ผบ.ทบ.เตือนคลื่นใต้น้ำ
อย่าป่วนแก้รธน.
ลั่นยอมกันไม่ได้
“บวรศักดิ์”ทิ้งทวน
ขอเป็นฉบับสุดท้าย
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหมในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์เมื่อเช้าวันที่ 28กุมภาพันธ์ ถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีผู้มีความเห็นต่างอย่างมากเกรงผู้ที่ไม่เห็นด้วยจะนำมวลชนมารวมตัวกันหรือไม่ว่า ต้องร่วมไม้ร่วมมือกัน ตอนนี้การร่างรัฐธรรมนูญยังไม่สิ้นสุด อยู่ในช่วงที่ต้องปรับปรุงแก้ไขของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งผู้ที่มีความคิดเห็นอย่างไร ก็ควรจะส่งข้อคิดเห็นให้ กมธ.ยกร่างฯได้พิจารณา ช่วยกันระดมความคิดเห็น ไปในกรอบและช่องทางที่ถูกต้องจะทำให้เกิดประโยชน์และความเรียบร้อย ถือเป็นแนวทางที่ดีกว่า
ผบ.ทบ.ยอมไม่ได้เกิดวุ่นวาย
เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงเตรียมการรับมือกับคลื่นใต้น้ำที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างไรบ้างพล.อ.อุดมเดช ตอบว่า ได้มีการติดตามสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาและพยายามทำความเข้าใจกับผู้ที่เห็นต่าง ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือ
“เราคงไม่ยอมให้ความวุ่นวายเกิดขึ้น นโยบายของรัฐบาลต้องการทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยให้ได้ ซึ่งต้องขอความร่วมมือกับทุกฝ่าย ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการทำอะไรที่รุนแรงเกินไปกว่ากรอบของกฎหมาย ต่างชาติหลายประเทศก็มีความเข้าใจว่าไม่ได้ทำอะไรเกินขอบเขต หรือใช้ความรุนแรง เรามีแผนงานและกระบวนการการดำเนินการที่เป็นขั้นเป็นตอนระมัดระวังเกี่ยวกับเรื่องของการแก้ปัญหาความรุนแรงอยู่แล้วจะไม่ทำความรุนแรงใดๆผมคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจ ถึงได้มีความเรียบร้อยมาจนถึงปัจจุบันนี้”
เผย’บิ๊กป้อม’สั่งกองทัพคุมเข้มอย่างไรก็ดี พล.อ.อุดมเดช กล่าวด้วยว่าต้องขอความร่วมมือกับประชาชนส่วนใหญ่ให้เข้าใจด้วย ผู้ที่เห็นต่างก็ต้องเข้าสู่การเสนอแนะข้อคิดเห็นของท่านตามแนวทางที่สร้างสรรค์และถูกต้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้กองทัพบกดูแลในเรื่องความมั่นคง โดยรับผิดชอบร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ
ยกร่างรธน.คาดมี310มาตรา
สำหรับความคืบหน้าของการประชุมพิจารณายกร่างรัฐธรรมนูญของ กมธ.ยกร่างฯ รายมาตรา นอกสถานที่ระหว่างวันที่23-28 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา จ.ชลบุรี นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญแถลงว่าตลอด 1 สัปดาห์ การพิจารณายกร่างฯในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดี และระบบผู้แทนที่ดี จะมีจำนวนมาตราที่พิจารณาได้ในสัปดาห์นี้มากว่า100มาตรา รวมทั้งสิ้นรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะมี 310 มาตรามากว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 แต่ยังคงเหลืออีก 4 เรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุป คาดว่าจะยังไม่ได้ข้อสรุปครบทั้งหมด ในเรื่อง สัดส่วนสตรีในสภาท้องถิ่น และบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง การปฏิรูปด้านสุขภาพ กลไกการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศต่อไปข้างหน้าและวิธีการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
5มีค.ถกบทเฉพาะกาล10มาตรา
โดยที่ประชุมมีข้อสรุปในหลักการแล้ว แต่ยังไม่ได้บัญญัติลงเป็นลายลักษณ์อักษรโดยเนื้อหาให้การถอดถอนดำเนินการโดยรัฐสภา จะไม่มีการถอดถอนในระดับประชาชนเพราะประชาชนจะดำเนินการถอดถอนโดยตรงในกรณีกระทำผิดจริยธรรมร้ายแรงตามกระบวนการที่ผ่านสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ซึ่งที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)จะพิจารณาวันที่ 2 มีนาคมนี้ซึ่งคณะกมธ.ยกร่างฯจะงดประชุม เพื่อให้กมธ.ยกร่างฯที่เป็นสมาชิก สปช.เข้าประชุม สปช.มีวาระสำคัญที่จะพิจารณา รายงานพิจารณาศึกษาเรื่องสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ และร่างพระราชบัญญัติ สมัชชาคุณธรรมแห่งชาติของคณะกรรมการการปฏิรูปคุณธรรมจริยธรรมและธรรมาภิบาล
อีกทั้ง ยังให้เวลาอนุกรรมาธิการยกร่างบทบัญญัติเป็นรายมาตราในรัฐธรรมนูญกำหนดรายละเอียดในบทเฉพาะกาล และจะมีการประชุมเพื่อพิจารณาในบทเฉพาะกาลในการประชุมในวันที่ 5มีนาคม คาดจะมีไม่ต่ำกว่า10 มาตรา
เพิ่มสภาตรวจสอบภาคพลเมือง
โฆษก กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าส่วนเนื้อหาที่ได้พิจารณาต่อคือสภาตรวจสอบภาคพลเมืองที่มีอำนาจตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐภายในเขตจังหวัดซึ่งรายละเอียดจะกำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญรวมถึงมีการเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิรูปสื่อมวลชนที่คณะกมธ.ได้ตัดออกไปเนื่องจากมีการบัญญัติไว้ในส่วนของสิทธิเสรีภาพแล้วภายหลังได้ตกลงร่วมกันในที่ประชุมแล้วว่าควรบัญญัติไว้เพื่อกำหนดทิศทางในการปฏิรูปสื่อให้ชัดเจน ส่วนเรื่องสัดส่วนสตรีที่ยังมีความเห็นต่างกันในที่ประชุมรวมถึงการรับฟังความเห็นประชาชนเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยในกมธ. ยังมีเสียงที่ก้ำกึ่งกันอยู่
ยกร่าง119ม.โอดสื่อไม่สนใจเรื่องดี
ต่อมานายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญในประเทศไทย หากมีการบัญญัติเรื่องที่ดี เรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน มักจะไม่ได้รับเสียงชื่นชมแต่พอเป็นเรื่องที่กระทบกับนักการเมือง ก็จะมีคำวิพากษ์วิจารณ์เป็นคลื่นลูกใหญ่ซึ่งการประชุมนอกรัฐสภาในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อให้ทางคณะกมธ.ยกร่างฯได้เข้ามาประชุมอย่างครบถ้วนซึ่งการประชุมครั้งนี้ ได้มีการพิจารณาเรื่องที่สำคัญที่ผ่านไปแล้ว119มาตรา
เจตนารมณ์ร่างเปลี่ยน4ทิศทาง
นายบวรศักดิ์ ยังชี้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีเจตนารมณ์ให้บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงใน 4 ทิศทาง คือพลเมืองเป็นใหญ่ การเมืองใสสะอาดและสมดุล หนุนสังคมเป็นธรรม นำชาติสู่สันติสุข เจตนารมณ์การร่างต้องการให้ความสำคัญกับพลเมือง กำหนดการสร้างพลเมืองให้เกิดขึ้นทั้งการเพิ่มสิทธิเสรีภาพและหน้าที่ต่อบ้านเมือง เพื่อไม่ต้องการให้นักการเมืองและข้าราชการมาตัดสินชี้นำต่อไปให้รัฐมาดูแลพลเมืองเพิ่มมากขึ้นเช่นให้รัฐมาดูแลเรื่องครอบครัวตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์ ขยายการศึกษาภาคบังคับจาก12 ปี เป็น15ปีโดยเริ่มตั้งแต่การศึกษาภาคปฐมวัย
ให้อำนาจภาคพลเมืองถอดถอน
“การจัดตั้งสมัชชาพลเมืองทุกจังหวัด ให้มีส่วนร่วมในทางการเมืองในระดับท้องถิ่น โดยให้มีส่วนร่วมในการเลือก ส.ว.พร้อมกับผู้บริหารท้องถิ่น และสภาตรวจสอบภาคพลเมืองเพื่อตรวจสอบการใช้อำนาจของข้าราชการ และผู้บริหารท้องถิ่น ให้พลเมืองสามารถถอดถอนนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ส.ส. ส.ว.ที่ผิดจริยธรรมร้ายแรงได้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเพราะพลเมืองตั้งนักการเมืองได้ก็สามารถล้มได้และถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนเนื้อหาที่สำคัญ ก็ต้องให้พลเมืองออกเสียงประชามติก่อนที่จะมีการประกาศใช้” นายบวรศักดิ์ ระบุ
มุ่งสู่การเมืองใสสะอาด-สมดุล
นายบวรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ทาง กมธ.ได้ยกร่างฯให้การเมือง มีความใสสะอาดและสมดุลโดยเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่พูดถึงผู้นำการเมืองที่ดีและผู้แทนที่ดีเช่น มีการให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกระดับ ต้องแสดงบัญชีการเสียภาษีย้อนหลัง3 ปี กำหนดให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีอำนาจตรวจสอบนักการเมือง และข้าราชการเมืองระดับสูงเท่านั้น เพื่อให้ ป.ป.ช.ดำเนินการทางคดีอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดมากขึ้น ตั้งศาลวินัยการเงิน การคลังและงบประมาณโดยให้ป.ป.ช.หรือ สตง.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการดำเนินการที่จะให้เกิดความเสียหายด้านงบประมาณอย่างรุนแรงก็สามารถฟ้องร้องต่อศาลดังกล่าวได้ ปรับบทบาท กกต.ในการจับผู้ซื้อเสียง
แยก 2 อำนาจ-ห้ามสส.เป็นรมต.
ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ระบุว่า ให้มีการเมืองภาคพลเมืองสมดุล กับภาคนักการเมือง สร้างสมดุลของพรรคการเมืองกับกลุ่มการเมือง สร้างสมดุลระหว่างคะแนนนิยมพรรคการเมือง กับจำนวนส.ส.โดยกำหนดให้ใช้ระบบสัดส่วนผสมมาใช้ ดำเนินการให้ส.ส.มีความเป็นอิสระในการทำหน้าที่จากมติพรรค ดำเนินการให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารแยกออกจากกันโดยห้าม ส.ส.เป็นรัฐมนตรีและหากมีการลงมติไม่ไว้วางใจก็ให้สภาพ้นจากตำแหน่งพร้อมกับรัฐบาล เพื่อให้ฝ่ายนิติบัญญัติใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มข้นกว่าในการตรวจสอบ กำหนดให้สมาชิกรัฐสภา ลงมติถอดถอนโดยใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิก เป็นต้น
กรอบปฎิรูปเห็นผลภายใน 5ปี
ส่วนการดำเนินให้มีการสร้างสังคมที่เป็นธรรมนั้น หน่วยงานปฏิรูปที่จะกำหนดในรัฐธรรมนูญใหม่ จะสิ้นผลภายใน5 ปีโดยหากต้องการให้องค์กรดังกล่าวทำงานต่อก็ต้องให้มีการทำประชามติ โดยร่างรัฐธรรมนูญนี้ มีการกำหนดให้มีการปฏิรูปใน18ด้าน เช่นการปฏิรูปทางกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรมจะมีการตั้งกองทุนเพื่อจัดหาทนายฝีมือดีมาช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีเงินมาจ้างทนาย การปฏิรูปในด้านการศึกษา เป็นต้น แต่สื่อกลับไม่สนใจนำเสนอ ไม่สนใจคนเล็กคนน้อยรวมทั้งความเหลื่อมล้ำทางสังคม แต่กลับสนใจ แต่ ส.ว.ลากตั้ง สนใจกลุ่มอำนาจเก่าผู้มีเงินอยู่เดิม คนที่ใช้วีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ประชุมพรรคการเมืองทั้งที่หัวใจสำคัญของการเมือง คือเราต้องกระจายอำนาจไป ยังคนไม่มีสิทธิ มีเสียง
ย้ำการปรองดองไม่ใช่’เกี๊ยะเซี้ยะ’
”การนำชาติสู่สันติสุขนั้น ส่วนตัวมองว่าความขัดแย้งในวันนี้ เป็นการพักรบชั่วคราว เพราะ ยังมีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และกฎอัยการศึก บังคับใช้อยู่ หากมีการใช้รัฐธรรมนูญใหม่ ก็คาดหมายว่า ก็จะมีความขัดแย้งกันอีกดังนั้นจึงได้มีการตั้งคณะกรรมาการปรองดองเพื่อกำหนดกระบวนการอย่างสันติวิธีเพื่อนำชาติไปสู่สันติสุข ไม่ใช่ใช้วิธี”เกี๊ยะเซี้ยะ”หรือ ปัดฝุ่นเข้าใต้พรม” นายบวรศักดิ์ ย้ำ
เมื่อถามว่าจะมีการทบทวนร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่หลายภาคส่วนไม่เห็นด้วยหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่ากมธ.จะทบทวนร่างทั้งฉบับอีกครั้งพร้อมทั้งเชิญหน่วยงานที่ไม่เห็นด้วย อาทิ คณะกรรมการการเลือกตั้ง( กกต.)คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)ผู้ตรวจการแผ่นดิน มาร่วมแสดงความคิดเห็นด้วย ซึ่งการรับฟังความคิดเห็นสามารถทำต่อไปได้ จนถึงเดือน มิถุนายนก่อนที่จะนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เข้าสู่การพิจารณาของสปช.ในวันที่ 23 กรกฎาคม2558
ส่วนร่างรัฐธรรมฉบับนี้ต้องประชามติหรือไม่ หากมีอำนาจ ก็จะเสนอให้ประชาชนออกเสียงให้ทำประชามติ ต้องไปถาม คสช.และครม.โดยตนจะเสนอต่อผู้มีอำนาจต่อไป ซึ่งนายกฯบอกว่าค่อยว่ากันอีกครั้งเมื่อเวลามาถึง
ฝันเป็นยกร่าง รธน.ฉบับสุดท้าย
เมื่อถามว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะเป็นฉบับสุดท้ายหรือไม่ นายบวรศักดิ์ กล่าวว่าอยากให้เป็นอย่างนั้น ไม่ทราบว่าจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่ ขอบอกเลยว่าไม่มีฉบับใดที่ดีที่สุดในโลกแต่เราก็พยายามทำให้ดีที่สุด เท่าที่36 คนจะทำได้ ที่ผ่านมาได้พบว่าคนที่เห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ค่อยพูด ส่วนตัวได้มีโอกาสคุยกับตัวแทนจากพรรคพลังชลก็ได้รับคำชมว่าระบบเลือกตั้งแบบนี้ช่วยพรรคเล็กได้มาก แต่ก็มีแค่พรรคใหญ่นั้นที่ออกมาวิจารณ์ ส่วนกรณีเลือกตั้งทางอ้อมนั้นก็อยากให้ไปอ่านดีๆว่าลากตั้งตรงไหน แล้วมันไปเหมือนรัฐธรรมนูญ2521และ2535 อย่างไร
”ทิชา”ลาออกพ้นกมธ.ยกร่าง-สปช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเช้าวันเดียวกัน นางทิชา ณ นครที่ได้ยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่ง กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ และสมาชิก สปช.ซึ่ง เฟซบุ๊คของบ้านกาญจนาภิเษกโดย นางทิชา ณ นคร เป็นผอ.สถานพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน บ้านกาญจนาภิเษก ได้โพสต์ชี้แจงถึงสาเหตุการลาออกตำแหน่งจากสมาชิก สปช.และกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฯของนางทิชา สรุปใจความว่านางทิชาไม่ได้ตั้งใจจะเข้าทำเป็นสมาชิก สปช.แต่เพราะมีผู้ใหญ่ร้องขอ จึงตกลงและยังช่วยจัดหาเจ้าหน้าที่มาช่วยดำเนินการด้านเอกสารจนเกือบสมบูรณ์ หลังทำงานมา 4 เดือนเต็ม รู้สึกเพียงพอแล้ว สำหรับภาวะปลาผิดน้ำ พร้อมกล่าวขอโทษและขอบคุณผู้สนับสนุนทุกคนแจ้งการลาออกของนางทิชาที่ระบุว่าให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้ เป็นต้นไป
‘บวรศักดิ์’รับเสียดาย’ทิชา’ลาออก
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าว ว่าเสียดายผู้ที่ทำงานที่มีความเสียสละต่อเยาวชนและสังคมลาออกไป เชื่อว่านางทิชามีจุดยืนของตนเองที่ต้องการแสดงความในใจให้ปรากฏด้วยการยื่นใบลาออก เราก็เคารพการตัดสินใจ และดีใจที่ได้เคยทำงานร่วมกัน
‘จเร’แจงเลือกกมธ.ยกร่างฯแทนทิชา
ด้าน นายจเร พันธุ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติกล่าวว่า ในการแต่งตั้ง กมธ.รยกร่างรัฐธรรมนูญแทนนางทิชา ณ นคร ที่ลาออกต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว2557มาตรา32 วรรค 3 ที่ระบุให้ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติแต่งตั้งกมธ.ยกร่างฯตามหลักเกณฑ์ภายใน15 วันนับตั้งแต่วันที่สมาชิกใน กมธ.ยกร่างฯลาออกโดยหลักต้องให้สมาชิก สปช.สมัคร คัดเลือกจากที่ประชุม โดยผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุด เข้ารับตำแหน่งแทน ส่วนตำแหน่งสมาชิก สปช.ที่ว่างลงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ คสช.แม้นางทิชาจะพ้นตำแหน่งไปแล้วจะไม่มีผลในทางกฎหมายต่อการปฏิบัติหน้าของสมาชิก สปช.ที่เหลืออยู่
ทั้งนี้ สำหรับคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวพ.ศ.2557 มาตรา32 กำหนดสัดส่วน คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญจำนวน36 คน มาจากสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) 20 คน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) 5 คน คณะรัฐมนตรี(ครม.)5 คน คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) 5 คนและประธานกมธ.ยกร่าง รธน.1คน หลังจากนางทิชา ณ นคร ลาออกจาก สปช.และ กมธ.ยกร่างฯ ทำให้สัดส่วนของ สปช.หายไป 1 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี