26 ก.พ.58 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ครั้งที่ 13/2558 โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.เป็นประธานในการประชุมพิจารณาเรื่อง พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. .... ในวาระแรก นำเสนอโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้การชุมนุมสาธารณะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ สิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น
ร่างพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะนี้ มีทั้งหมด 35 มาตรา โดยสรุปสาระสำคัญได้แก่ มาตรา 7 ห้ามมิให้มีการชุมนุมสาธารณะในระยะ 150 เมตร จากที่ประทับหรือพำนักของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท พระบรมวงศ์ตั้งแต่สมเด็จเจ้าฟ้าขึ้นไป ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และพระราชอาคันตุกะ ส่วนวรรคสองห้ามมิให้มีการชุมนุมภายในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา และศาล เว้นแต่การจัดให้มีสถานที่ หากมีความจำเป็นเพื่อการรักษาความปลอดภัยสาธารณะและความสงบเรียบร้อยของประชาชน ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือผู้ได้รับมอบหมายมีอำนาจประกาศห้ามการชุมนุมในระยะ 50 เมตร รอบสถานที่ตามวรรคสอง มาตรา 8 ห้ามการชุมนุมกีดขวางทางเข้าออก รบกวนการปฏิบัติงาน หรือการใช้บริการสถานที่ทำการหน่วยงานของรัฐ ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ สถานีขนส่งสาธารณะ โรงพยาบาล สถานศึกษา ศาสนสถาน สถานทูต สถานกงสุล สถานที่ทำการองค์การระหว่างประเทศ หรือสถานที่อื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศ และมาตรา 10 ผู้จัดการชุมนุมต้องแจ้งการชุมนุมต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับแจ้ง โดยระบุวัตถุประสงค์ วัน ระยะเวลา สถานที่ในการชุมนุม ให้รับทราบภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนการชุมนุม
ในการอภิปรายรับหลักการ สมาชิก สนช.ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการของร่างกฎหมายดังกล่าว ต่อมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้อภิปรายหลักการและเหตุผลของกฎหมายนี้ว่า ในนานาประเทศส่งเสริมการชุมนุมสาธารณะ แต่ก็มีกฎหมายควบคุมคุ้มครองการชุมนุมสาธารณะ ให้สามารถทำได้โดยไม่กระทบต่อบุคคลอื่น ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีกฎหมายเข้าไปจัดระเบียบ ทำให้ต้องใช้กฎหมายอื่น เช่น พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กฎอัยการศึก ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพในด้านอื่น กฎหมายนี้จึงเพิ่มขึ้นมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้ให้ชัดเจน
นายวิษณุ กล่าวว่า หลักการสำคัญของกฎหมายนี้คือ 1.การชุมนุมต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าจะมีการชุมนุม เพื่อเตรียมการรับมือและอำนวยความสะดวก 2.การส่งเสริมให้จัดสถานที่ชุมนุม โดยเป็นหน้าที่ขององค์กรส่วนปกครองท้องถิ่นทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด 3.การให้หลักประกันว่าเจ้าหน้าที่จะสลายการชุมนุมไม่ได้ แม้จะเป็นการชุมนุมที่ไม่ถูกต้อง การจะสลายการชุมนุมได้ ต้องไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อให้ศาลอนุญาต 4.เป็นการจัดระเบียบการชุมนุม เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าต้องจัดการอย่างไร ต้องใช้ความอดทน และต้องผ่านการอบรมการควบคุมฝูงชน
หลังจากนี้ ทาง สนช.จะนำข้อเสนอต่อกฎหมายนี้ไปปรับปรุงในชั้นกรรมาธิการฯ ต่อไป ซึ่งที่ประชุมลงมติรับหลักการวาระ 1 ด้วยคะแนน 182 ต่อ 0 โดยตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา 22 คน มาดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี