ความคืบหน้ากรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)สั่งการให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ดูแลดำเนินการชดเชยเยียวยาในส่วนที่เป็นตัวเงินแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ปี 2556-2557
ในช่วงการชุมนุมเคลื่อนไหวของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(กปปส.)หลังจากพระสุเทพ ปภากโร หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้ทำหนังสือถึงรัฐบาลให้ชดเชยเยียวยาแก่เหยื่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในช่วงดังกล่าวนั้น
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ขณะนี้ส่งเรื่องดังกล่าวไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความข้อกฎหมายว่าควรเป็นอย่างไร และเพื่อไม่ให้เสียเวลาระหว่างรอคำตอบจากสำนักงานกฤษฎีกา สปน.จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมารองรับภารกิจนี้ รวมถึงหารือว่าจากเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา ใครบ้างจะอยู่ในข่ายที่จะได้รับการเยียวยา และเมื่อกฤษฎีกาตอบในประเด็นข้อกฎหมายมาแล้ว ก็สามารถทำงานได้ทันที เชื่อว่าใช้เวลาไม่นาน โดยจะพิจารณาอย่างรอบคอบ และทุกคนจะได้รับการปฎิบัติอย่างเท่าเทียมกัน
พม.เตรียมพร้อมด้านมนุษยธรรม
ด้านพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวหลังเป็นประธานประชุมศูนย์ปฏิบัติการ(ศปก.)พม.ว่า หลังนายกฯมอบให้พม.
ดำเนินการเยียวยาด้านมนุษยธรรม และสำรวจปัญหาความเดือดร้อนแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุชุมนุมทางการเมืองช่วงปี 2556 -2557 ซึ่งพม.เตรียมความพร้อมให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนทุกคนที่ได้ผลกระทบ เบื้องต้นตนกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาและรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อมูลที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ พร้อมทั้งข้อกำหนดกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเยียวยาตามภารกิจของพม. เพื่อให้มีความพร้อมในมาตรการเยียวยาด้านมนุษยธรรม ที่ไม่ใช่ตัวเงิน เช่น บำบัดฟื้นฟูร่างกายจิตใจ ช่วยเหลือหาอาชีพ และให้คำแนะนำด้านกฎหมาย
ขณะที่นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กล่าวเพิ่มเติมว่า พส.วางแผนดำเนินงาน 3 เรื่องคือ 1.สำรวจข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบ 2.ขั้นตอนและหลักเกณฑ์การปฏิบัติ โดยมีหลักเกณฑ์พิจารณาอยู่แล้ว ตั้งแต่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา นำมากำหนดกฏเกณฑ์กันใหม่ และ3.การใช้งบประมาณช่วยเหลือ ซึ่งต้องรอมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) สั่งการอย่างเป็นทางการก่อน
“บิ๊กป้อม”ลั่นสลายแดงทำตามกม.
ส่วนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)มีมติแจ้งข้อกล่าวหากรณีสลายการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 พร้อมระบุมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ซึ่งดำรงตำแหน่งรมว.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะรอง ผบ.ทบ. พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ในฐานะผบ.ทบ.และรองผอ.ศอฉ. ขณะนั้นเกี่ยวข้องในฐานะผู้ปฎิบัติ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมกล่าวในเรื่องนี้ว่า ก็ให้ว่ากันตามกฎหมาย ไม่ต้องห่วง ตนทำตามกฎหมายทุกอย่าง ส่วนนายอภิสิทธิ์จะว่าอย่างไรก็ว่าไป แต่กฎหมายว่าอย่างไร ให้ทำอย่างไร ตนก็ทำอย่างนั้น ยึดถือกฎหมายเป็นหลัก
โต้“เต้น”ไปช่วย“ปู”สู้คดีข้าวดีกว่า
นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกและคณะทำงานด้านกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดงที่กล่าวหานายอภิสิทธิ์อ้างพยานบิ๊กเนม กรณีสลายการชุมนุมทางการเมืองปี 2553 เป็นการข่มขู่พนักงานสอบสวนว่า ตนขอย้ำว่านายอภิสิทธิ์ ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ตรงไปตรงมา สู้ด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์
การที่นายณัฐวุฒิกล่าวเช่นนั้น แสดงถึงความไม่รู้เรื่อง เพราะสิทธิ์อ้างพยานบุคคล เอกสาร พยานวัตถุ เพื่อพิสูจน์ความจริงความบริสุทธิ์ ผู้ถูกกล่าวหาสามารถทำได้ และทั้ง 3 คนทราบความเป็นจริงดีว่าเวลานั้นบ้านเมืองเกิดอะไรขึ้น
“นายณัฐวุฒิกลัวมากกับกรณีการชุมนุมในปี 2552-2553 เพราะทราบดีว่าประชาชนที่เสียชีวิตเป็นฝีมือใคร ความจริงก็คือความจริง เมื่อคดีนี้เข้าสู่กระบวนการควรให้เป็นไปตามกระบวนการ คุณณัฐวุฒิควรเอาเวลาไปช่วยอดีตนายกฯต่อสู้คดีในศาลดีกว่า เพราะเคยเป็นรัฐมนตรีที่รับผิดชอบเรื่องจำนำข้าว”นายราเมศกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี