจม.จี้แม่น้ำ5สาย
ค้าน‘ริบดาบ’
ขอคืนใบเหลือง-แดง
อ้างนักการเมืองกลัว
กมธ.ดึง74พรรคถก
เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงถึงความคืบหน้าการยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง หมวด 7 การกระจายอำนาจและการบริหารท้องถิ่นว่า เนื้อหาการยกร่างส่วนใหญ่คงตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 หมวด14ตั้งแต่มาตรา 281-290 โดยสาระสำคัญกมธ.ยกร่างฯได้เปลี่ยนคำจาก’องค์การปกครองท้องถิ่น’มาเป็น ‘องค์กรบริหารท้องถิ่น’ ให้สอดคล้องกับการบริหารงานตามความเป็นจริงที่ต้องมีรูปแบบการบริหารที่หลากหลายเหมาะสมตามภูมิสังคมแต่ละพื้นที่ เพราะในความเป็นจริงการดูแลส่วนท้องถิ่นไม่ใช่การปกครองแต่เป็นการบริหาร ซึ่งไม่มีนัยยะสำคัญเป็นพิเศษ เพียงแค่ต้องการจะสื่อความหมายให้ชัดเจนเท่านั้น
กมธ.เชิญ74พรรคถกการเมืองใหม่
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวต่อว่า กมธ.ยกร่างฯจะจัดสัมมนาเรื่อง‘หลักการใหม่เกี่ยวกับระบอบการเมือง นักการเมืองและสถาบันการเมือง’โดยผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วยกมธ.ยกร่างฯ กมธ.ปฏิรูปการเมืองของสปช.อนุกมธ.ประสาน เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของสปช.และองค์กรอื่น ๆ สถาบันพระปกเกล้า ตัวแทนพรรคการเมืองและสื่อมวลชน ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา 2 ซึ่งกมธ.ยกร่างฯจะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองทุกฝ่ายเข้าร่วม โดยทำหนังสือเชิญทั้ง 74พรรคการเมือง แต่จะสนใจเข้าร่วมหรือไม่ก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง
บวรศักดิ์ชี้รธน.อาจเสร็จก่อนเวลา
ด้านนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯให้สัมภาษณ์วถึงการประชุมแม่น้ำ 5สาย เมื่อวันที่ 4กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาว่า ตนไม่รู้สึกกดดันกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ระบุว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญอาจเสร็จเร็วกว่ากำหนด เพราะอาจมีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถกำหนดกรอบเวลาที่แน่นอนชัดเจนได้ว่า จะจัดการเลือกตั้งได้ช่วงใด เพราะต้องดูทิศทางหลังจากร่างรัฐธรรมนูญแรกเสร็จสิ้น โดยจะเสนอให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) พิจารณา ในวันที่ 17 เมษายนนี้ขณะที่การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็จะมีความชัดเจนก่อนวันที่ 6 สิงหาคม ซึ่งจะเป็นวันสุดท้ายที่มีการปรับแก้ไขร่างฯ
กกต.แจงแม่น้ำ5สายอย่าหั่นอำนาจ
วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงผู้นำแม่น้ำ 5 สาย ประกอบด้วยหัวหน้า คสช.ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คณะรัฐมนตรี(ครม.) ประธานกมธ.ยกร่างฯ สมาชิกสนช.สมาชิก สปช.และสื่อมวลชน รวม 3ประเด็น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากรณีกมธ.ยกร่างฯมีมติลดทอนอำนาจของ กกต.ประกอบด้วย
ให้’กจต.’จัดกาบัตรอาจไม่โปร่งใส
1.การให้มีคณะกรรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) ทำหน้าที่จัดเลือกตั้งแทนนั้นเห็นว่า การจัดการเลือกตั้งจนถึงการประกาศผลการเลือกตั้ง ควรมีหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบเพียงหน่วยงานเดียว การแยกผู้ควบคุมการเลือกตั้งกับผู้จัดการเลือกตั้งออกจากกัน ไม่ใช่หลักสากลที่นานาอารยประเทศยอมรับ เพราะกว่าร้อยละ 90ของประเทศต่างๆทั่วโลกกำหนดให้ กกต.เป็นองค์กรทำหน้าที่จัดเลือกตั้งทั้งระบบ การให้ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของฝ่ายการเมืองที่สามารถให้คุณให้โทษแก่ข้าราชการประจำได้มาทำหน้าที่เป็นกจต.อาจขาดความเป็นอิสระ เกิดความสงสัยในความเป็นกลาง รวมทั้งยากจะจัดเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพบริสุทธิ์ยุติธรรม
คงแจก’เหลือง-แดง’สยบพวกโกง
2.กรณีให้ กกต.มีอำนาจเพียงสั่งเลือกตั้งใหม่ (แจกใบเหลือง) เฉพาะช่วงก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง โดยให้การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งผู้สมัคร (แจกใบแดง) เป็นอำนาจของศาลเห็นว่า ควรคงอำนาจใบเหลืองและใบแดง ก่อนประกาศผลเลือกตั้งไว้ที่ กกต.เนื่องจากการพิจารณาให้ใบแดงของศาลต้องใช้เวลา ทำให้เกิดช่องว่างทำให้ผู้กระทำผิดสามารถเข้าไปทำหน้าที่ด้านนิติบัญญัติ หรือด้านบริหาร ได้ก่อนที่ศาลจะวินิจฉัย เช่น การเข้าไปเลือกผู้นำประเทศ การตรากฎหมาย สร้างความเสียหายแก่ประเทศ
ขณะเดียวกันเป็นการเปิดช่องให้ผู้กระทำผิด กลายเป็นผู้มีอำนาจทางการเมือง สามารถใช้อิทธิพลข่มขู่พยานเพื่อประโยชน์ของตนในการชนะคดีเลือกตั้ง การให้กกต.มีอำนาจเพียงสั่งเลือกตั้งใหม่ ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง ทำให้ผู้สมัครที่มีทุนมากกว่าได้เปรียบ เพราะพร้อมที่จะแข่งขันในการเลือกตั้งใหม่โดยไม่มีข้อจำกัดด้านเงินทุนไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ตาม จึงไม่เป็นการส่งเสริมให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม แม้ปัจจุบันกกต.มีอำนาจในการสั่งเลือกตั้งใหม่และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง แต่การทุจริตก็ยังคงอยู่ ดังนั้นหากยกเลิกอำนาจดังกล่าวของกกต.จะทำให้นักการเมืองไม่ยำเกรงกฎหมาย กล้าทำทุจริตฝ่าฝืนกฎหมายมากขึ้น เทียบได้จากสมัยรัฐธรรมนูญ40 กกต.มีอำนาจสั่งเลือกตั้งใหม่และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งทั้งก่อนและหลังประกาศผลการเลือกตั้ง นักการเมืองมีความเกรงกลัวที่กระทำผิดมากกว่าปัจจุบัน
ทำหน้าที่ส่งเสริมปชต.ตามเดิม
3.การตัดอำนาจหน้าที่ของกกต.ในการส่งเสริม สนับสนุน ประสานงานกับหน่วยราชการ ในการให้การศึกษาแก่ประชาชนเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชาธิปไตยและส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน เห็นว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะปัญหาการเมืองส่วนหนึ่งมาจากซื้อสิทธิขายเสียง จำเป็นต้องให้การศึกษาทางการเมืองแก่ประชาชน ซึ่งเป็นบทบาทหนึ่งของ กกต.ทุกประเทศทั่วโลก
สปช.แนะปปช.ปรับปรุงองค์กร
ด้านนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะกรรมการตรวจสอบติดตามและประเมินผล ปปช.(คตป.) กล่าวภายหลังเข้าประชุมร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ว่า ได้ฝากถึงข้อสำคัญในการพิจารณาปรับเปลี่ยน หรือเปลี่ยนแปลงทั้งองค์กร รวมไปถึงโครงสร้างอำนาจหน้าที่ เนื่องจากต้องทำให้เข้ากับ พรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตฉบับใหม่ ส่วนจะเปลี่ยนแปลงแค่ไหน ปปช.จะเป็นคนดำเนินการเอง ส่วนความกังวลของหลายฝ่ายที่กลัวจะมีการยุบ ปปช.นั้น นายเทียนฉาย กล่าวว่า คงเป็นไปไม่ได้ ถ้ายุบแล้วใครจะดูแลเรื่องทุจริต เพียงแต่ต้องมีการปรับอำนาจหน้าที่ เพราะบางส่วนต้องประสานกับอีกหลายหน่วยงาน
‘วิษณุ’ยันเซ็นเซอร์สื่อแค่แนวคิด
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงกลาโหม เสนอต่อกมธ.ยกร่างฯเพื่อขอให้ไปแก้ไขเรื่องการเซ็นเซอร์สื่อ ว่า ไม่ได้มีการแก้ เป็นเพียงการสอบถามเข้ามาและปรากฎอยู่ในร่างฯซึ่งทุกคนมีสิทธิที่จะตั้งข้อสังเกต ซึ่งตรงนี้มีการเขียนไว้พอถึงวิกฤตชนิดที่ยังไม่เกิดสงคราม ซึ่งสงครามมันไม่ได้ประกาศกันง่ายๆ ซึ่งไม่ใช่ว่ารัฐบาลนี้จะทำ รัฐบาลไหนอีกสิบปียี่สิบปีก็ลองให้เขาไปคิดดูเท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า มาตรการนี้เป็นการริดรอนเสรีภาพสื่อมวลชนหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องถือว่าเป็นการริดรอน แต่คำถามคือ ทำไมถึงยอม มันมีข้อยกเลิกเวลาเกิดสงคราม ซึ่งสงครามหากเซ็นเซอร์สื่อก็ถือเป็นการิดรอนเหมือนกัน แต่อย่างอื่นไม่ต้องมีสงครามรัฐก็ใช้มาตรการได้ เช่น เมื่อรัฐไปตรวจข่าวไม่ได้ รัฐก็ให้จัดพิมพ์ แล้วสั่งห้ามเผยแพร่ แค่นี้มันก็จบ ซึ่งการห้ามเผยแพร่นั้น ไม่จำเป็นต้องรอสงคราม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี