"ยิ่งลักษณ์"เดินสายโชว์ตัว
สยบลี้ภัย!
ทหารยันตามเกาะทุกฝีก้าว
ย้ำต้องดูแล-ปัดเกินกว่าเหตุ
เพื่อไทยดาหน้าโวยคุกคาม
ตุ๊ดตู่ขู่ขัง‘ปู’เมื่อไรคุกแตก
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.ศุภกร สงวนชาติสรไกร รองเสนาธิการทหารบก พร้อมพล.ท.ประณต แสงเทียน เจ้ากรมข่าวทหารบก เชิญผู้ช่วยทูตทหารประจำประเทศไทย 21 ประเทศ และตัวแทนด้านทหารจากสถานทูตอีก 4 ประเทศ เข้ารับฟังการชี้แจงสรุปสถานการณ์และแผนงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดย พล.ท.ศุภกร แถลงว่า การพบผู้ช่วยทูตทหารครั้งนี้ได้ชี้แจงทำความเข้าใจประเด็นที่นานาชาติมีข้อสงสัยให้เข้าใจตรงกัน ทั้งนี้ ผู้ช่วยทูตต่างประเทศบางส่วนมองว่า การคงกฎอัยการศึกไม่น่ามีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ เพราะเป็นการรักษาความมั่นคงในประเทศ ส่วนข้อกังวลต่อสถานการณ์บ้านเมืองของไทยคือ คดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ถอดถอน และขณะนี้อัยการสูงสุด (อสส.)เตรียมฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ย้ำคสช.ยึดโรดแมปสร้างปชต.
จากนั้น พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.กล่าวเพิ่มเติมว่า สาระสำคัญที่ได้ชี้แจงต่อผู้ช่วยทูตทหาร เป็นภาพรวมการดำเนินงานของคสช. การรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องตรงตามบริบทของการบริหารจัดการจัดการประเทศที่รัฐบาลและคสช.กำลังขับเคลื่อนมี 8 ประเด็นหลัก อาทิ ย้ำเหตุผลความจำเป็นในการเข้าควบคุมอำนาจและการบริหารประเทศ รัฐบาลและ คสช.ดำเนินงานตามโรดแมป มุ่งไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่เต็มรูปแบบ สรุปผลงานของ คสช.และรัฐบาลที่ดำเนินการมาแล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจในการแก้ปัญหาประเทศของคสช. คสช.ไม่ก้าวล่วงระบวนการยุติธรรม ชี้แจงวิธีการเรียกตัวกลุ่มการเมือง นักวิชาการ ผู้วิจารณ์ทางออนไลน์ว่า เป็นการขอความร่วมมือและทำความเข้าใจ ดำเนินการภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน
ผช.ทูตทหารไม่ติดใจใช้อัยการศึก
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงความจำเป็นของการใช้กฎอัยการศึก เน้นใช้กับ 2 เรื่องหลักคือ ไม่ให้ชุมนุมทางการเมือง และ การอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงตัวผู้ทำผิด ส่วนการสอบสวนลงโทษยังเป็นไปตามแนวทางกฎหมายปกติ ซึ่งในส่วนผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ มองว่า การดำรงไว้ซึ่งกฎอัยการศึกของไทยเพื่อดูแลความเรียบร้อยไม่สงผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และคสช.ไม่อยากให้ใช้คำว่าเผด็จการ เพราะที่ผ่านมาเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนประเทศเหมือนระบอบประชาธิปไตยที่เป็นสากล
ยันคดี“ปู”ไม่เกี่ยวการเมือง
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศไม่ได้สอบถามถึงคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่ คสช.ชี้แจงกระบวนการยุติธรรม และฝ่ายนิติบัญญัติ มีมาก่อนหน้าที่จะมี คสช. เป็นเหมือนมาตรการถ่วงดุลตรวจสอบผู้บริหารปกติ ที่มีอยู่ในทุกๆองค์กร และเป็นสากล ยืนยันไม่ใช่ผลพวงในทางการเมือง ส่วนกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอลี้ภัยทางการเมืองนั้น ไม่มีการพูดถึง
อุปทูตยันจุดยืนจี้ไทยฟื้นปชต.
เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน นายแพทริค เมอร์ฟี อุปทูต อุปทูตสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม หลังหารือ นายแพทริคกล่าวว่า สหรัฐฯหวังจะให้มีการฟื้นฟูประชาธิปไตยและการปกครองโดยพลเรือน ส่วนสิ่งที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรมว.ต่างประเทศสหรัฐฯพูดไว้ก็ชัดเจนมากแล้วถึงข้อห่วงใยของสหรัฐฯ ซึ่งการที่ไทยกลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยก็มีหลายส่วนที่จะช่วยพัฒนามิตรภาพและความร่วมมือ เช่น การยกเลิกกฎอัยการศึก การคืนเสรีภาพแก่ประชาชน การสร้างความมั่นใจต่อนานาชาติด้วยการจัดเลือกตั้งตามโรดแมป
ปัดข่าว“ปู”ขอลี้ภัย
ผู้สื่อถามถึงกระแสข่าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ขอลี้ภัยทางการเมืองในสหรัฐฯ นายแพทริคปฎิเสธว่าไม่เคยทราบข่าวดังกล่าว ไม่รู้ความเป็นมา การหารือวันนี้จึงไม่มีเรื่องดังกล่าว แต่การที่ประเทศไทยจะกลับคืนสู่ประชาธิปไตย ถือเป็นความสำเร็จของไทยและของภูมิภาค หวังว่าเมื่อมีประชาธิปไตยแล้ว การใช้อำนาจทางกฎหมายที่สมควรจะกลับคืนมาสู่ประเทศ
“บิ๊กป้อม”ไม่รู้ข่าวติงสื่ออย่ามโน
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ขอลี้ภัยทางการเมืองว่า ไม่เคยได้ยินข่าวนี้ ต้องไปถามน.ส.ยิ่งลักษณ์เอง ส่วนความเป็นไปได้ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอลี้ภัยทางการเมืองนั้น เรื่องยังไม่เกิด สื่ออย่ามโนไปล่วงหน้า เมื่อถามว่า หากรอให้เกิดก่อน จะทันการณ์หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้ำว่า ไม่มี ๆ
ผบ.ทบ.ติงอย่าคิดไกลคดียังไม่จบ
เช่นเดียวกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ)ที่ปฎิเสธว่า ยังไม่ได้รับข้อมูลใดๆเกี่ยวกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ขอลี้ภัยไปสหรัฐฯ ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเลือกลี้ภัย หรือ ต่อสู้คดีและยอมติดคุกคงตอบแทนไม่ได้ แต่คิดว่าทุกคนมีความรับผิดชอบต่อตัวเองและสังคม ฉะนั้น จะทำอะไรต่างๆ ทุกคนรู้ตัว ที่สำคัญคดีความก็ยังไม่ชี้ชัดว่าใครผิด อย่าคาดเดาอะไรไปไกลขนาดนั้น
ยันทหารไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ
สอดคล้องกับแหล่งข่าวด้านความมั่นคงที่ปฎิเสธว่า ไม่ทราบเรื่อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอลี้ภัย ไม่อยากให้คิดไกล ยอมรับว่าคสช.มีการดูแลความปลอดภัยของน.ส.ยิ่งลักษณ์ และการตรวจค้นรถยนต์เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทำเกินกว่าเหตุ กองทัพภาคที่ 3 ชี้แจงแล้วว่าเป็นแนวทางปฎิบัติปกติ เมื่อมีบุคคลระดับวีไอพีเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งมาตราการเหล่านี้ต้องดำเนินต่อไป เป็นการกระทำกับบุคคลระดับวีไอพีทุกคน ถ้าไม่ทำแล้วมีอะไรเกิดขึ้นจะถูกตำหนิ เป็นสิ่งจำเป็น อย่าคิดเป็นเรื่องการเมือง
รับส่งชุดตามเกาะติด“ปู”ทุกที่
“ทหารไม่ได้ค้นรถของอดีตนายกฯ เขาให้เกียรติอย่างดี เรื่องนี้ต้องฟังด้วยว่ามาจากใคร ถ้ามาจากแนวความคิดของกลุ่มสีการเมืองก็จะออกมาลักษณะอย่างนี้ มาตราการดูแลความปลอดภัย ไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปที่ใดของประเทศ ก็จะมีมาตรการดูแลลักษณะนี้ทุกที่ ไม่ใช่การคุกคาม เพราะเคยเป็นหมายเลขหนึ่งของประเทศ ขอให้มองโลกแง่ดีและเข้าใจการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้วย”พล.ต.สรรเสริญกล่าว
ทนายจวกลูกความถูกคุกคาม
สำหรับท่าทีของทีมทนายและกลุ่มคนเสื้อแดง ต่อกรณีเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจตรวจค้นและส่งทีมติดตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเดินทางไปทำบุญที่จ.เชียงใหม่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดย นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวตำหนิการกระทำดังกล่าวว่า แม้ไม่เป็นการควบคุมตัวโดยตรง แต่ถือเป็นการควบคุมตัวทางอ้อม เป็นการลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัว ขณะเดียวกันยังจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลด้วย ที่ผ่านมาลูกความของตนปฏิบัติตามเงื่อนไขของ คสช.ด้วยดีตลอดมา ไม่เคยทำอะไรให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองแต่อย่างใด
ยันยังไม่ได้หนังสือให้รายงานตัว
นายนรวิชญ์ ยังปฎิเสธด้วยว่า ยังไม่ได้รับหนังสือจาก ป.ป.ช.ที่แจ้งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปรายงานตัวกับอสส.วันที่ 19 กุมภาพันธ์ จึงไม่ทราบรายละเอียดว่าหนังสือที่ป.ป.ช.ส่งมามีเนื้อหาอย่างไร แต่ทีมทนายความนัดหารือกันช่วงบ่ายวันที่ 12 กุมภาพันธ์ เกี่ยวกับข้อกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติเรื่องการแสดงตัวต่อศาลในวันนำสำนวนส่งฟ้อง จะได้ปฎิบัติให้ถูกต้อง
พท.ติดใจซัดไม่ให้เกียรติ
นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยกล่าวว่า การที่เจ้าหน้าที่ทหารออกมาขอโทษและอ้างเหตุผลเพื่อดูแลความปลอดภัยให้บุคคลสำคัญนั้น คงไม่ใช่ เหตุการณ์ดังกล่าวคือการตรวจค้น ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ไมได้มีภารกิจบริเวณดังกล่าว จึงอยากตั้งข้อสังเกตว่าทำไมเมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ไป จึงตั้งด่าน แสดงว่าเกาะติดน.ส.ยิ่งลักษณ์สอดรับกับการที่ไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศ เพราะกลัวจะหลบหนี สิ่งเหล่านี้อาจกลายเป็นการเติมเชื้อไฟในใจประชาชน ขอเรียกร้องว่าให้เกียรติกันบ้าง ยืนยันว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่หนี
ทวงสัญญาลูกผู้ชายจากคสช.
เช่นเดียวกับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ไม่จำเป็นที่ฝ่ายความมั่นคงจะติดตามกดดัน หรือถึงขั้นคุกคามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ย่อมเกิดคำถามต่อท่าทีของผู้มีอำนาจที่เรียกร้องความร่วมมือจากทุกฝ่าย แต่ตนมั่นใจว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นลูกผู้หญิงพอที่จะไม่ถือสาหาความ ฉะนั้น อยากเห็นคำพูดของลูกผู้ชายหลายคนในคสช.ที่ช่วยกันยืนยันว่า แม้มีอำนาจมากแต่จะใช้อย่างระวัง เป็นกลาง ไม่สร้างความขัดแย้ง
ตุ๊ดตู่ขู่จับ“ปู”ขัง-คุกแตกแน่
เช่นเดียวกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.อีกรายที่เห็นว่า การสร้างกระแส เรื่องการหลบหนี เพื่อประโคมโหมข่าวกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ขอเดินทางไปฮ่องกง ระหว่างฟ้องคดีจำนำข้าว ซึ่งอำนาจอยู่ที่คสช.และถ้าฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯแล้ว เงื่อนไขประกันตัว การเดินทางไปต่างประเทศต้องขออนุญาตศาลด้วยเป็น 2 เด้ง ตนเข้าใจว่าหลายฝ่ายต้องการให้น.ส.ยิ่งลักษณ์หนี แต่การกดดันให้ตัดสินใจหนี เป็นความพยายาม ไม่รู้เหมือนกันว่า สมมุติพวกนี้คิดกันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ติดคุก ประชาชนจะแห่เข้ามาเต็มเรือนจำ สภาพคงขนาดคุกแตก ขณะนี้ก็ชิงไหวพริบ พูดกันว่าอย่าหนีๆแต่ในใจก็ท่องว่าจงหนีๆ เพราะสถานการณ์ข้างหน้ายากคาดการณ์ความรู้สึกประชาชน
ซัดขบวนการบีบให้หนีคดี
“ผมคิดว่าถ้าสิ่งที่ทำถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องหนี ยืนหยัดสู้เพื่อให้ได้รับความยุติธรรมกลับคืนมา การประโคมโหมข่าวหนี เจตนาจงใจในทางการเมือง ผมก็รู้ว่าบีบให้หนี เพราะอยู่นั้นยากกว่า อาการขนาดนี้ กูรูทั้งหลายรู้กันเลยว่าจะสร้างภาวะความกดดัน บีบคั้นทุกรูปแบบ ท้ายที่สุดก็คือ อดรนทนไม่ได้ก็ต้องไป ถ้าเขาคิดอย่างนั้น เราก็ต้องคิดอีกทางหนึ่งว่าอดทนได้ และการที่ผมนั่งพูดนี่แหละ ประชาชนจึงไม่ออกมา” นายจตุพรกล่าว
“ปู”เริงร่าเชียงใหม่ไร้จนท.ตาม
วันเดียวกัน มีรายงานความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ยังใช้เวลาพักผ่อนทำภารกิจส่วนตัวอยู่ที่บ้านเกิด จ.เชียงใหม่ และเดินทางไปรับประทานอาหารที่ร้านก๋วยเตี๋ยวช้างม่อยกาแฟ สาขาสวนดอก ในตัวเมืองเชียงใหม่กับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พี่สาว โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส มีประชาชนเข้าไปทักทายและขอถ่ายรูปจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเดินทางตลอดทั้งวันนี้มีเพียงชุดอารักขาส่วนตัว ไม่มีกำลังตำรวจหรือทหารติดตามแต่อย่างใด ส่วนในช่วงบ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปเที่ยวอุทยานล้านนารีสอร์ท ที่อ.หางดงพร้อมกับกลุ่มเครือญาติและเพื่อนสนิท
นัดถกทนายไปพบอสส.19กพ.
แหล่งข่าวใกล้ชิดอดีตนายกฯเผยว่า เบื้องต้นน.ส.ยิ่งลักษณ์กำหนดเดินทางกลับกรุงเทพฯช่วงเย็นวันพฤหัสบดีหรือเช้าวันศุกร์ ส่วนกรณีอสส.นัดนำตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาฯวันที่ 19 กุมภาพันธ์นั้น สัปดาห์หน้าทีมทนายความจะหารือร่วมกันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรเดินทางไปตามนัดหรือไม่
“ปู”งดร่วมคืนสู่เหย้าเรียกคะแนน
ขณะที่ นายมหวรรณ กะวัง นายกสมาคมศิษย์เก่ายุพราชวิทยาลัย อ.เมืองเชียงใหม่กล่าวถึงการจัดงานคืนสู่เหย้าชาวบานเย็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่โรงเรียนยุพราชวิทยาลัยว่า ได้พูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผ่านไลน์เพื่อเชิญร่วมงานดังกล่าวแล้ว ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธ และฝากขอโทษทุกคน เดิมน.ส.ยิ่งลักษณ์ตั้งใจมาร่วมงาน หลังเกิดเหตุทหารตั้งด่านตรวจค้นรถดังกล่าว ทำให้ไม่สบายใจ เพราะถูกฝ่ายความมั่นคงเฝ้าติดตามและจับตาความเคลื่อนไหวตลอด หากมาร่วมงานทำให้หลายฝ่ายอึดอัดใจบรรยากาศงานกร่อย ขอพักผ่อนกับครอบครัวที่บ้านพัก เพราะไม่ต้องการให้รัฐบาล และคสช.หวาดระแวงเกินไป
ปปช.ชี้ไม่มาวันส่งฟ้องได้
ทางด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ชี้แจงขั้นตอนการนัดส่งตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ให้อสส.เป็นผู้ฟ้องต่อศาลฎีกาฯวันที่ 19 กุมภาพันธ์ว่า ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มาวันดังกล่าว อสส.นำสำนวนฟ้องได้ทันที เพราะในวันฟ้อง ไม่จำเป็นต้องนำตัวจำเลยไป อสส.จะนำสำนวนของ ป.ป.ช.ไปส่งฟ้องศาล แต่วันพิจารณานัดแรกน.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ต้องแสดงตัวต่อหน้าองค์คณะ
อสส.ชี้อายุความ15ปี
แหล่งข่าวจากอสส.กล่าวถึงการยื่นฟ้องคดีน.ส. ยิ่งลักษณ์ว่า วันที่ 19 กุมภาพันธ์มีการยื่นฟ้องคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์แน่นอน โดยไม่ต้องนำตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ไปได้ แต่ต้องยืนยันที่อยู่จริงให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์มาวันยื่นฟ้องแน่นอน ส่วนถ้าวันยื่นฟ้อง ทีมทนายความขอเลื่อน ก็ขึ้นอยู่กับคณะทำงานฟ้องคดีนี้ จะพิจารณามีเหตุอันควรให้เลื่อนหรือไม่ สำหรับอายุความคดีดังกล่าวนั้น ขึ้นอยู่กับฐานความผิดที่ปรากฏในคำฟ้องเป็นฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบจากกรณีละเลยยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ทำให้รัฐเสียหาย มีอายุความประมาณ 15 ปี
รับฟ้อง“สมชาย”นัดเปิดคดี11พค.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งรับฟ้องคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีต ผบช.น. ความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 295 และ 302 กรณีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่รัฐสภา ปี 2551 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 471 ราย โดยมีคำสั่งนัดพิจารณานัดแรกวันที่ 11 พฤษภาคม เวลา 09.30 น.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี