หึ่ง‘ปู’ดอดเข้ากงสุลมะกัน
เพื่อลี้ภัย!
จนท.สหรัฐปัดแค่ข่าวลือ
นายกฯย้ำสั่งรปภ.ยิ่งลักษณ์
ประกาศไม่ตอบคำถามอีก
ทีมทนายเดินเกมสู้ทุกทาง
19กพ.ไม่ส่งตัวให้อัยการฯ
เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงสถานการณ์การเมืองกับการทำงานของรัฐบาล โดยยอมรับว่า ปัญหาการเมืองขณะนี้รบกวนการทำงานของรัฐบาลบ้างแต่ไม่ถึงกับทำให้เสียสมาธิ ตนไม่ใช่การเมือง เป็นรัฐบาลที่ตั้งใจมีเจตนาทำงานแก้ปัญหาชาติบ้านเมือง จึงต้องขอโทษถ้าบางครั้งหงุดหงิดบ้าง ต้องเห็นใจ เพราะตนใช้สมองเยอะ
ย้ำคดี'ปู'ว่าตามกระบวนการกม.
ส่วนคดีความของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ตนอยากให้ทุกอย่างสงบ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไปไหนก็ให้ไป เมื่อไหร่ที่ไม่ให้ไปก็ไม่ได้ ถ้าถูก ก็กลับมาเป็นรัฐบาล ส่วนเวลานั้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ควรอยู่ในประเทศใช่หรือไม่ ตนไม่ทราบ ต้องไปดูขั้นตอนซึ่งกำหนดไว้ชัดเจน อัยการสูงสุด (อสส.) ก็ชี้แจงมาแล้วว่าระหว่างเตรียมการเรื่องสำนวนก็ควรจะอยู่ในประเทศไทย ดังนั้น ควรจะอยู่หรือไม่ และเมื่อคิดว่าตนเองถูกต้องก็ต้องอยู่ภายใต้กติกา ถ้าไม่เคารพกติกาแล้วมาบอกว่าสิ่งที่ทำถูกจะรับกันได้หรือไม่ ความขัดแย้งก็จะเกิดขึ้นอีก
นายกฯรับสั่งดูแลอดีตนายกฯ
“อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์เคยบอกกับผมแล้วว่า พร้อมสู้ทุกอย่าง ซึ่งผมก็บอกไปว่าให้ดูแลท่านให้ดี อย่าให้ท่านเป็นอะไรขึ้นมา เพราะเดี๋ยวไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ก็เดือดร้อนผมอีก ก็ต้องดูแล ดังนั้น หนักนิดเบาหน่อยก็ขออภัยกันเท่านั้นเอง ผมยืนยันว่าไม่ได้ทำร้ายใคร ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการยุติธรรม ใครที่ทำผิดกฎหมายชัดเจนก็ต้องถูกดำเนินคดีลงโทษ ไม่ได้เลือกฝ่าย ถ้ามีหลักฐานมากก็ทำได้ก่อน หลักฐานน้อยก็ต้องสอบต่อ ไม่เคยเข้าข้างใคร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
และยืนยันว่า การดูแลอดีตนายกฯที่ผ่านมาให้เกียรติตลอด เจ้าหน้าที่ไม่เคยละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทั้งนี้ อยากให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เลือกหนทางที่เป็นไปตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ทุกอย่างขอให้ยึดกฎหมาย อย่าใช้คำว่าสู้เพราะเรื่องอยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว มีหลักฐานก็ไปแถลงกันในศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายความมั่นคงประเมินหรือไม่ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินไปสุดทางการต่อสู้หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เห็นว่า มีการชี้แจงสู่สาธารณะโดย นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาแล้ว เท่าที่ตนฟังก็เห็นว่าจะสู้คดีจนถึงสุดท้าย ไม่หนี ซึ่งนายนรวิชญ์ ก็ต้องรับผิดชอบ
ประกาศเลิกตอบคำถามคดี 'ปู'
ถามว่าดูเหมือนขณะนี้มีเจ้าหน้าที่คอยติดตามความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯตลอดเวลา นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ และเรื่องการค้นรถก็ไม่ได้ค้นทุกตารางนิ้ว ส่วนที่ปัจจุบันมีเจ้าหน้าที่ทหารติดตามความเคลื่อนไหวนั้น ตนไม่รู้ แต่เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่ต้องดูแลทุกคน ซึ่งการมีเจ้าหน้าที่ดูแลน่าจะดีกว่าไม่มี ไปไหนจะรู้สึกปลอดภัย สบายใจ
“อย่าไปให้ความสำคัญกับเรื่องเหล่านี้มาก ไปดูเรื่องว่าประเทศจะไปกันอย่างไร จะเอาเงินที่ไหนมาสร้างรถไฟดีกว่า ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการอยู่แล้ว ชอบไปขุดกันมาอยู่ได้ ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศ วันนี้มีคนทำงานอยู่แล้ว ศาล อัยการ เขาก็รออยู่ ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็พร้อม ก็ไปทำกันให้จบ อย่ามาพูดอะไรตอนนี้ ต่อไปผมจะไม่ตอบเรื่องพวกนี้อีกแล้ว”นายกฯกล่าว
วอนหยุดข่าวไทย-มะกันมีปัญหา
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังประชุมคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมเป็นห่วงข่าวสาร ซึ่งดูเหมือนไทยกับสหรัฐฯมีปัญหากัน จึงขอชี้แจงว่า การแสดงบทบาทของสหรัฐฯ เป็นเรื่องธรรมดาของประเทศที่ปกครองระบอบประชาธิปไตย ที่ผ่านมาก็แสดงความเห็นอย่างนี้มาตลอดกับหลายประเทศ ขณะที่จุดยืนของไทยก็ชัดเจนว่าไม่ต้องการขัดแย้งกับใคร รักษาสัมพันธภาพที่ดีกับทุกประเทศ และไม่เคยคิดเอาประเทศหนึ่งมาแทนอีกประเทศหนึ่ง ไม่ต้องการขยายประเด็นเล็กน้อยที่เห็นไม่ตรงกันออกไป
ติงโฆษกสหรัฐฯเข้าใจผิดเอง
ส่วนการแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯที่แสดงความเป็นห่วงคำพูดนายกรัฐมนตรีที่ให้สัมภาษณ์สื่อญี่ปุ่นที่ว่า ทหารพร้อมยึดและควบคุมอำนาจอีกในอนาคต พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า คำพูดของนายกฯไม่ได้สื่อไปแบบนั้น เพียงแต่ต้องการทำความเข้าใจให้เห็นว่าที่ผ่านมาประเทศมีปัญหาความขัดแย้งของกลุ่มการเมือง จนรัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้ กองทัพหรือคสช.จำเป็นต้องเข้ามายุติความขัดแย้ง โดยมีโรดแมปปฏิรูปประเทศชัดเจน ให้เดินไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ พร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น ไม่ได้ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ใช้กฎหมายปกติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้โฆษกสหรัฐฯไม่เข้าใจ อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือ การทำความเข้าใจกับคนไทยว่า ถ้าเกิดปัญหาขึ้นอีก ไม่ได้หมายความว่าทหารจะเข้ามาควบคุม แต่นายกฯหมายความว่าถ้าไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน
ย้ำคดี'ปู'ไม่เกี่ยวการเมือง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในที่ประชุมมีการพูดคุยเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะขอลี้ภัยไปต่างประเทศหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ไม่มีการหารือ ต้องสอบถามฝ่ายความมั่นคง แต่เท่าที่ตรวจสอบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังอยู่ที่บ้าน และอยากให้เข้าใจว่า คดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองแต่เป็นคดีอาญาและแพ่งที่ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม สื่ออย่าไปมองให้เป็นขบวนการทางการเมือง และที่ผ่านมานายกฯ ก็พูดเรื่องนี้ชัดเจนและพยายามทำให้ทุกฝ่ายเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีการกลั่นแกล้งหรือไล่ล่ากลุ่มหนึ่งกลุ่มใด
ปัดเพ่งเล็งกลุ่มใดเป็นพิเศษ
พล.ต.สรรเสริญยังกล่าวถึงการแสดงความเห็นของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ต่อการที่ตำรวจทหารตรวจค้นรถของน.ส.ยิ่งลักษณ์และระบุถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกดำเนินคดีและติดคุก คนเสื้อแดงจะออกมาให้กำลังใจจนคุกแตกว่า ในฐานะรัฐบาลติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มการเมืองต่างๆ ไม่ได้เพ่งเล็งกลุ่มใดเป็นพิเศษ การแสดงความเห็นรัฐบาลไม่ได้ว่า แต่ถ้าสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดความขัดแย้ง หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องเรียกมาพูดคุยทำความเข้าใจ อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้เรียกว่าปรับทัศนคติ เพราะไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ภายใน 1-5 วัน แต่บางโอกาสที่มีปัจจัยแวดล้อมทางการเมืองหรือความเครียดที่รู้ว่าตนเองกำลังเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อาจทำให้คิดไปเองว่ากำลังถูกกดดัน แต่เรายืนยันว่าปฎิบัติกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม
เหน็บ'ตู่'พูดเก่งย้ำทุกอย่างยึดกม.
พล.ต.สรรเสริญกล่าวต่อว่า ที่นายจตุพรพูดมองได้หลายแบบ ถ้าเราไม่เอามาเป็นสาระของชีวิตก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ใครก็พูดไป เพราะส่วนตัวนายจตุพรเป็นคนพูดเก่งอยู่แล้ว ในฐานะรัฐบาลรับฟังได้ แต่โดยข้อเท็จจริงแล้วสังคมต้องมองว่า ถ้าคนใดทำความผิดจริงและกระบวนการยุติธรรมนำไปสู่การพิพากษาอย่างไร ก็เป็นเรื่องปกติ
“ไม่ใช่ว่าคนใดคนหนึ่งทำความผิดแล้วประเทศไทยจะอยู่ไม่ได้ เพราะเราอยู่ในกฎกติกา เพียงแต่บุคคลเหล่านั้นยอมรับความจริงได้แค่ไหน ถ้ามองย้อนไปที่ตัวท่านเอง และดูสังคมโดยรอบจะเข้าใจว่าไม่มีใครกลั่นแกล้ง แต่ทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนยุติธรรม”พล.ต.สรรเสริญกล่าว
กงสุลปฎิเสธข่าว'ปู'ขอลี้ภัย
ส่วนกรณีมีกระแสข่าวหลายวันที่ผ่านมาาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอลี้ภัยไปสหรัฐฯ โดยประสานผ่านสถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย และมีกระแสข่าวต่อเนื่องมาอีกว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขอเข้าไปพำนักในสถานกงสุลสหรัฐฯประจำ จ.เชียงใหม่ โดยนายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงปฎิเสธว่า ไม่ทราบเรื่อง การสอบทานข่าวไปยังสถานทูตฯเป็นเรื่องการสงวนสิทธิ์ของกลุ่มบุคคล รัฐบาลก็ต้องเคารพกติการะหว่างประเทศ เพราะเป็นไปตามเอกสิทธิ์การคุ้มครองสถานทูตฯหรือสถานกงสุลฯ
ต่อมาแหล่งข่าวในสถานกงสุลสหรัฐฯประจำจ.เชียงใหม่ออกมายืนยันว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ขอลี้ภัยทางการเมือง และไม่ได้เข้ามาประสานงานภายในกงสุ ลเพียงกระแสข่าวเท่านั้น
'ยิ่งลักษณ์'สวมบทเตมีย์ใบ้
สำหรับความเคลื่อนไหวของน.ส.ยิ่งลักษณ์วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าอดีตนายกฯเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านพักกับครอบครัว ที่หมู่บ้านกรีนวัลเล่ย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ กระทั่งเวลา 11.45 น.ได้เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวโตโยต้าอัลพาร์ด สีขาว ทะเบียน กอ 5999 เชียงใหม่ พร้อมทีมอารักขา และรถติดตามอีก 2 คัน ไปรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านคุณหมอคูซีน ภายในตัวเมืองเชียงใหม่ พร้อมเพื่อนสนิท 3 คน และพบปะกับเพื่อนเก่าคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทชาลัยเชียงใหม่ หลังรับประทานอาหารเสร็จกำลังจะเดินทางกลับ มีประชาชนมาขอถ่ายรูปอย่างคึกคัก ซึ่งอดีตนายกฯมีสีหน้ายิ้มแย้มทักทายกับผู้คนตามปกติ รวมถึงผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าว เมื่อผู้สื่อข่าวขอสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงแต่ยิ้มและขอตัวกลับ โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
มีรายงานข่าวว่า ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เวลา 15.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางไปทำบุญให้เด็กชาวเขาที่วัดดอนจั่น ต.ท่าศาลา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ
ทนายดิ้นจี้อสส.ทบทวนฟ้องปู
เวลา 13.00 น. วันเดียวกัน นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทีมทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางเข้ายื่นหนังขอความเป็นธรรมต่ออสส. ขอให้ทบทวนการสั่งฟ้องและการสอบสวนเพิ่มเติมใน 3 ประเด็น โดยมีนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน เป็นผู้รับหนังสือ
โดยนายนรวิชญ์เปิดเผยว่า การเข้ายื่นหนังสือครั้งนี้ เพื่อขอความเป็นธรรมให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังอสส.มีคำสั่งฟ้องคดีทุจริตโครงรับจำนำข้าว ซึ่งวันนี้มี 2 ประเด็นสำคัญคือ 1.ต้องการให้ทบทวนการไต่สวนคำสั่ง 2.ตามที่อสส.ชี้ข้อไม่สมบูรณ์ ซึ่งต่อมาอสส.ตั้งคณะทำงานที่มีนายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ เป็นหัวหน้าคณะฯ และคณะทำงานได้สรุปข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจากสำนวนป.ป.ช. แล้วอสส.ได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์รวม 3 ประเด็น อาทิ คดีนี้ไม่มีหลักฐานทุจริต มีเพียงปกรายงานทีดีอาร์ไอ ให้สั่งสอบว่ามีการทุจริตขั้นตอนใด เป็นต้น ซึ่งการสอบสวนยังเสร็จสิ้น
อ้างยังไม่ได้หนังสือแจ้งจากปปช.
“สำหรับครั้งนี้เป็นครั้งที่ 6 ของการเดินทางมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ที่ผ่านไม่เคยรับทราบว่าได้รับการพิจารณาจากอสส.หรือมีคำตอบอย่างไร จึงไม่มั่นใจว่าการยื่นหนังทุกครั้งที่ผ่านมาถึงมือผู้เกี่ยวข้องหรือไม่ จะยกหรือรับคำร้องขอให้แจ้งทีมทนายทราบด้วย”นายนรวิชย์กล่าว
และเปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ส่งมา จึงไม่ทราบว่าหนังสือดังกล่าวเป็นการแจ้งให้ทราบหรือให้ไปรายงานตัววันที่ 19 กุมภาพันธ์ และป.ป.ช.ใช้อำนาจอะไรสั่งให้ไปรายงานตัว
ยัน19กพ.ไม่ให้ปูไปรายงานตัว
ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวต่อว่า หลังทีมทนายความหารือในข้อกฎหมายแล้ว เห็นตรงกันว่า ในวันดังกล่าวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่จำเป็นต้องไปรายงานตัว แต่ยังไม่ได้สอบถามน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่าพร้อมไปรายงานตัวหรือไม่ เพราะเรื่องนี้เพิ่งเป็นข่าวเพียง 2 วันและน.ส.ยิ่งลักษณ์ติดภารกิจที่เชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นหนังสือครั้งนี้จะเป็นการซื้อเวลาหรือไม่ นายนรวิชญ์กล่าวว่า อย่ามองเป็นการซื้อเวลา เพราะที่ผ่านมายังไม่มีคำตอบออกมาอย่างจริงจัง และคณะทำงานยังไม่มีการสอบข้อที่ไม่สมบูรณ์ โดยนายวุฒิพงศ์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน เคยให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่มีการสอบข้อไม่สมบูรณ์ การต่อสู้ครั้งนี้เพื่อให้เห็นว่า การแจ้งข้อกล่าวหาไม่เป็นธรรม
การันตีไม่บินนอก-ลี้ภัยข่าวปล่อย
นายนรวิชญ์ยังยืนยันด้วยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่มีการเดินทางออกนอกประเทศ ส่วนที่คสช.ระบุอสส.ทำหนังสือประสานคสช.เห็นควรห้ามน.ส.ยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศนั้น ตนเห็นว่า อสส.คงไม่ได้ห้าม เพราะอสส.ยืนยันแล้วว่าไม่มีอำนาจเรื่องนี้ ส่วนกระแสข่าวว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์จะขอลี้ภัยไปต่างประเทศนั้น ยืนยันว่าไม่มีการายงานมาจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ตนตั้งข้อสังเกตว่าคนพูดมีเจตนาไม่ดี เพื่อต้องการเข้าตรวจค้นเมื่อวันก่อน
อสส.ยัน19กพ.ส่งฟ้องแน่นอน
ขณะที่นายกิตินันท์กล่าวหลังรับหนังสือว่า ในฐานะคณะทำงานฟ้องคดีโครงการรับจำนำข้าว ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้ จะส่งสำนวนฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอย่างแน่นอน แม้น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่เดินทางมาตามที่ป.ป.ช.ส่งหนังสือนัด
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าวันดังกล่าวทีมทนายน.ส.ยิ่งลักษณ์ขอเลื่อนนัด นายกิตินันท์กล่าวว่า ถ้ามีการยื่นเรื่อง คณะทำงานจะประชุมกันในวันนั้นทันที
เมื่อถามถึงหนังสือที่อสส.ทำถึงนายกฯว่าห้ามน.ส.ยิ่งลักษณ์ ออกนอกประเทศหรือไม่ นายกิตินันท์ยอมรับว่า ทางสำนักงานอัยการสูงสุดยอมรับว่าหนังสือนั้นออกจากทางอสส.จริง แต่คสช.ได้หารือมาทางอสส.ว่าควรให้เดินทางออกไปต่างประเทศหรือไม่ ก่อนทางอสส.จะทำหนังสือตอบกลับไปยังคสช.
พท.ชี้คสช.เดินเกมล้างตระกูลชิน
ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำพรรคเพื่อไทยได้มีการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองกันภายใน หลังการถอดถอนพร้อมดำเนินคดีอาญากับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องจากโครงการรับจำนำข้าว ก่อนที่คสช.จะไม่อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย จากนั้นก็มีการหยิบยกคดีของนายสมชาย วงสวัสดิ์ อดีตนายกฯ กรณีการสลายชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 51 มาพิจารณา ว่าเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนจากคสช.ว่าไม่เอาตระกูลชินวัตร และประเมินว่าต่อไปจะมีการดำเนินคดีกับอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย 268 คนที่ลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยป.ป.ช.จะส่งเรื่องให้สนช.ถอดถอนช่วงปลายเดือนก.พ.นี้ ส่งผลให้อดีตส.ส.หลายคนที่กำลังรอลุ้นฟังผลอยู่ในภาวะสุญญากาศ ไม่อยากทำอะไร ไม่กล้าใช้จ่าย และไม่อยากลงพื้นที่
'ทักษิณ'นิ่ง-หวั่นตกหลุมพราง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ทางด้านพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่อยู่ในภาวะนิ่งเงียบมานานตั้งแต่หลังการปฏิวัติเป็นต้นมา จะยังคงนิ่งเงียบต่อไป แม้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯผู้เป็นน้องสาว กำลังโดนกดดันอย่างหนัก เนื่องจากประเมินว่าคสช.กำลังล่อให้ออกมาเคลื่อนไหว แล้วผูกปมให้เป็นประเด็นปัญหา เพื่ออยู่ในอำนาจต่อไปนานๆ อีกทั้งประเมินว่าขณะนี้มีคนเคลื่อนไหวกดดันอยู่แล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอีกหลายๆประเทศ เรียกร้องให้ประเทศไทยกลับคืนสู่ประชาธิปไตย และมีการเลือกตั้ง ส่วนการหาตัวผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่แทนน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองนั้น พ.ต.ท.ทักษิณประเมินว่าไม่มีความจำเป็นต้องเลือกกันในตอนนี้ เพราะเอาใครขึ้นมาก็จะโดนจัดการเหมือนกับนายสมชาย จะรอจนใกล้ถึงเวลาเลือกตั้ง แล้วค่อยเลือกผู้ที่จะมานำพรรคเพื่อไทยต่อไป
ขยี้ฝ่ายตรงข้ามยื้ออำนาจอยู่ยาว
นายไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้องคดีที่ป.ป.ช. ส่งฟ้องนายสมชาย วงสวัสดิ์ อดีตนายกฯและพวก กรณีการสลายชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 2551 รวมทั้งการดำเนินคดีอาญากับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีปล่อยให้มีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า เป็นเรื่องปกติเมื่อมีการยึดอำนาจแล้วก็ต้องทำให้มั่นใจว่าจะอยู่ในอำนาจได้นานที่สุด เพราะนายสมชายถือเป็นหนึ่งในชินวัตร และคดีของนายสมชายก็เป็นการกระทำกับกลุ่มที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย จึงมีการหยิบยกมาพิจารณาให้เสร็จสิ้น อย่างไรก็ตามการจัดการกับนายสมชายไม่ได้ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องยุติหรือสิ้นสุดการดำเนินการทางการเมืองแต่อย่างใด เรื่องดังกล่าวทำให้เสียความรู้สึก หลักนิติรัฐ นิติธรรม ที่หวังว่าจะได้เห็นก็ไม่เห็นอีกแล้ว ถ้าทำทุกอย่างแบบไม่บันยะบันยังเพื่ออยู่ในอำนาจนานที่สุดก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี